เหมือนไฟ
ธรรมนั้นสัณฐานกลมสีขาวใสเหมือนแก้ว โตเล็กตามส่วนของธรรมนั้น ๆ นี่แหละมีอยู่แท้ๆ เป็นธรรมอันประเสริฐ ถ้าเราไม่ได้ธรรมดวงนั้นละก็เราก็ต้องตายแน่ มาอยู่เป็นมนุษย์กับเขาไม่ได้
ไม่ว่าหญิง ว่าชาย พระเณรไม่รู้ ถ้าไม่ได้ธรรมดวงนั้นแล้วเป็นตายแน่ ถ้าได้ธรรมดวงนั้นก็เป็นอยู่ ถึงกระนั้นก็ต้องหล่เลี้ยงเสมอเหมือนกัน หล่อเลี้ยงเสมอเหมือนอะไร เหมือนไฟ
ธรรมดวงนั้นต้องหล่่เลี้ยงอยู่เสมอ ถ้าไม่หล่อเลี้ยงเสมอ ดับ เหมือนไฟ ไฟต้องหล่อเลี้ยงเสมอ ไฟเมื่อติดขึ้นแล้วจะใช้ไฟฟืน ก็ต้องเอาไฟฟืนไปปรนปรืออยู่เสมอ หมดฟืนเก่าก็เอาฟืนใหมเข้าไป แต่ว่าเติมให้ถูกส่วนนะ ไม่ถูกส่วนก็ดับเหมือนกัน เติมถูกส่วนไฟไม่ดับ
ถ้าต้องการไฟด้วยไต้ด้วยเทียน ต้องมีไต้มีเทียนมาเป็นไส้ไว้ ขาดเชื้อไม่ได้ ขาดเชื้อไฟก็ดับ ไฟต้องอาศัยเชื้อ ไม่มีเชื้อไฟอยู่ไม่ได้ ดับ
ถ้าหากเป็นไฟฟ้าก็ต้องบำรุงเตาไฟฟ้าไว้ ไฟนั้นจึงจะคงอยู่ได้ ถ้าว่าไฟในเตาไฟฟ้าดับหมด ไฟที่จะจ่ายมาเอาค่าจ้างเขาก็ไม่มี อยู่ไม่ได้
หากว่าไฟที่ใช้ไฟฉายกันนี้ใช้ถ่านไฟฉายเช่นนี้ ก็อยู่ชั่วกำลังของไฟฉายนั้น หมดกำลังไฟก็ดับไป อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ต้องคอยปรนปรือเสมอ
ไฟของมนุษย์ ไฟที่เรียกว่า มนุษยธรรม ธรรมของมนุษย์นี่ก็ดุจเดียวกัน ต้องคอยปรนปรือเสมอ ใส่เชื้อเสมอ เชื้ออะไรล่ะ ?
ข้าวสุก ขนมปัง ขนมแห้ง ปลา เนื้อ ต้องคอยจุนเจือมันเสมอ ถ้าไม่จุนเจือแล้ว ไฟที่เรียกว่ามนุษยธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์นี้ก็ดับเหมือนกัน ไม่จุนเจือไม่ได้ ไม่จุนเจือ ดับแน่นอนทีเดียว ไม่ต้องสงสัย
เพราะเหตุฉะนั้น ธรรมดวงนี้แหละเป็นธรรมลึกซึ้งอยู่ เขาเรียกว่า มนุษยธรรม
ถ้าว่าเป็นกายเทวดาเข้า เขาเรียกว่า เทวธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา
ถ้าว่าไปเป็นกายรูปพรหม-รูปพรหมละเอียดเข้า เขาเรียกว่า พรหมธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นพรหม
ถ้าว่าไปถึงอรูปพรหม-อรูปพรหมละเอียด เขาเรียกว่า อรูปพรหมธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหม เป็นชั้น ๆ ไปอย่างนี้
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "รัตนสูตร"
๑๖ พฤษภาคม ๒๔๙๗