หิริโอตตัปปะสัมปันนา
เมื่อไปถึงพุทธรัตนะเข้าแล้ว ไปถึงธรรมรัตนะเข้าแล้ว ไปถึงสังฆรัตนะเข้าแล้ว พระพุทธเจ้าอยู่ในสถานที่ใดใดไปทูลท่านก็ได้ ไปพูดกับท่านก็ได้ ไปในนิพพานก็ได้ ถ้ามีในนิพพานไปในนิพพานก็ได้ นั่นแหละมีรสชาติอย่างนี้ลึกซึ้งอย่างนี้แหละ
ถ้าว่าไม่เข้าถึงพุทธรัตนะเรานิ่งเสีย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย นิ่งเสียทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย นั้นไม่มีหิริโอตัปปะซิ ทำนิ่งเฉยซิ ถ้ามีหิริโอตตัปปะจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะกัน ถ้ามีหิริ-โอตตัปปะก็อายตัวเอง ไม่ถึงไม่ยอม นั่งกันหลังหักตายเลย ไม่เอาล่ะ ถ้าไม่ถึงก็ตาย ไม่ได้ก็ตายแหล่ทีเดียว เอากันละถึงวาระที่จะต้องขับขันกัน
ถ้าไม่ได้ไม่เห็นไม่เป็นปรากฏช่างเถอะ ถ้าได้เป็นเห็นปลากฎต่อหน้าต่อตา มันจะเป็นตายก็ช่าง ถ้าไม่ได้ก็ตายแหล่ละ เอาล่ะเอาให้ถึงให้ได้ ให้เข้าถึงพุทธรัตนะเสียได้แล้วก็นั่นแหละ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
เข้าถึงพระธรรมรัตนะได้ละก็ นั่นแหละไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา
เข้าถึงพระสังฆรัตนะได้ละก็ นั่นแหละไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา นี้แหละได้ชื่อว่า หิริโอตตัปปะสัมปันนา ถึงพร้อมแล้วด้วยความละอายความสะดุ้งกลัว ไม่ถึงละก็ละอายสะดุ้งกลัวนะ
เพราะไม่ได้เกื้อกูลในธรรมอันขาว เกื้อกูลในธรรมดำอยู่ ไม่เกื้อกูลในธรรมอันขาวจึงลงไป เข้าถึงได้แล้ว ไปแล้วนั่นแหละเกื้อกูลธรรมอันขาวแท้ๆ ล่ะ
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "หิริโอตตัปปะ"
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๗