เมื่อ 2 นักเตะดังระดับโลก หันมาเป็นชาวพุทธ

วันที่ 19 มค. พ.ศ.2559

 

เมื่อ 2 นักเตะดังระดับโลก หันมาเป็นชาวพุทธ

 

เมื่อ 2 นักเตะดังระดับโลก หันมาเป็นชาวพุทธ

 

.....เดวิด เบคแคม และ โรแบร์โต บาจโจ 2 นักเตะดังในวงการลูกหนัง ที่แฟนบอลทั่วโลกชื่นชอบ คงหนีไม่พ้น “เดวิด เบคแคม” อดีตกัปตันทีม ชาติฟุตบอลอังกฤษและนักเตะดังของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งปัจจุบันสังกัดทีมลอสแองเจลิส แกแล็กซี สโมสรเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา และเทพบุตรเปียทองคำ “โรแบร์โต บาจโจ” อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลี ซึ่งได้อำลาวงการลูกหนังไปในปี 2004 สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่หันมานับถือศาสนาพุท ก็เนื่องมาจาก ความทุกข์ใจ อันเกิดจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า กังวลว่าจะไม่มีโอกาสค้าแข้งต่อไปในวงการลูกหนัง ในขณะที่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังและสามารถทำเงินได้มาก มีผู้แนะนำให้ทั้งสองสวดมนต์ภาวนา
 เพื่อทำให้จิตสงบและผ่อนคลายจากความทุกข์ ซึ่งก็ได้ผล จึงทำให้ทุกวันนี้ เบคแคมหันมาสวดมนต์สั้นๆราว 5 นาที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ขณะที่บาจโจหันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนาจนนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังมากว่า 20 ปีแล้ว

 

.....เดวิด เบคแคม (David Beckham) เมื่อเดือนกันยายน ปี 2008 ขณะที่ “เดวิด เบคแคม” อดีตกัปตันทีมชาติฟุตบอลอังกฤษและ นักเตะดังของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมี ชื่อเสียงไปทั่วโลก กำลังปักหลักค้าแข้งอยู่ในสหรัฐอเมริกานั้น นิตยสารลุคของอังกฤษได้รายงานว่าเบคแคม รวมทั้ง “วิกตอเรีย” อดีตนักร้องวงสไปซ์ เกิร์ลส์ ผู้เป็นภรรยา ได้หันมานับถือศาสนาพุทธ โดยนิตยสารลุคได้อ้างถึงคำบอกเล่าของ แหล่งข่าวใกล้ชิดของทั้งคู่ว่า เบคแคมและภรรยาจะสวดมนต์ทุกเช้า เพื่อช่วยให้เกิดสมาธิในการจัดการกับวิถีชีวิตของคนดังเช่นเขา อันแสนจะสับสนวุ่นวาย

 

.....“เดวิดและวิกตอเรียได้กลายเป็นชาวแคลิฟอร์เนียไปโดยปริยาย เดวิดเริ่มสวมสร้อยลูกปัดที่ข้อมือ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้สวมใส่มีสุขภาพดี ประสบความสำเร็จ เขาเริ่มต้นฝึกโยคะ หลังจากได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า และเพื่อนร่วมทีมฟุตบอลแนะนำให้เขาหันหน้าเข้าหาพุทธศาสนา สวดมนต์ภาวนา เพื่อทำจิตใจให้สงบ

 

.....ตอนนี้เดวิดและภรรยาจะสวดมนต์สั้นๆราว 5 นาที หลังจากตื่นนอนตอนเช้า เพื่อก้าวย่างที่ดีของวันใหม่ บทสวดมนต์นั้นมีใจความว่า

 

.....“ขอนอบน้อมแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ไกลจากกิเลส ผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง” (บทสวดนะโม) โดยทั้งสองจะสวดซ้ำๆเช่นนี้” นอกจากนั้น แหล่งข่าวคนเดิมยังบอกว่า  “เดวิดและวิกตอเรียกำลังดำเนินชีวิตแบบ องค์รวม โดยวิกตอเรียมักจะซื้อเครื่องดื่ม ที่ทำจากเต้าหู้มาดื่ม รวมทั้งไปที่ร้านหนังสือ

 

.....“The Bodhi Tree” เพื่อซื้อหนังสือเกี่ยวกับการดูแลตนเองแบบองค์รวมไปอ่านที่บ้าน รวมทั้งมีข่าวว่า ทั้งคู่ได้ว่าจ้างซินแสฮวงจุ้ยมาจัดแต่งบ้านพักให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อช่วยให้อาชีพค้าแข้งของเบคแคมรุ่งโรจน์ และช่วยให้วิกตอเรียได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง” และข่าวนี้ได้กระจายไปทั่วตามสื่อต่างๆทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก

 

