ตายแล้ว..ไปอยู่ที่ไหน
การไปนรกสวรรค์ของหลวงปู่ และพวกที่ทำวิชชากับท่านถือเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก เพราะไปกันจนชำนาญ ดังนั้นในสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมีคนมากราบขอพึ่งบารมีท่านเป็นจำนวนมาก โดยจะมาเรียนถามหลวงปู่ว่า ญาติที่ตายแล้วไปอยู่ที่ไหน หรือเมื่อไปทำบุญที่วัดปากน้ำแล้ว ก็จะขอบารมีหลวงปู่ ให้เอาบุญที่ทำไปช่วยผู้ตาย...
ซึ่งหลวงปู่ท่านก็จะสั่งพระ เณร หรือแม่ชี (ที่ทำวิชชาอยู่ในโรงงาน แต่ไม่ได้อยู่เวรทำวิชชาในวันนั้น) ให้หมุนเวียนออกมาช่วยท่านรับแขก ซึ่งหลวงปู่ท่านจะให้นั่งเยื้อง ๆ กับท่าน แล้วพอทานบดีมาทำบุญอุทิศให้ผู้ตายแล้ว ก็จะมาแจ้งชื่อ นามสกุล วันเกิด วันตาย และบอกถึงสาเหตุการตาย เช่นตายด้วยโรคอะไร..
แล้วหลวงปู่ท่านก็จะสั่งงานผู้ที่เข้าถึงธรรมกาย ที่นั่งเยื้อง ๆ กับท่าน ที่มาช่วยท่านรับแขกว่า ให้ไปดูสิว่าผู้ตายอยู่ที่ไหน จากนั้นก็ให้เอาบุญไปให้ผู้ตาย อีกทั้งยังให้ไปดูว่า มีวิมานสูงกี่โยชน์มีบริวารเท่าไร และพอเข้าที่ไปตรวจดูเสร็จแล้ว พระหรือแม่ชีที่นั่งเยื้อง ๆ หลวงปู่ ก็จะตอบรายงานว่า ตายแล้วไปอยู่ตรงนั้น..ตรงนี้มีวิมานสูงเท่านั้น..เท่านี้..เป็นต้น
หรือถ้าผู้ตายบางคนทำกรรมหนักมาก จนต้องตกไปในมหานรก ซึ่งเป็นภพภูมิที่รับบุญที่อุทิศไปให้ไม่ได้ หลวงปู่ท่านก็จะให้พระหรือแม่ชีที่มาช่วยท่านรับแขกใช้วิธีพิเศษ คือ เอาจักรแก้วไปคล้องขึ้นมานั่งข้างหน้าหลวงปู่เลย จากนั้นก็ทำการเติมบุญให้กายละเอียด เช่น ให้กายละเอียดนั่งฟังสวดพระอภิธรรม อย่างครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านให้คุณยายอาจารย์อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เอาจักรแก้วไปคล้องเอากายละเอียดขึ้นมา แล้วถามว่า “เอ๊ะ..ลูกจันทร์ ไหนไปดูสิว่า สวดจบแรกได้บุญเท่าไร..สวดจบที่สองกายละเอียดได้บุญเท่าไร กายเขาเปลี่ยนไปไหม?” และพอกายละเอียดนั้นมีบุญเพิ่มขึ้น หลวงปู่ท่านก็จะให้เอากายละเอียดไปส่งในที่ ๆ พอเหมาะพอสมกับบุญที่เพิ่มขึ้น...
จากหนังสือ อานุภาพหลวงปู่..ยุคต้นวิชชา