การอุปสมบท ย่อมวิบัติด้วยเหตุ ๔ อย่าง
วิบัติ ๔ ประการ มีนัยตรงกันข้ามจากสมบัติ ๔ ประการเหล่านี้ คือ
วัตถุวิบัติ คือ คนมีกาลฝนหย่อน ๒๐ ปี ๑ บัณเฑาะก์ (กะเทย) ๑ อุภโตพยัญชนกคือคนมีเพศ ๒ ทั้งหญิงทั้งชาย ๑ ภิกษุณีทูสกคนทำร้ายภิกษุณี ได้แก่ คนผู้ข่มขืนภิกษุณีในอัธยาจาร ๑ เถยยสังวาสกะ คนลักเพศคือถือเพศเป็นภิกษุเอาเอง ๑ ติตถิยปักกันตกะ ภิกษุไปเข้าเดียรถีย์ มาตุฆาตกะคนฆ่ามารดา ๑ ปิตุฆาตกะ คนฆ่าบิดา ๑ อรหันตฆาตกะ คนฆ่าพระอรหันต์ ๑ โลหิตปปาทกะ คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงทำพระโลหิตให้ห้อขึ้น ๑ สังฆเภทกะ คนทำลายสงฆ์ ๑ ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว ๑ คน ๑๒ จำพวก นี้เรียกว่า วัตถุวิบัติห้ามอุปสมบท แม้อุปสมบทแล้วรู้ภายหลังก็พึงนาสนะเสีย ฯ
ยกคนมีกาลฝนหย่อน ๒๐ ปี เสียจำพวกหนึ่ง นอกนั้นอีก ๑๑ จำพวก ห้ามอุปสมบทอย่างเด็ดขาด ส่วนที่มีกาลฝนหย่อน ๒๐ ปี จำพวกเดียวบรรพชาเป็นสามเณรได้ นอกนั้นไม่ควรให้บรรพชา เพราะการบรรพชาเป็นบุรพภาคแห่งอุปสัมปทา ผู้บรรพชาก็เป็นเหล่ากอสมณะ คนที่ไม่ควรเป็นสมณะก็ไม่ควรบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งแปลว่าลูกพระ
นอกจากที่กล่าวมานี้ ยังมีจำพวกคนถูกห้ามไม่ได้รับบรรพชาอุปสมบทอีก 4 จำพวก คือ
๑. คนมีโรคอันจะติดต่อกัน โรคไม่รู้จักหาย โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรค ๕ อย่าง คือ กุฏฺธํ โรคเรื้อน คุณโท โรคฝี กิลาโส โรคกลาก โสโส โรคมงคร่อหรือโรคหืดอันมีอาการคล้ายกัน อปมาโร โรคลมบ้าหมู ๆ
๒. คนมีอวัยวะบกพร่อง คือ มีมือขาด มีเท้าขาด มีนิ้วมือนิ้วเท้าขาดมีหูขาด มีจมูกขาด เป็นต้น ๆ
๓. คนมีอวัยวะไม่สมประกอบ คนมีมือเป็นแผ่น คือ นิ้วมือไม่ได้จักเป็นง่าม คนค่อม คนเตี้ย คนตีนปุก เป็นต้น ฯ
๔. คนพิการ คือ คนตาบอดตาใส คนง่อย คนมีมือหงิก เท้าหงิกคนกระจอก คนไม่ปกติ และคนหูหนวก เป็นต้น ๆ
๕. คนทุรพล คือ คนแก่ง่อนแง่น คนมีกำลังน้อย ชั้นแต่จะทำกิจมีย้อมจีวรของตนเป็นต้นก็ไม่ไหวฯ
๖. คนมีเกี่ยวข้อง คือ คนที่บิดามารดาไม่ได้อนุญาต และคนมีหนี้สินเป็นต้น ฯ
๗. คนเคยถูกลงอาชญาหลวง, มีหมายปรากฏอยู่ คือ คนถูกเฆี่ยนหลังลาย คนถูกสักหมายโทษ (เช่น คนถูกเนรเทศ) ฯ
๘. คนประทุษร้ายความสงบ คือ โจรผู้ร้ายที่ขึ้นชื่อโด่งดัง -ฯ
ในคน ๘ จำพวกนี้ ห้ามไม่ให้บรรพชาอุปสมบท แต่ไม่ได้ห้ามเป็นเด็ดขาด เพราะท่านไม่จัดเป็นจำพวกอภัพพบุคคล ห้ามแต่โดยอาการไม่สมควร เมื่อบวชแล้วไม่ต้องนาสนะ แต่ปรับอาบัติทุกกฎแก่ผู้บวชให้ฯ เท่านั้น ๆ (มหาวัคค์ภาค ๑ หน้า ๑๕๐-๑๕๖ มหาขันธ์แปล หน้า ๓๐)
คนนอกจากนี้ เช่น คนไม่มีอุปัชฌายะ คนไม่มีบาตร คนไม่มีจีวรคนไม่มีทั้งบาตรทั้งจีวร ท่านก็ห้ามไม่ให้อุปสมบท และชื่อว่าห้ามบรรพชาโดยนัยด้วย
นอกจากนี้ ตามระเบียบบริหารคณะสงฆ์ พระอุปัชฌายะต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้าม ตามที่บัญญัติไว้ในสังฆาณัติระเบียบพระอุปัชฌายะ พุทธศักราช ๒๔๘๗ มาตรา ๑๕ ดังนี้
(๑) คนทำความผิดหลบนี้อาญาแผ่นดิน
(๒) คนหลบหนีราชการ
(๓) คนมีคดีค้างในศาล
(๔) คนเคยถูกตัดสินจำคุก โดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
(๕) คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระพุทธศาสนา
(๖) คนมีโรคติดต่อ
(๗) คนมีอวัยวะพิการ จนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้สะดวก
ปริสวิบัติ คือ การอุปสมบท ชุมนุมภิกษุไม่ครบองค์กำหนดตามที่กล่าวแล้วข้างต้นในปริสสมบัตินั้น ฯ
สีมาวิบัติ คือ การอุปสมบทไม่สันนิบาตกันในเขตชุมนุมซึ่งเรียกว่าสีมาหรือสันนิบาตกันในเขตสีมาที่เล็กนัก และสีมาที่ใหญ่นักเป็นต้น ฯ
กรรมวาจาวิบัติ คือ กรรมวาจาไม่สวดประกาศชื่อวัตถุ คือบุคคลผู้เพ่งอุปสมบทไม่ออกชื่อบุคคล คืออุปัชฌายะไม่ออกชื่อสงฆ์ผู้เป็นเจ้าการ ไม่สวดกรรมวาจา สวดแต่ญัตติ ๔ หน หรือสวดผิดระเบียบ หรือทำตกหล่น ไม่ตั้งญัตติเสียก่อนแล้วสวดอนุสาวนา เหล่านี้เรียกว่า "กรรมวาจาวิบัติ"