แด่อาสาสมัคร(อ่านจบ ชีวิตเปลี่ยน)

วันที่ 15 กพ. พ.ศ.2559

 

แด่อาสาสมัคร(อ่านจบ ชีวิตเปลี่ยน)

 

แด่อาสาสมัคร(อ่านจบ ชีวิตเปลี่ยน)

โอวาท พม.สุทธิชัย สุทฺธิชโย ผอ.สน.ศรัทธาภิบาล
         
ในพิธีมอบรางวัลจำศีลและมอบทุนการศึกษาอาสาสมัครจากพระเทพญาณมหามุนี 28 พ.ย. 58 ณ SPD4
...........

           อาสาสมัครมีความสำคัญมาก ที่ผ่านมาเรามีอาสาสมัครเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่อาสาสมัครที่มาประจำต่อเนื่องอย่างพวกเรานี่มีไม่มาก เราล้วนเป็นผู้มีบารมีแก่ ขาข้างนึงอยู่ในวัด ข้างนึงอยู่นอกวัด แต่ใจอยู่ในวัด

ผอ.เอง แต่ก่อนก็ข้างนึงอยู่ในวัด ข้างนึงอยู่นอกวัด มาตอนนี้ก็อยู่ในวัดทั้งสองข้าง เราเองก็ซ้อมๆ

          พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ความสำคัญกับอาสาสมัครมากๆ เพราะท่านเห็นว่างานต่างๆ ของวัดจะสำเร็จได้ต้องมีอาสาสมัคร คนที่มาวัดเป็นหมื่นเป็นแสนเขาก็คิดว่าจะมาร่วมงาน แต่พวกเราอาสาสมัครมาช่วยกันเตรียมงาน จัดงาน เก็บงาน 

              เมื่อกฐินที่ผ่านมา มีพระต่างประเทศมามาก ทุกคนปลื้มมากที่พิธีกรรมเป็นระเบียบเรียบร้อย ศักดิ์สิทธิ์ ญาติโยมของเราก็ตั้งใจ พอถึงเวลานั่งสมาธิก็เงียบ หลวงพ่อท่านเชิญชาวต่างประเทศมาเพื่อให้เห็นต้นแบบแล้วจะได้ขยายต่อไปเพราะพระพุทธศาสนาจะแข็งแรงแค่เมืองไทยไม่ได้ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด 

            ดังนั้นสิ่งที่เราทำกัน อย่าคิดว่าเรามาใช้แรงงาน มาเป็นเบ๊ แต่เรากำลังมาทำหน้าที่กัลยาณมิตร แม้มองภายนอกเรามาต้อนรับบริการ แต่เราต้อนรับบริการเพื่อให้เขาเข้าถึงธรรม และเวลาเข้าถึงธรรมก็ไม่ใช่เข้าถึงธรรมแค่คนสองคน แล้วบุญจะเกิดกับใคร...ก็เกิดกับเรา

           เราไม่ใช่ทำแค่แผนกหรือกองเรา แต่เราทำทั้งงาน เพียงแค่หมู่คณะมอบหมายส่วนนี้มาให้เรา สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ ผอ. พยายามเน้น เพราะเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเราคิดว่าเป็นของเราทั้งงาน ภาชนะรองรับบุญของเราก็ใหญ่ เราทำด้วยกันเป็นทีม สำเร็จก็สำเร็จทั้งทีม นี่คืออานุภาพของทีม อย่าคิดว่าเราแค่แจกน้ำ หรือทำอะไร แต่เราคือทั้งหมดของงาน ยิ่งเอื้อเฟื้อกันได้ก็ยิ่งดี และอย่างที่บอกว่า เราไม่ใช่แค่จัดงาน ไม่ใช่แค่ต้อนรับบริการ แต่เรากำลังทำหน้าที่กัลยาณมิตร ทำหน้าที่เผยแผ่ แม้จะไม่ใช่การบอก การสอน แต่ภาพที่เราช่วยกันจัดได้เผยแผ่ออกไปสู่ใจของชาวโลก เป็นการเผยแผ่อีกทางหนึ่ง

