อานิสงส์การเจริญพูทธานุสติ

วันที่ 26 มิย. พ.ศ.2560

อานิสงส์การเจริญพูทธานุสติ,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

อานิสงส์การเจริญพูทธานุสติ

    พระสัมมาส้มพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ในอ้คคัปปสาทสูตรว่า "เมื่อบุคคลเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ ผู้ทรงเป็นทักขิไณยบุคคลอันเยี่ยม ไม่ว่าจะไปบังเกิดเป็นเทวดาหรือมนุษยก็ดาม ย่อมมีความสุข ความบันเทิงใจได้เซาถึงความเป็นผู้เลิศในทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ"

   พระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดในภพทั้งสาม คือกามภพรูปภพ และอรูปภพ ตลอดแลนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล และเป็นเนื้อนาบุญของโลก ทรงเป็นทักขิไณยบุคคลอันยอดเยี่ยม เพราะฉะนั้นบุญที่เกิดจากการทำ จิตให้เลื่อมใสในพระสัมมาส้มพุทธเจ้า และพระคณฃองพระพุทธองค์ จึงมี
อานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาล จะนับจะประมาณมิได้

    ในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ชื่อว่า พระสตรังสี ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัยมีอายุเพียง ๗ ขวบ พอท่านตัดสินใจออกบวชแค่โกนผมก็ได้บรรลุอรหัตตผลทันที และท่านได้ระลึกชาติตัวยบุพเพนิวาสานุสติญาณ ดูภพในอดีตของท่านว่าได้ทำบุญอะไรไว้ จึงไตัหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัย ท่านได้เล่าว่า

  ในสมัยของพระสัมมาส้มพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปทุมตตระ ท่านเกิดในตระกูลพราหมณ์ เป็นลูกของพราหมณ์มหาศาล มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ก็เป็นผู้ไม่ประมาท ไม่มีความตระหนี่หวงแหนทรัพย์เหมือนกับมหาเศรษฐีผู้อื่น ท่านได้นำทรัพย์ออกใหัทานแก่คนยากไร้และผู้ทรงศีลทุกวัน ใครมาขออะไรท่านก็ใหัหมด ใหัโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน จนเป็นที่รักและเป็นที่รู้จักของมหาชนทั่วทั้งพระนคร

   นอกจากนี้ท่านย้งเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความเชี่ยวชาญในไตรเพท และแดกฉานในศาสตร์ต่างๆ หลายสาขา แต่ท่านกิยังปรารถนาจะแสวงหาความรู้ที่ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะรู้ว่าความรู้ที่ศึกษามานั้นยังไม่ใช่หนทางแห่งความพ้นทุกข์ จึงตัดสินใจออกบวชเป็นฤๅษี เมื่อท่านออกบวช ก็มีพวกพ้องบริวารออกบวชตามกันอีกมากมาย ท่านได้บำเพ็ญภาวนา จนได้ฌานสมาบัติ สามารถเหาะเหินเตินอากาศได้ เป็นมหาฤๅษีที่มีตบะแก่กล้ามาก

   วันหนี่ง ขณะที่มหาฤๅษีกำลังทำสมาธิภาวนาอยู่บนยอดเขา พระปทุมุดดรพุทธเจ้าทรงเห็นมหาฤๅษีเข้ามาในข่ายพระญาณ ทรงทราบว่าถ้าหากพระองค์เสด็จไปโปรด มหาฤๅษีกิจะทำจิตใหัเลื่อมใสในพระองค์ และจะกล่าวคำสรรเสริญพระองค์ด้วยความเคารพนอบน้อม ด้วยอานิสงส์นี้จะเป็นพลวปัจจัยใหัมหาฤๅษีได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า

   ด้งนั้น พระพุทธองค์จึงได้เสด็จไปบนยอดเขาพร้อมด้วยหมู่ภิกษุสงฆ์๑00,000 รูป ทรงเปล่งพพรรณรังสีโชติช่วงสว่างไสวไปยังมหาฤๅษี เมื่อมหาฤๅษีแลเห็นพระพุทธองค์ ได้เห็นความบริบูรณ์ของลักษณะมหาบุรุษ จึงรู้ว่าเป็นพระสัมมาส้มพุทธเจ้า ผู้เป็นอัครบุรุษของโลก ผู้รู้แจ้งในสรรพสิ่ง เป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว หมดสิ้นจากกิเลสอาสวะทั้งมวล จึงเกิดความปลื้มปีติมาก ไดํรีบลุกขึ้นมาปฏิสันถาร เข้าไปถวายนมัสการพระศาสดาและหมู่ภิกษุสงฆ์

