สหกรณ์ฯ กับวัดพระธรรมกาย !
ความจริงที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
1. วัดพระธรรมกายมีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีถูกกล่าวหาว่า..ยักยอกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร หรือไม่ ?
ตอบ วัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับกรณียักยอกเงินดังกล่าว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น ทางวัดได้สอบถามนายศุภชัยว่า..เงินที่นำมาทำบุญได้มาจากไหน? ก็ได้รับคำตอบว่า..กู้ยืมมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่น และได้ชำระคืนแล้ว โดยมีหลักฐานคือ การตรวจสอบบัญชีประจำปี และรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ฯ แล้ว
2. ยอดเงินบริจาคมากถึงหลายร้อยล้านบาท ทำไม..ทางวัดถึงไม่สงสัยที่มาของเงินบ้าง?
ตอบ นายศุภชัย ไม่ใช่ผู้ที่มาบริจาคทำบุญมากที่สุดของวัด ยังมีผู้ที่บริจาคทำบุญมากกว่านายศุภชัยอีกหลายท่าน เพราะศาสนสถานที่ก่อสร้างเพื่อรองรับคนเรือนล้านต้องใช้งบประมาณมาก ดังนั้นเมื่อนายศุภชัยมาทำบุญจำนวนมาก และบอกว่า ได้ทำธุรกิจหลายอย่าง ได้ผลกำไรดีมาก จึงเอามาทำบุญ ทางวัดจึงไม่ได้สงสัยอะไร
3. วัดพระธรรมกายนำเงินครั้งนี้ไปทำอะไร ?
ตอบ นำไปใช้ก่อสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาค เนื่องจากมีประชาชนมาปฏิบัติธรรมที่วัดจำนวนมาก คราวละนับล้านคนในงานบุญใหญ่ จึงจำเป็นต้องมีการสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่รองรับ ซึ่งการสร้างศาสนสถานรองรับคนจำนวนมากนี้ ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเช่นกัน
4. เพราะเหตุใด ทางวัดพระธรรมกายจึงคืนเงินบริจาคของนายศุภชัย จำนวน 684 ล้านบาท ให้แก่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ?
ตอบ ทางวัดได้รับบริจาคโดยเปิดเผยและสุจริต และนำเงินบริจาคไปสร้างศาสนสถานตามเจตนาของผู้บริจาคหมดแล้ว ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางวัดไม่สามารถนำเงินของผู้บริจาครายอื่นที่มาบริจาคทำบุญในวัตถุประสงค์อื่นมาคืนให้แก่สหกรณ์ฯได้ แต่เมื่อเกิดเป็นคดีความขึ้น ทางคณะศิษย์ของวัดพระธรรมกายเห็นว่า หากมีการต่อสู้คดีกันต่อไปก็จะกินเวลานาน และเกิดความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงของวัด และต่อสมาชิกสหกรณ์ผู้ฝากเงินที่เดือดร้อน จึงได้ตั้งกองทุนรวบรวมเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาบรรเทาความเดือดร้อนแก่สมาชิกผู้ฝากเงินสหกรณ์ โดยมีเงื่อนไขว่า หากอนาคตมีการพิสูจน์ได้ว่า เงินที่ทางนายศุภชัยนำมาบริจาคแก่วัดนั้น มาจากการกู้ยืมและได้คืนไปหมดแล้ว ตามที่นายศุภชัยได้แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ทางสหกรณ์ก็จะคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่คณะลูกศิษย์วัด
5. ขณะนี้ปัญหาระหว่างสหกรณ์ฯ กับวัดพระธรรมกายเป็นอย่างไรบ้าง ?
ตอบ ทางสหกรณ์ฯได้มีหนังสือขอบคุณมายังคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่มีน้ำใจจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาแก่ทางสหกรณ์ฯ และสมาชิกสหกรณ์ฯ ที่เดือดร้อนครบจำนวน ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว เมื่อทางวัดรับเงินบริจาคโดยสุจริตเปิดเผย และนำเงินไปก่อสร้างศาสนสถานซึ่งเป็นประโยชน์สาธารณะตามเจตนาของผู้บริจาคเสร็จสิ้นไปแล้ว ถือเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย ดังตัวอย่าง ที่นายศุภชัยก็ได้นำเงินไปบริจาคให้แก่วัดและโรงเรียนอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งก็ไม่ต้องคืนเงินแต่ประการใด แต่ทางคณะลูกศิษย์วัดยึดหลักมนุษยธรรม จึงจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาแก่สมาชิกสหกรณ์ฯ ที่เดือดร้อน ดังนั้นเรื่องราวระหว่างสหกรณ์ฯ กับทางวัดจึงจบลงแล้วด้วยดีทุกประการ และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2558 ทางวัดก็ได้ไปให้ข้อมูลกับทาง DSI ในฐานะพยานยืนยันว่า ทางวัดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นใด ๆ กับนายศุภชัย ในคดียักยอกเงินของสหกรณ์ฯ คลองจั่นแต่อย่างใด
6. นักวิชาการบางท่านได้ความคิดเห็นว่า การบริจาคเงินให้แก่วัด ควรมีวิธีการที่โปร่งใสและเปิดเผยมากกว่านี้ โดยควรระบุแหล่งที่มาของเงินนั้นๆ ในการบริจาคด้วย ทางวัดพระธรรมกาย เห็นด้วยกับความคิดเห็นดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร ?
ตอบ วัดหรือมูลนิธิหรือองค์กรสังคมสงเคราะห์ต่าง ๆ ที่ดำเนินการอยู่ได้ด้วยเงินบริจาค การจะไปถามผู้บริจาคว่า เอาเงินมาจากไหน ? ในเชิงปฏิบัติจริงทำได้ยาก เพราะจะเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง เหมือนเป็นการดูถูกผู้บริจาค แต่ทางวัดเห็นด้วยกับหลักการความโปร่งใสในการบริจาคทาน ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันคิดหาวิธีการที่ปฏิบัติได้จริงมานำเสนอ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทุกวัด ทุกมูลนิธิ และทุกองค์กรการกุศลสืบไป
7. ในความเชื่อที่ว่า "ยิ่งบริจาคมาก ยิ่งได้บุญมาก ชีวิตในชาติหน้าจะดียิ่ง ๆ ขึ้นไป” ท่านมีความเห็นอย่างไร?
ตอบ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในการบริจาคทานนั้น หากผู้บริจาคมีจิตเลื่อมใสมาก แม้บริจาคน้อยก็ได้บุญมาก และทรัพย์ที่นำมาบริจาคนั้น ต้องเป็นทรัพย์ที่ได้มาด้วยความสุจริตด้วย จึงจะได้บุญมาก
“คนเราควรให้ทานเต็มกำลังศรัทธาของตนเอง
โดยไม่ให้เดือดร้อนตนเอง และไม่ให้เดือดร้อนผู้อื่น”