พระของขวัญเพื่อตรึกระลึกนึกถึงบุญ พิธีทอดกฐินธรรมชัย
วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2560 ณ วัดพระธรรมกาย
การทอดกฐิน เป็นประเพณีอันดีงามของชาวพุทธที่ศาสนิกชนปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานกว่า 2,500 ปี กำเนิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐออกเดินทางไกลไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ วัดพระเชตวัน พระภิกษุเหล่านั้นมีจีวรที่เปรอะเปื้อน เปียกชุ่ม และเปื่อยขาดด้วยความเก่า พระบรมศาสดาจึงมีพุทธานุญาตให้ภิกษุอยู่จำพรรษารับผ้ากฐิน เพื่อนำมาผลัดเปลี่ยนผ้าเก่าได้หลังออกพรรษา การทอดกฐินจึงเป็นการทำบุญที่เกิดจากพุทธประสงค์
"มหากฐิน" คือ กฐินสามัคคีที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของพุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และตระหนักถึงอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ของการทอดกฐิน
การทอดกฐินถือเป็นบุญใหญ่แห่งปีที่ทุกคนรอคอย เพราะเป็นบุญพิเศษที่ทำได้ยากกว่าบุญอื่น เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการดังนี้
1. จำกัดกาลเวลา คือต้องถวายภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันออกพรรษา
2. จำกัดชนิดทาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอื่นไม่ได้
3. จำกัดคราว คือ แต่ละวัดรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
4. จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุรับกฐินได้จะต้องจำพรรษาที่วัดนั้นครบไตรมาส (3 เดือน) และจะต้องมีจำนวนตั้งแต่ 5 รูปขึ้นไป
5. จำกัดงาน คือ เมื่อพระภิกษุรับผ้ากฐินแล้ว จะต้องกรานกฐินให้เสร็จภายในวันนั้น
6. จำกัดของถวาย คือ ไทยธรรมที่ถวายต้องเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งในไตรจีวรเท่านั้น โดยทั่วไปนิยมใช้สังฆาฏิ ไทยธรรมอื่นจัดเป็นบริวารกฐิน เกิดจากพุทธประสงค์ พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทรงมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับผ้ากฐินเพื่อพลัดเปลี่ยนไตรจีวรเก่า แต่ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้อนุญาต เช่น มหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาต ถวายผ้าอาบน้ำฝน
นอกจากนี้ กฐินทานยังเป็นทานที่พิเศษ คือ ทั้งพระภิกษุและญาติโยมผู้ทอดกฐินได้อานิสงส์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ปลื้มใจได้สร้างมหาทานบารมี
...โมงยามแห่งมหาปีติในวันทอดกฐินสามัคคียังความปลาบปลื้มให้บังเกิดขึ้นสุดจะนับ จะประมาณ และการตามระลึกนึกถึงช่วงเวลานั้น ยังคงน้อมนำมหาปีติมาสู่ผู้หวนระลึกถึงมิรู้คลาย เหล่าทายกทายิกาทั้งหลายจึงปรารภความเพียร ที่จะละความตระหนี่ ตั้งใจสละทรัพย์ที่หามาด้วยความยากลำบากนำมาตั้งกองกฐินธรรมชัยในปีต่อไป ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของวันมหากาลทานที่บังเกิดขึ้นได้ยาก และปรารถนาสั่งสมมหาทานบารมีเป็นเสบียงบุญข้ามภพชาติติดตามมหาปูชนียาจารย์ไปตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรม
อานิสงส์ของการทำบุญทอดกฐิน
ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชายคนหนึ่งชื่อนายติณบาล เขามีฐานะยากจนมาก แต่มีศรัทธาที่แรงกล้าอยากร่วมบุญกฐิน ถึงแม้เขาไม่มีทรัพย์สินเงินทองเลย แต่เขาก็ขวนขวายหาทางร่วมบุญ
เขาตัดสินใจเอาเสื้อผ้าที่มีอยู่เพียงชุดเดียวไปขาย แล้วนำใบไม้มาเย็บเป็นผ้านุ่งกันอุจาด จากนั้นนำเงินจากการขายเสื้อผ้าไปซื้อด้ายและเข็มมาเป็นบริวารกฐินด้วยความปลื้มปีติเหลือประมาณ
การกระทำของนายติณบาลทำให้ท้าวสักกเทวราชแห่ง สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง จนต้องเสด็จลงมาให้พร และเมื่อพระราชาทรงทราบเรื่อง ก็พระราชทานทรัพย์ให้เขาเป็นจำนวนมาก เขาจึงกลายเป็นเศรษฐีทันตาเห็นด้วยบุญจากการทอดกฐินด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยม
เมื่อละโลกแล้ว นายติณบาลได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภพชาติสุดท้ายได้ออกบวชในพระพุทธศาสนาและได้บรรลุอรหัตผลด้วยอำนาจบุญที่เขากระทำมาดีแล้ว
อานิสงส์ของการถวายผ้าไตรจีวร
หากเกิดเป็นชาย ถ้าได้สั่งสมบุญด้านการถวายผ้าไตรจีวรมามากเพียงพอแล้ว จะได้บวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้บวชให้ ซึ่งถือเป็นสุดยอดของการบวช
หากเกิดเป็นหญิง จะได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ที่เป็นสุดยอดของเครื่องประดับในยุคพุทธกาล ซึ่งในพระไตรปิฎกบันทึกไว้ว่า ในยุคของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน มีสตรีผู้มีบุญมากเพียง 3 ท่าน เท่านั้น ที่ได้ครอบครองเครื่องประดับนี้ คือ มหาอุบาสิกาวิสาขา นางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี และลูกสาวเศรษฐีท่านหนึ่ง
อานิสงส์ของการให้ทานจาก "สีหสูตร"
- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักที่ชอบใจของคนเป็นอันมาก
- คนดีเป็นอันมากย่อมพอใจคบหาผู้ให้ทาน
- ชื่อเสียงอันดีงามของผู้ให้ย่อมฟุ้งขจรไป
- ผู้ให้ย่อมแกล้วกล้าอาจหาญ ไม่เก้อเขินในที่ประชุมชน
- เมื่อละจากโลกนี้ ผู้ให้ย่อมบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์
พระของขวัญกฐินธรรมชัย วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2559
(กรุณาสวมชุดขาวไปร่วมพิธี เพื่อรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของชาวพุทธ)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ภาคที่ท่านสังกัด