ปลุกไปรบ
คุณยายอาจารย์ทองสุข และคุณยายอาจารย์จันทร์ เป็นสหธรรมิกนักสร้างบารมีที่สามารถทําวิชชาได้ทั้งคู่ แต่ท่านมีความแตกต่างกันคือ คุณยายอาจารย์ทองสุขมีอัธยาศัยที่ถนัดในการสอนและเผยแผ่ ส่วนคุณยายอาจารย์จันทร์ไม่ค่อยชอบออกไปไหนและไม่ค่อยชอบสอนคนอื่น ชอบทําวิชชาปราบมารอย่างเดียว
ในช่วงที่คุณยายทองสุขยังไม่ต้องออกไปเผยแผ่ ท่านจะทําวิชชาร่วมกับคุณยายจันทร์อยู่ในรอบเดียวกันซึ่งเป็นเวรดึก คุณยายอาจารย์จันทร์ท่านตื่นนอนไว ส่วนคุณยายอาจารย์ทองสุขตื่นช้ากว่าก่อนที่จะเข้าเวรดึก คุณยายอาจารย์จันทร์จึงต้องทําหน้าที่ปลุกคุณยายอาจารย์ทองสุขทุกคืน ท่านจะไปเรียกอยู่ใกล้ๆ ที่นอนว่า “พี่ๆ พี่สุข ไปเข้าเวรกัน”เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
พอถึงช่วงสงครามโลก สถานการณ์คับขันเมื่อต้องปลุกบ่อยๆ เข้า คุณยายอาจารย์จันทร์ก็เริ่มจะกังวล เพราะขนาดระเบิดมายังไม่ตื่น มีอยู่วันหนึ่งคุณยายอาจารย์จันทร์เผลอนึกตําหนิในใจว่า “คน...ให้ปลุกเรื่อยทุกคืนทุกคืน” จากนั้นก็ไปเข้าเวรนั่งสมาธิด้วยกัน พอถึงตอนเช้าออกจากเวร คุณยายทองสุขก็ยืนเท้าสะเอวว่าใส่คุณยายจันทร์ว่า “อีก้าง เมื่อคืนมึงด่ากูเหรอ กูเห็นมึงด่ากู มึงต้องมาขอขมากูนะ” คุณยายจันทร์ท่านก็ไม่ตอบอะไร แล้วก็ไม่ต้องถามว่ารู้ได้อย่างไร เพราะต่างคนต่างก็รู้กัน แล้วคุณยายจันทร์ก็ว่า “พี่น่ะ แหม...ให้ฉันปลุกทุกคืนทุกคืน”แล้วท่านก็ไปขอขมากัน เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ว่าทั้งสองท่านต่างก็มีญาณทัสนะที่ไม่ธรรมดา
นอกเหนือจากเวลาทําวิชชาในโรงงาน บางครั้งคุณยายทองสุขก็จะรับแขกที่มาขอบุญบารมีให้ท่านช่วยในสิ่งต่างๆ ท่านจะพูดกับแขกไพเราะมาก ด้วยวิญญาณครูที่ชอบสอน ส่วนคุณยายจันทร์จะเป็นแบบนักรบ ท่านจะนั่งเยื้องอยู่ข้างหลังคุณยายทองสุขเวลารับแขกและสอนธรรมะ แววตาของคุณยายจันทร์จะแวววาวด้วยความเด็ดเดี่ยว ส่วนคุณยายทองสุขจะนิ่มนวล บุคลิกของท่านจะแตกต่างกัน
คุณยายจันทร์ท่านเล่าให้ฟังว่า ถ้าแขกคนไหนมาแบบไม่เข้าท่าเข้าทาง ท่านจะพูดกับแขกคนนั้น อย่างตรงไปตรงมา แต่คุณยายทองสุขจะค่อยๆ พูดอย่างทะนุถนอม เมื่อแขกกลับไปหมดแล้ว ท่านก็จะโดนคุณยายทองสุขเล่นงานว่า “อีก้างเอ๊ย มึงต้องพูดให้มันดีๆหน่อย” คุณยายจันทร์ก็บอกว่า “พี่ก็คิดดูสิ เขามาอย่างนี้เนี่ย”