   ท่านได้กล่าวสรรเสริญต่อเบื้องพระพักตร์ว่า พระพุทธองค์ผู้เปีนเลิศ ผู้รุ่งเรืองประดุจดวงอาทิตย์ที่ให้แสงสว่างในชีวิตแก่สรรพสัตว์ ทรงมีพระทัยประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันหาประมาณมิได้ มีพระสัพพัญฌุตญาณประดุจเอกบุรุษ ผู้ยืนอยู่เหนือท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่มองไม่เห็นในโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก จะหาบุคคลผู้ประเสริฐเทิยบเท่าพระองค์ย่อมไม่มีพระองค์เป็นผู้ประเสริฐที่ลุต ข้าพระองค์ขอนอบน้อมแต่พระพุทธองค์ด้วยเศียรเกล้า

    พระปทุมุตตรพุทธเจ้าได้ทรงพยากรถโท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์ทั้งแสนรูปว่า มหาฤๅษีผู้กำลังประคองอัญชลีและกำอังกล่าวชื่นชมเราอยู่นี้ ต่อไปในอนาคตจะได้ตรัสรู้ธรรมตั้งแต่เยาว์ว้ย ในสำน้กของพระสมณโคตมพุทธเจ้า จะมีชื่อว่า สตรังสี

   เมื่อทรงพยากรณ์เสร็จแล้ว พระพุทธองค์และหมู่ภิกษุสงฆ์ก็เสด็จเหาะกลับไป ฝ่ายท่านฤๅษีบ้งเกิตมหาปีติท่วมท้นในห้วใจ ได้ตามระลึกถึงพระพุทธเจ้าตลอดเวลา ด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่งในพุทธองค์ พร้อมก้บหมั่นสวดสรรเสริญพระพุทธคุณเป็นเวลายาวนานถึง ๘๐,๐๐๐ ปี

   เมื่อท่านละจากโลกไป ด้วยอานุภาพแห่งการทำจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า และสวดสรรเสริญพระพุทธองค์ ทาให้ท่านได็ไปเสวยทิพยสมบัติอยู่ในสุคติโลกสวรรค์ เป็นผู้เข้าถึงความเป็นเลิศในสุคติภูมิเป็นเวลายาวนานเมื่อจุติจากสวรรค์มาเกิดในโลกมนุษย์ ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระนามว่าโรมะ ปกครองทวีปทั้ง ๔ มีความพรั่งพร้อมบริบูรณ์ไปด้วยรัตนะ ๗ ประการคือ ข้างแก้ว มัวแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว จักรแก้ว และแก้วมณีปกครองชาวโลกให้ตั้งอยู่ในศีลธรรม ทำ ให็โลกได้รับความสงบสุขร่มเย็นตลอดมา

   เนื่องจากท่านได้สั่งสมการเจริญพุทธานุสติมาโดยตลอด มีบุญบารมีเต็มเปี่ยม มีญาณแก่กล้าจนกระทั้งถึงที่สุต พอมีอายุเพียง ๗ ขวบ ได้ทราบว่า พระสัมมาส้มพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก แล้ว ก็บังเกิด ความ เลื่อมใสในพระพุทธองค์ จึงได้ขออนุญาตบิา มารดาออกบวชเป็นสามเณร บิดา มารดาเห็นความตั้งใจมั่้นของท่านจึงได้อนุญาต และในวันที่ท่าน ออกบวช ขณะที่พระอุปัชฌาย์กำลังโกนผม เพียงแค่ใบมีดจรดปลายผมเท่านั้น บุญที่ท่านเคยสั่งสมความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าก็เต็ม เปียมล้นปรี่ เหมือนกับนํ้าที่ เต็มคุ่มเมื่อเติมนํ้าลงไปเพียงหยดเดียวเท่านั้น ก็ล้นเอ่อบุญของท่านก็มากมายอย่างนั้น มีพลานุภาพ มาก สามารถทำให้หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งปวง ได้บรรลุธรรมเปีนพระอรห้นต์ในทันที

   การบรรลุธรรมตั้งแต่ เยาว์วัยนั้น นับเป็นสิงที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็เกิดขึ้นแล้วกับท่านผู้มีบุญ แม้มีอายุเพียง ๗ ขวบเท่านั้น เพราะอานิสงส์ที่ท่านได้ทำอิดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าผู้เลิฬ จึงได้เข้าถึงลื่งที่เลิศคือพระนิพพาน

   เพราะฉะนั้น ความ เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าจึงมี อานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาลไม่ มีประมาณ ควรที่เราจะด้องเจริญพุทธานุสติ หมั่นระลึกนึกถึงพระส้มมาสมพุทธเจ้า เป็นอารมถณ์และยิ่งเราหมั่นกล่าวสรรเสริญ คุณของพระรัตนตรัยด้วยใจที่ เลื่อมใส ก็จะยิ่งได้รับ อานิสงส์มาก จะเป็นเหตุให้เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย อย่างสะดวก สบาย อย่างง่ายดาย เหมือนพระสตรังสีที่กล่าว มาในเบื้องต้น...

 

 

 

วันอาทิตย์ที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๒

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0012065649032593 Mins