            ตอนนี้โลกกำลังวุ่นวาย หลวงพ่อจึงต้องรีบสร้างบุญ เพราะเรากำลังแข่งกับพญามาร อย่างเช่นการหล่อหลวงปู่องค์ที่ 8 ที่ทำให้สำเร็จภายใน 1 เดือน เราได้ทำกันไหม ต้องทำนะ ทุกๆ บุญ ไม่ว่าจะมีบุญอะไรอย่าให้ตกบุญเลย หลวงพ่อท่านให้ความสำคัญกับอาสาสมัครมากๆ แม้ว่าจะไม่ได้พูดกับเราโดยตรง แต่ก็พูดผ่าน ผอ.  ท่านเห็นอาสาสมัครทุกอาทิตย์ ท่านบอกกับ ผอ.ว่า อาสาสมัครสำคัญนะ ไปดูแลดีๆ ให้เป็นต้นแบบ ให้เป็นอาสาสมัครระดับโลก พูดแบบนี้มาตั้งแต่ 22 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังมองไม่เห็นเลยว่าจะระดับโลกอย่างไร

            วัดพระธรรมกายนี่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับระดับโลกนะ เราก็ต้องทำตนเองให้สมเป็นระดับโลก คือ ใครมาเห็นเราต้องเบิกบานใจกับอาสาสมัครผู้อยู่ทั้งเบื้องหลัง เบื้องหน้าเบื้องบนและทุกเบื้องของทุกงานบุญ  จะเป็นได้ต้องฝึกฝนตนเอง คือ ต้องไม่ทำตามใจตนเอง ไม่ทำตามอำเภอใจ 

           พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะเน้นกับเรามากเรื่องสะอาด ระเบียบ สองอย่างนี้สำคัญที่เราจะต้องทำให้ได้เป็นพื้นฐาน เพราะสกปรกและไม่ระเบียบนี่เป็นทางมาแห่งบาป ไม่ใช่แค่ไม่ทำก็เฉยๆ ไม่มีอะไร เชื่อไม๊..เพราะอะไร (เราต้องรู้เหตุผล ไม่ใช่แค่เชื่อ เพราะศรัทธาที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาคืองมงาย เราต้องทั้งศรัทธาและปัญญา)

          ง่ายๆ ถ้าเราเข้ามาในห้องนี้แล้วมีขี้หมากองหน้าห้อง เรารู้สึกอย่างไร ใจใสหรือใจหมอง ... ใจหมอง  บุญ-บาปนี่ดูที่ใจใสหรือหมอง และเราต้องฝึกตลอด ไม่ใช่แค่ที่วัด อย่างเช่น ผอ. ตอนไปฉันที่หอฉัน ผ่านผ้าเช็ดเท้า ถ้าผ้ายับจะก้มลงจัดทุกครั้ง และเมื่อเราทำๆ ไป คนอื่นก็จะมาทำด้วย 

           หลวงพ่อบอกว่าไปที่ไหนต้องทำที่นั่นให้สะอาดเรียบร้อย เราเห็นอะไร เราช่วยกันทำเถอะ อย่ายอมแพ้กับความไม่สะอาด ไม่เป็นระเบียบ เพราะคุณยายของเราก็ไม่ยอมแพ้ จึงมีวัดพระธรรมกายที่สะอาดและเป็นระเบียบมาให้เรา อย่างเช่นห้องน้ำระเบียง 6 เราได้ใช้ไม๊ สะอาดขึ้นมั๊ย แล้วเราได้ช่วยกันทำด้วยมั๊ย เราทำอะไรแล้วต้องไม่เป็นภาระให้คนอื่น ไม่ทิ้งไว้ให้คนตามเช็ดตามเก็บ ถ้าเราฝึกได้แบบนี้ บุญของเราจะพุ่งๆๆๆ ขึ้นอย่างเดียว ไม่หกไม่หล่นเลย 

