คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี้ บุคคลที่เข้าถึงแล้ว ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ถึงพระพุทธเจ้าก็คือตัวธรรมกาย ถึงธรรมกายก็เหมือนถึงพระพุทธเจ้า ถึงธรรมกายได้ธรรมกาย ไปกับธรรมกายได้ ไปนรกสวรรค์ ไปนิพพานได้
ผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ ถึงพุทธรัตนะเช่นนี้ละก็ จะรู้จักคุณพุทธรัตนะว่าให้ความสุขแก่ตัวแค่ไหน บุคคลผู้ใดเข้าถึงแล้วก็ปลาบปลื้มเอิบอิ่มตื้นเต็ม สบายอกสบายใจ เพราะพุทธรัตนะบันดาลสุขให้แล้ว ส่งความสุขให้แล้ว ถึงว่าจะให้ความสุขสักเท่าไร มากน้อยเท่าไรตามความปรารถนา สุขกายสบายใจ เรามีอายุยืนเจริญหนักเข้า มีอายุยืนทำหนักเข้า ทำชำนาญหนักเข้า
ในพุทธรัตนะมีคุณอเนก เวลาเจ็บก็ ไม่อาดูรเดือดร้อนไปตามกาย เวลาจะตายก็นั่งยิ้มสบายอกสบายใจ เห็นแล้วว่าละ จากกายนี้มันจะไปอยู่โน้น เห็นที่อยู่มีความปรารถนา มีคุณของพุทธรัตนะพรรณนาไม่ไหว นี้เรียกว่าคุณพระพุทธเจ้า คือธรรมกาย
คุณของพระธรรมคือ ธรรมรัตนะ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกาย นั้นเอนกอนันต์ทีเดียว เข้าอยู่ในกลางดวงนี้แล้วล่ะก็สุขก็ต้องอยู่กลางดวงนั้น จะทำอะไรต้องอยู่กลางดวง ต้องหยุดอยู่กลางดวงนั่น
ถ้าไม่มีดวงพระธรรมแล้ว พุทธรัตนะก็ไม่มีฤทธิ์เหมือนกัน พุทธรัตนะมีฤทธิ์ ก็เพราะอาศัยดวงพระธรรมนั้น ธรรมรัตนะนั้นนี่นะประมาณไม่ไหวทีเดียว อเนกอนันต์ทีเดียว จะทำอะไรก็ได้ทุกสิ่งทุกประการ ไม่เหลือวิสัย ทำได้ทีเดียวเป็นชั้นๆ ขึ้นไป
สังฆรัตนะเล่า สังฆรัตนะต้องรักษาธรรมรัตนะไว้ ถ้าสังฆรัตนะไม่รักษาธรรมรัตนะไว้แล้ว พุทธรัตนะก็อยู่ไม่ได้ ธรรมรัตนะไม่มีธรรมรัตนะไม่มีแล้ว สังฆรัตนะก็อยู่ไม่ได้ อญฺญมญฺญสมานา อาศัยซึ่งกันและกัน
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ขันธปริตร"
๖ มิถุนายน ๒๔๙๗