.....ย้อนไปในปี 1998 มีเรื่องฮือฮาของนักเตะซูเปอร์สตาร์คนนี้เกี่ยวกับพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในเวลานั้นก็คือ รูปปั้นเบคแฮมไปปรากฎที่ ฐานพระประธานที่ศาลาการเปรียญของวัดปริวาศ ถนนพระรามสาม กทม. โดยศาลาการเปรียญหลังนี้สร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมเมื่อปี 1996 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปีจึงแล้วเสร็จ เหตุที่รูปปั้นนักฟุตบอลคนดังของอังกฤษไปอยู่ที่บริเวณฐานพระประธานในรูปแบบ “ตัวแบกปูนปั้นปิดทอง” เพราะ “ทองร่วง เอมโอษฐ์” ช่างปูนปั้นชื่อดังเมืองเพชรบุรี ได้ปั้นขึ้นมาเพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆในช่วงเวลานั้น (อันเป็นสไตล์เฉพาะตัวของช่างทองร่วง) 

 

.....ซึ่งในปี 1998 ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทริปเปิลแชมป์ (แชมป์ 3 รายการ ซึ่งประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่งานปูนปั้นแท่นพระประธานเสร็จสมบูรณ์ และเบคแคมซึ่งสังกัดทีมนี้ก็เป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

 

.....ต่อมาเมื่อปี 2003 ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชื่อดังของโลก ได้มาเมืองไทยและแวะซื้อศาลพระภูมิกลับไปอังกฤษ 6 หลัง

 

ประวัติย่อ เดวิด เบคแคม


.....เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบคแคม (David Robert Joseph Beckham) เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 ที่ลีย์ตันสโตน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ  เป็นนักฟุตบอลและเป็นกัปตันของทีมชาติอังกฤษ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 เขาเป็นนักเตะหนึ่งในสี่คนที่เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมากกว่า 100 นัด และยังเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 113 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 2 และเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ปี 1998, 2002 และ 2006

 

.....โดยยิงประตูให้ทีมชาติรวมทั้งหมด 17 ประตู ปัจจุบันเขาเล่นให้กับทีมลอสแองเจลิส แกแล็กซี สโมสรเมเจอร์ลีกในสหรัฐอเมริกา เบคแคมได้รับเครื่องราชเป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิ


โรเแบร์โต บาจโจ (Roberto Baggio)

 

.....อดีตนักฟุตบอลชื่อดังชาวอิตาลี วัย 43 โรเแบร์โต บาจโจ หรือที่แฟนบอลชาวไทยตั้งฉายาให้ว่า “เทพบุตรเปียทองคำ”  (ตามเอกลักษณ์ประจำตัวของเขาคือผมเปียที่ท้ายทอย) ได้หันมาสนใจพุทธศาสนา หลังเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาลงแข่งขันฟุตบอลได้เพียง 5 เกมในช่วง 2 ปีแรกเท่านั้น และต้องหยุดเล่นนานถึง 2 ปี เพื่อฝึกกายภาพ เขาเล่าว่า ในเวลานั้น รู้สึกเป็นกังวลต่ออนาคตของตัวเองในวงการฟุตบอล  เพราะไม่แน่ว่าจะสามารถกลับมาลงสนามได้หรือไม่ มันดูเป็นความหวังที่เลือนลาง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อยครั้ง และไม่มีความสุข เมาริซิโอ โบลดรินี เจ้าของร้านขายแผ่นซีดี ซึ่งบาจโจเป็นลูกค้าประจำที่ร้าน ได้แนะนำให้เขาสวดมนต์ บาจโจรู้สึกดีขึ้นมาก และหันมาสนใจศึกษาพุทธศาสนา จนนำไป สู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง กระทั่งอาการบาดเจ็บที่เข่าค่อยทุเลาลง และสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง

 

.....ในราวปี 1988 บาจโจได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ โดยเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโซคา งักไก สากล (Soka Gakkai International) ซึ่งมีรากฐานมาจากนิกายนิชิเรน โชชู ทางฝ่ายพุทธมหายาน ที่มีต้นกำเนิดในญี่ปุ่น

 

.....การเปลี่ยนศาสนาของนักเตะดัง เป็นเรื่องที่ดูขัดแย้งที่สุดในสายตาเพื่อนร่วมชาติ เพราะเขาเป็นพุทธศาสนิกชน ในดินแดนแห่งคริสตศาสนจักรอันศักดิ์สิทธิ์ แต่เทพบุตรเปียทองคำบอกว่า 

 

.....ศาสนาพุทธช่วยให้เขาผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตนั้นมาได้ และสร้างสมดุลในชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะทำให้คนอื่นๆรู้สึกแปลกใจต่อการเปลี่ยนศาสนาของเขาก็ตาม สำหรับเขาแล้วการตัดสินใจ หันมานับถือพุทธศาสนา ไม่รู้สึกว่าขาดความเชื่อมั่นและไม่แคร์ว่าใครจะพูดว่าอย่างไร เพราะเป้าหมายของตนคือต้องการจะเป็นบุคคลที่มีความสุขที่สุด