           คุณยายบอกว่านิสัยเราแก้ได้วันนี้ก็ได้ใช้วันนี้ แก้ได้วันหน้าก็ใช้ได้วันหน้า เหมือนคุณยายที่สะอาด เป็นระเบียบตั้งแต่ก่อนเข้าวัด ทำโดยไม่มีใครมาสอน ดังนั้นเราต้องฝึกฝนตนเอง บุญจะได้ไม่หกไม่หล่น เรารักในการสั่งสมบุญแล้วก็ดีแล้ว แต่ต้องรักในการฝึกฝนตนเองด้วยเพื่ออุดรูรั่ว ไม่ให้บุญหกบุญหล่น และก็ต้องรักในการปฏิบัติธรรมด้วย อย่างเช่นโครงการจำศีล ทุกๆ วันเราต้องทำให้มีเรื่องบุญเกิดขึ้นกับเรา ต้องมีเรื่องปลื้มเกิดขึ้นกับเราทุกวัน ผอ.ศีล 8 ทุกวันตั้งแต่อบรมธรรมทายาท แล้วก็ขยันมาก ใส่บาตรได้ก็ใส่ วันเสาร์ อาทิตย์ก็มาเป็นอาสาสมัคร นึกย้อนไปก็ปลื้มมม แบบนี้ดีไหม ปลื้มตลอดทุกช่วงชีวิตของการสร้างบารมี เราต้องทำทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ให้ครบถ้วน วิมานเราจะได้สมบูรณ์ ไม่ใช่ฐานใหญ่ยอดเล็ก หรือฐานเล็กยอดใหญ่

ดังนั้น อาสาสมัครต้อง...
1) รักการสร้างบารมี บุญเล็ก บุญใหญ่ไม่เกี่ยง
2) รักการฝึกฝนตนเอง โดยเฉพาะ สะอาด ระเบียบ สองอย่างนี้ต้องได้จริงๆ
3) รักการปฏิบัติธรรม
4) รักการทำหน้าที่กัลยาณมิตร หมั่นสร้างทีม

            เราฝึกตัว สะอาดก็ต้องสะอาดจริงๆ อย่างเช่นเพชรพลอย แต่ก่อนที่สำนักก็แยกขยะ แยกเป็นตั้ง 5 ประเภท เห็นขยะแล้วปลื้ม เปิดฝาถังไปเห็นของในนั้นตรงกับป้ายก็ปลื้ม เพราะแสดงว่าสมาชิกเรามีคุณภาพ แต่ถ้าวันไหนเห็นไม่ตรงประเภทก็แปลว่าต้องไปเคี่ยวเข็ญสมาชิกอีก ให้มีสติในการทิ้ง ยิ่งปลื้มหน้าก็ยิ่งเด็ก ยิ่งสว่างไสว  

            มีวันหนึ่งขยะแยกถูกประเภท แต่เปิดมาเห็นกองทัพมด ตามไปดูก็เห็นถ้วยปานะ มดตายเป็นเบือ แต่ก่อนเห็นก็เฉยๆ แต่พอเราฝึกสะอาดเรื่อยๆ ใจใสขึ้น เลยได้คิดว่า มันอยากตายมั๊ย แล้วทำไมมันต้องตาย ถ้าเมื่อก่อนเราก็คิดว่าก็เรื่องของมัน อยากมากินเอง แต่พอใจใสไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เริ่มสาวหาฆาตกร ก็รู้ว่าเราเป็นคนวางกับดัก จะให้ดีต้องเทปานะที่เหลือทิ้งก่อน และล้าง ถ้าสะอาดจริงได้แบบนี้จะไม่มีการตาย ไม่มีการก่อเวรก่อกรรม อย่างคุณยายท่านสะอาดจริงๆ สะอาดทั้งนอกทั้งใน ทั้งบนทั้งล่าง เราต้องทำให้ได้อย่างท่าน

