หากเราสังเกตให้ดีจะพบว่า ตัวเราเองตั้งแต่เล็กจนโตมาป่านนี้ มีหลายครั้งที่เราน่าจะแย่ไปแล้ว เช่น น่าจะตกบันได น่าจะถูกรถชน
แต่ทำไมถึงฟรุกรอดมาได้ จริงๆ แล้วไม่ใช่ฟรุก แต่ว่ามีเทวดาคุ้มครองพวกเราอยู่
เทวดาเค้าอยากได้บุญ แต่เทวดาเป็นกายละเอียด อยู่ในช่วงเสวยผลจะไปประกอบบุญเองมันไม่ถนัด เขาจึงใช้วิธีการสร้างบุญโดยดูว่าใครเป็นคนดี เขาก็จะลงรักษา คุ้มครองปกป้องให้พ้นภัย แล้วพอคนนั้นไปทำความดี เทวดาที่คุ้มครองก็จะได้ส่วนบุญด้วย ในฐานะที่เขาเป็นผู้คุ้มครองอำนวยความสะดวกให้
พวกเราทุกคนล้วนเป็นคนดี แต่จะดีมากหรือดีน้อยก็วัดดีกรีความดีในตัวเองดูก็แล้วกัน ซึ่งถ้าเราทำความดีมากๆ ก็จะมีเทวดาลงรักษา โดยเทวดาที่ลงรักษาก็จะเป็นเทวดาที่มีศักดิ์ใหญ่ มีฤทธิ์มาก แต่ถ้าเรามีความดีน้อย เทวดาที่ลงรักษาก็ศักดิ์น้อย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ที่ลับไม่มีในโลก เราทำอะไรก็แล้วแต่อย่าคิดว่าไม่มีใครเห็น กายละเอียดเขาเห็น แต่มนุษย์มองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง คนโบราณจึงบอกไว้ว่า ทำอะไรให้อายผีสางเทวดาบ้าง
ดังนั้นก่อนที่เราจะทำอะไรก็ให้นึกว่า ควรทำหรือไม่ ถ้าทำอะไรไม่ดีไม่เข้าท่าเทวดาก็จะไม่ลงรักษา แม้กระทั่งคนที่ชอบนอนตื่นสาย เป็นโรค นอนบิดติดเสื่อ การงานเบื่อ แต่ข้าวกินได้ เทวดาเขาก็จะถ่มน้ำลายใส่หน้าเอา อุตส่าห์มาลงรักษาแต่กลับขี้เกียจทำความดี โบราณถึงว่าไว้ “ใครนอนตื่นสายแล้วใบหน้าจะหมอง” จึงมีที่มาอย่างนี้