ตอน ชายงาม
ที่แคว้นฉีมีชายคนหนึ่งชื่อ โจวจี้ หน้าตาหล่อเหลาคมคาย รูปร่างลักษณะงดงาม เขารู้สึกภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองมาก เช้าวันหนึ่งหลังจากล้างหน้าหวีผม สวมเสื้อผ้า สวมหมวกแล้ว เขาก็ยืนชื่นชมรูปร่างหน้าตาตนเองอยู่หน้ากระจก และถามภรรยาของตนขึ้นว่า
"ฉันกับสวีกงเปรียบเทียบกันแล้วใครมีหน้าตางดงามกว่ากัน"
ภรรยาของเขาตอบว่า...
"สวีกงจะมาเปรียบเทียบสู้ท่านได้อย่างไร"
สวีกงเป็นผู้มีรูปโฉมงามสง่า ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วประเทศ แต่ภรรยาของโจวจี้กลับบอกว่าหล่อสู้โจวจี้ไม่ได้ โจวจี้ฟังแล้วยังไม่ค่อยเชื่อดีนัก จึงไปถามภรรยาน้อยของตนว่า เธอดูฉันกับสวีกงใครหล่อกว่ากัน
ภรรยาน้อยเขาตอบว่า สวีกงไม่มีทางสู้ท่านได้อยู่แล้ว
วันถัดมา มีแขกคนหนึ่งมาขอพบโจวจี้ หลังจากพูดคุยธุระเสร็จ โจวจี้ก็ถือโอกาสถามแขกคนนั้นว่า คุณดูรูปร่างหน้าตาผมเปรียบเทียบกับสวีกงแล้วเป็นอย่างไร
แขกคนนั้นตอบว่า ถึงแม้สวีกงจะเป็นชายที่มีหน้าตาดี แต่เมื่อเทียบกับท่านแล้ว ยังห่างไกลกันครับ
เขาฟังแล้วรู้สึกดีใจมาก
ผ่านไปไม่กี่วันสวีกงมีธุระได้มาที่บ้านโจวจี้ โจวจี้ได้สังเกตพินิจพิจารณาดูสวีกงอย่างละเอียด พบว่าสวีกงนอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาดีแล้ว ยังมีบุคลิกที่สูงสง่าอย่างยิ่งแฝงอยู่ด้วย ตนเองเปรียบเทียบไม่ได้เลย ลองไปส่องกระจกดูอีกหลายๆ รอบ พบว่าไม่เพียงแต่เปรียบไม่ได้เท่านั้น แต่ยังห่างกันไกลทีเดียว
หลังจากสวีกงกลับไปแล้ว โจวจี้มีท่าทางซึมเซา ไม่สดชื่น ขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือ คิดตรึกตรองอยู่ครึ่งวัน ในที่สุดก็คิดได้สว่างโพลงขึ้นในใจ พูดกับตัวเองว่า
" เห็นอยู่ชัดๆ ว่ารูปร่างหน้าตาฉันไม่มีทางเปรียบกับสวีกงได้เลย แต่ภรรยาของฉันบอกว่าฉันมีหน้าตาดีกว่าสวีกง เพราะเธอรักฉัน ภรรยาน้อยของฉันบอกว่าฉันหน้าตาดีกว่าสวีกง เพราะเธอกลัวฉัน เพื่อนฉันบอกว่าฉันหน้าตาดีกว่าสวีกง เพราะเขามีธุระจะให้ฉันช่วย คิดจะได้ยินความคิดเห็นที่ถูกต้องแท้จริงจากใจคนรอบข้าง ช่างเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย "
ท่านสาธุชนทั้งหลาย...
คนส่วนใหญ่ในโลกปรารถนาคำสรรเสริญเยินยอ เมื่อได้รับ คำชมก็พึงพอใจ ทั้งที่หากพิจารณาจริงๆ แล้วจะพบว่า คำสรรเสริญเยินยอนั้นไม่มีอะไรเป็นแก่นสารที่เชื่อถือได้ ยิ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจหรือทรัพย์สมบัติ ผู้ที่เข้ามาหาคอยป้อนคำสรรเสริญให้นั้น ก็มักเพราะหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง ปากเขาแกล้งเยินยอเรา แต่ในใจจะนึกขันอยู่หรือเปล่าเราก็ไม่รู้ และวันใดที่เราเสื่อมลาภเสื่อมยศบุคคลเหล่านี้ก็จะห่างเหินไปทันที ผู้ที่ติดในคำชมก็จะต้องมานั่งน้อยใจกลุ้มใจ เราจึงไม่ควรเป็นคนหิวคำชม ไม่เอาใจเราไปยึดติดกับ เงื่อนไขภายนอกซึ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไม่มีแก่นสารที่แท้จริง แต่ขอให้อิ่มใจกับความดีที่ตนได้กระทำ อิ่มใจกับคุณธรรมที่ตนมีแม้ไม่มีใครชม และพัฒนาคุณธรรมนี้ผูกไว้กับใจเรา การผูกใจไว้กับเงื่อนไข ภายในเช่นนี้ จะให้ความสุขที่ยั่งยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
จากหนังสือ มังกรสอนใจ
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D., Ph.D.