สุคติ - ทุคติ
สภาพที่เป็นธรรมย่อมนำสัตว์ไปสู่สุคติ
และสภาพที่เป็นอธรรมย่อมนำสัตว์ไปสู่ทุคติ
สภาพที่เป็นบุญก็ย่อมนำสัตว์ไปสู่สุคติ
สภาพที่เป็นบาปก็ย่อมนำสัตว์ไปสู่ทุคติ
สภาพที่เป็นบุญ เป็นดวงใส ติดอยู่ในศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์แบบเดียวกัน
ถ้าดวงบุญใหญ่โตก็นำไปสู่สวรรค์
ถ้าดวงบาปใหญ่โตกว่าก็นำไปสู่นรก
ใครจะแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมเป็นไปตามคติของตน เหมือนหญิงชายจะเป็นสามีภรรยากันใครก็แล้วแต่จะต้องตกลงใจของกันและกันเอง
ฉะนั้น การที่สัตว์จะไปสู่ทุคติ ภพดึงดูดมีอยู่ ทำความชั่วไม่มีความดีเข้าไปจุนเจือเลย แม้เพียงเท่าปลายผมปลายขน พอแตกกายทำลายขันธ์ โลกันต์ดึงดูดเอาไป จะไปอยู่ที่อื่นใดไม่ได้ทั้งนั้น อายตนะบาปดึงดูดไปทันที ถ้าว่าภพย้อนลงกว่านั้นมา ก็ไปอยู่ในอเวจี มหาตาปนรก เหล่านี้ เป็นต้น
แต่พอมาเกิดในจำพวกสัตว์เดรัจฉานได้ สัตว์เดรัจฉานก็ดึงดูดเอาไปเกิดในจำพวกสัตว์เดรัจฉาน แต่ถ้าทำความผิดไม่ถึงขนาดนั้น ก็ไปเกิดเป็นเปรต อสุรกาย ตามลำดับไป
ถ้าทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ ไม่มีความชั่วบาปช้ามาเจอคนเลย พอแตกกายทำลายขันธ์ อายตนะของมนุษย์ดึงดูดเข้าสู่คัพภสัตว์ ไปติดอยู่ในกำเนิดมนุษย์
ถ้าดีมากขึ้นไปกว่านี้ ก็ไปเกิดในจำพวกเทวดา เป็นชั้นๆ สูงขึ้น ชั้นจาตุมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี สูงขึ้นไปตามสภาพของธรรมดึงดูดกันเองว่าตนได้กระทำความดีขนาดเท่าไร ควรอยู่ควรเกิดในที่ไหน เมื่อตรงกับอายตนะไหน อายตนะนั้นก็ดึงดูดไป
เขามีอายตนะสำหรับเหนี่ยวรั้งและดึงดูดกันทั้งนั้น เราติดอยู่ในมนุษย์นี้ไปไหนได้เมื่อไร ไปไม่ได้ทั้งนั้น อยากจะตายก็ตายไม่ได้ บ่นไปเถอะก็ไม่ตาย แต่พอถึงกำหนดไม่อยากตายก็ต้องตาย จะถูกบังคับบัญชาอย่างนี้ ดึงดูดอย่างนี้เสมอไป
เหตุนี้เราจึงได้แสวงหาบุญ บุญจะได้ดึงดูดไปสู่สุคติ ทุคติจะได้ไม่มีต่อไป
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ภัตตานุโมทนากถา"
๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๗