 

.....“นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมความเชื่อในประเทศอื่น การที่คนคนหนึ่งหันมานับถือศาสนาพุทธ คนอาจจะมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่คนที่อิตาลี ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องพุทธศาสนาเลย ก็เลยตัดสินคนอื่นโดยขาดความรู้ความเข้าใจ  เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า “พระพุทธเจ้า” ก็พากันอุทานว่า “ว้าว!!” ที่แน่ๆก็คือ มารดาของเขาเอง ซึ่งบาจโจต้องรอถึง 3 เดือนหลังการเปลี่ยนศาสนา จึงค่อยบอกมารดา ซึ่งภายหลังเธอก็ยอมรับว่า พุทธศาสนาช่วยให้ลูกชายของเธอเป็นคนดีขึ้น  เพราะก่อนหน้าที่บาจโจจะหันมาปฏิบัติธรรมนั้น เขาเป็นคนที่จะต้องคิดในรูปแบบที่ตัวเองวางกรอบ หรือกำหนดไว้แล้ว หรือไม่ก็ตัดสินสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยใช้ความคิดเห็นของตนเองเป็นหลัก และคิดว่าการกระทำเช่นนี้ของตนถูกต้องเสมอ แต่หลังการปฏิบัติธรรมแล้วมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมายในชีวิตจิตวิญญาณของเขา สิ่งที่สำคัญที่เห็นได้ชัดคือเขาได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเอง โดยใช้สติปัญญาในการตัดสินใจ


.....อดีตนักบอลทีมชาติอิตาลีจะนั่งสมาธิ 30 นาทีก่อนลงสนามแข่งทุกครั้ง เพื่อเป็นการผ่อนคลายและช่วยลดแรงกดดันในการแข่งขันทั้งจากโค้ชและแฟนบอล ในช่วงที่เขาสังกัดทีมยูเวนตุสนั้น บาจโจเกิดความศรัทธาในสมาคมโซคา งักไก มาก จึงให้กัปตันทีมสวมสายรัดแขนที่เป็นสีของสมาคม และเขียนข้อความว่า “เราชนะ เราต้องชนะ”

 

.....ปี 2002 เขาได้รับการแต่งตั้งจากองค์กร FAO ให้เป็นทูตสันถวไมตรี ซึ่งบางครั้งก็ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในประเทศต่างๆ  และหลังจากกรำศึกลูกหนังมาหลายสิบปี อดีตดาวซัลโวจึงรีไทร์ตัวเองจากอาชีพค้าแข้งในปี 2004 และใช้ชีวิตอย่างสงบสุข กับ “แอนเดรียนา” ภรรยา พร้อมลูกๆ 3 คน ในชนบทของอาร์เจนตินา

 

.....นอกจากนี้ บาจโจยังได้แนะนำให้ “เซบาสเตียน เฟรย์” ผู้รักษาประตูชาวฝรั่งเศส แห่งทีมฟิออเรนตินา หันเข้าหาพุทธศาสนา  ในช่วงที่เฟรย์มีปัญหาการเล่นฟุตบอลอาชีพในปี 2006 ซึ่งต่อมาเฟรย์ก็ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธเช่นกัน กว่า 20 ปีในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่ง บาจโจได้เขียนไว้ตอนหนึ่งในคำนำของหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองที่ชื่อว่า “Baggio il Fenomeno” หรือ “ปรากฏการณ์บาจโจ” ว่า “สำหรับผู้ที่เชื่อในเรื่องการกลับชาติมาเกิดใหม่นั้น ชีวิตก็คือวัฏจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด”

 

ประวัติย่อ โรแบร์โต บาจโจ


.....โรแบร์โต บาจโจ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967 ที่เมืองคาลดอคโน่ วิเซนซ่า ประเทศอิตาลี เขาเริ่มเล่นฟุตบอล  ครั้งแรกในปี 1982 กับสโมสรวิเซนซ่า บ้านเกิด จนถึงปี 1985 จึงย้ายไปอยู่ที่ฟิออเรนติน่า จากนั้นในปี 1990 จึงย้ายไปอยู่ที่ยูเวนตุส สโมสรชั้นนำของอิตาลีและของยุโรป จนได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป ในปี 1993 ก่อนที่จะเป็นกองหน้าของทีมชาติอิตาลีนำทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา จนได้เป็นรองแชมป์โลก

 

.....จากนั้น ในปี 1995 บาจโจจึงได้ย้ายไปอยู่ที่เอซีมิลาน และไปอยู่กับโบโลญญ่าในปี 1997 จากนั้นย้ายไปอยู่กับอินเตอร์มิลาน ในปี 1998 และเบรสชา ในปี 2000 ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดไปในปี 2004

พระพุทธศาสนา

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.007997997601827 Mins