              ต้องรักการปฏิบัติธรรม แม้จะมีงานอะไรก็ต้องปฏิบัติธรรม ต้องคิดว่าสักวันต้องเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ ตอกย้ำตัวเองทุกวัน และเราต้องกลับดุสิตบุรีอย่างสง่างาม อย่าอยู่หน้าเจดีย์นานนัก เราสร้างบารมีเป็นทีม เราต้องสร้างทีม ต้องทำหน้าที่กัลยาณมิตร ถ้าเราไม่แจ้งข่าวบุญ ไม่เชิญชวน เขาไม่มาหรอก เราเห็นใครที่มีแววมาเป็นอาสาสมัครได้ เราก็ต้องไปชวน ให้อยู่ในใจ แม้เขาไม่มาเราก็ได้บุญแล้ว เมื่อเราละโลกไป เขายังมาทำหน้าที่อยู่เราก็ได้บุญ เพราะเราเป็นต้นบุญให้เขา แต่ถ้าหันกลับมาไม่เจอใครเลย เราจะเอาบุญจากไหน เราชวนไปเถอะ แค่ชวนเราก็ได้บุญ 

                อย่าไปอายในการทำความดี ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ ชวนทำความดีไม่ต้องอาย แต่ถ้าชวนไปที่ไม่ดีนี่สิควรอาย นึกย้อนไปสมัยมหาวิทยาลัยก็ปลื้ม แต่ก่อนมีตักบาตรข้างตึก 30 คน อบรมธรรมทายาทกลับไปก็คิดว่าจะเอาบุญเล็กๆ ทำไม ย้ายมาจัดหน้ามหาวิทยาลัย คนมาเป็นร้อย ช่วงสอบเป็นห้าร้อย เป็นพัน เราเป็นอาสาสมัครต้องเอาทุกบุญ ไม่เกี่ยงบุญ อย่างที่สภาหลวงพ่อธัมมะบอกตั้งแต่สร้างว่าที่สภานี่อย่าให้มีขยะแม้ชิ้นเดียว เราเห็นแล้วเก็บเลย เก็บแล้วก็อธิษฐาน ให้เราอยู่แต่ในที่ที่สะอาด เป็นระเบียบ ไม่มีอะไรรกรุงรัง เราต้องเอาบุญตลอด ต้องเห็นบุญเหมือนเด็กเห็นขนมหวาน เห็นขยะรีบเก็บไม่ใช่เดินหนี เราต้องทำทั้ง 4 ข้อนี้ให้ได้ และต้องทำทันที อันดับแรกเลย ตอนลุกจากที่นั่งต้องไม่มีเสียง ตอนซ้อนเก้าอี้ต้องไม่มีเสียง เพราะหลักของความสุภาพคือหยิบจับอะไรไม่มีเสียง เหมือนคุณยาย สะอาด เร็ว เรียบ เงียบ ประหยัด คุณยายไม่ทำอะไรช้าๆ ต้องเงียบ เพราะยายเป็นนักปฏิบัติธรรม ถ้าไม่เงียบนี่ใจกระเพื่อม และยายรักษาสมบัติพระศาสนาต้องประหยัด ซ้อนเก้าอี้นี่ต้องตั้งละ 10 หรือ 5 ตัว 

                เรามาฝึกลุก ฝึกยกเก้าอี้ให้ไม่มีเสียงกัน..(ลองทำ) ยกเก้าอี้แค่นี้นี่มีอานุภาพมาก เราสังเกตมั๊ยว่า จะทำให้เบาได้ต้องมีสติมาก หลวงพ่อบอกว่าวางใจต้องวางเบาๆ ไม่ให้น้ำกระเพื่อม จะวางใจแบบนั้นได้ ต้องวางเก้าอี้ให้ได้ก่อน ต่อไปนะเห็นเก้าอี้ปุ๊บฝึกเลย

 

 

Cr. คทง.อสม.

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011946201324463 Mins