พุทธานุสสติ

วันที่ 15 มิย. พ.ศ.2567

150667b01.jpg

พุทธานุสติ 

พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ให้เอาขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ หลับตาของเราเบา ๆ อย่าไปบีบหัวตาอย่ากดลูกในตาหลับพอสบายคล้ายกับเรานอนหลับ หลับตาสักค่อนลูกคือเกือบ เกือบจะปิดสนิทอย่างนั้นน่ะนะแล้วก็ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อยโดยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเราผ่อนคลาย ตั้งแต่กล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตา หน้าผาก ศีรษะ ต้นคอ บ่าทั้งสองไปถึงหัวไหล่ แขนถึงปลายนิ้วมือ ให้ผ่อนคลายให้หมด กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้า ก็ให้ผ่อนคลาย ผ่อนคลายทั้งเนื้อทั้งตัวหมดเลยระบบประสาท กล้ามเนื้อให้ผ่อนคลายให้หมด ทำอย่างนี้นะผ่อนคลายนะจ๊ะ ทำอย่างนี้ทุกคนเลย 

 


                คราวนี้ก็มาที่จิตใจ การปฏิบัติธรรม ที่จะทำให้ใจของเราหยุดนิ่งสงบเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ในตัวของเรา ถึงพระรัตนตรัยในตัวน่ะ ใจที่เหมาะสมจะต้องเป็นใจที่ปลอดโปร่งว่างเปล่าจากภารกิจทั้งหลาย เครื่องกังวลทั้งปวง ไม่ว่าเรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องครอบครัว  เรื่องธุรกิจการงาน หรือเรื่องอะไรที่นอกเหนือจากนี้เยอะแยะมากมายก่ายกองน่ะ ทิ้งไปซะให้หมดลืมไปซะชั่วคราวทำประหนึ่งว่าเราไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้มาก่อนเลยในชีวิต คล้ายว่าเราน่ะอยู่ตัวคนเดียวในโลก ไม่เคยเจอะเจอคน เจอสัตว์ เจอสิ่งของเหตุการณ์ใด ๆ ทั้งปวง ให้ทำใจอย่างนี้นะ คือให้ปลอดกังวลปลอดความคิดทั้งหมด 

 


                ให้ปลอดความคิดใจนั้นว่างเปล่าโล่ง ๆ ว่าง ๆ เกลี้ยง ๆ ไม่มีอะไรอยู่ในใจของเราเลย เป็นผลึกภาชนะที่ว่างเปล่า ต่อจากนั้นก็จะต้องทำใจให้เบิกบานให้แช่มชื่น ให้สะอาดให้บริสุทธิ์ให้ผ่องใส ใจเคยขุ่นมัวในเรื่องอะไรขัดเคืองใจน่ะก็ให้อภัยซะให้หมด แม้กระทั่งตัวของเราเอง ได้เคยพลาดพลั้งอะไรมาแล้วก็ให้อภัยตัวของเราเอง ให้อภัยกับทุก ๆ สิ่งทุกอย่างกับทุก ๆ คนในโลก นอกจากให้อภัยแล้วก็ยังต้องตั้งความปรารถนาดี ว่านอกจากจะไม่ผูกโกรธไม่ขัดเคืองแล้ว ยังขอให้สิ่งเหล่านั้นท่านเหล่านั้นเจริญรุ่งเรือง มีความสุขความเจริญ ทำอย่างนี้แล้วใจก็จะสบาย 

 


                เราไม่มีเวณไม่มีภัยกับสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ใจของเราเป็นประดุจแหล่งกำเนิดแห่งความปรารถนาดี ที่เรามีแจกจ่ายอย่างไม่มีวันที่จะสิ้นสุด ให้ตัวเรามีความสุข ผู้ที่อยู่ใกล้ ใกล้ตัวของเรามีความสุข ผู้ที่อยู่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ให้มีความสุข ทั้งผู้ที่เราเห็นด้วยตามนุษย์เป็นสิ่งหยาบ ๆ และที่เป็นของละเอียด เป็นกายละเอียดมีมากน้อยเท่าไรก็ตาม ขอให้ได้เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์ มีความสุขสดชื่นเบิกบาน อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย คิดอย่างนี้นะจ๊ะ ใจจะได้สบาย สบาย ใจสบายนี่แหละเป็นต้นทางของการเข้าถึงธรรมภายใน จะเข้าถึงสิ่งที่มีอยู่ภายในตัวของเรา 

 


                พระพุทธเจ้าท่านนำสิ่งที่ท่านได้ค้นพบภายในน่ะ ท่านไปรู้ไปเห็นอย่างไร เนี่ย ท่านก็มาเล่าให้ฟัง มาแนะนำมาสั่งสอนสิ่งที่มีอยู่ภายในที่เราไม่ได้รู้เรื่องเลย ก็คือความบริสุทธิ์ภายใน ธรรมต่าง ๆ มีดวงธรรมภายใน มีกายภายในซ้อน ๆ อยู่เป็นชั้น ๆ เข้าไปตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด หน้าตาเหมือนกับตัวเรานี่แหละ ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์หยาบ กายทิพย์ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด   กายทิพย์ที่มีลักษณะสวยงาม มีเครื่องประดับประดา เครื่องประดับสวยงาม ร่างกายก็ไม่เป็นปุ่มเป็นข้อเป็นปมเหมือนมนุษย์ คล้ายกับเอาลูกโป่งมาเป่า เต็มสวย ซ้อนอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด ที่หน้าตาเหมือนกับตัวเรา กายรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายทิพย์ ลักษณะคล้าย ๆ กันแต่ว่าสวยกว่า โตใหญ่กว่า มีความปราณีตกว่า มีรัศมีสว่างไสวยิ่งกว่า กายอรูปพรหมซ้อนอยู่ในกลางกายรูปพรหม ก็ลักษณะคล้าย ๆ กับกายรูปพรหมแต่ว่าปราณีตกว่าใหญ่กว่าใสกว่าสวยกว่า และก็มีความสุขมากกว่า  

 


                กายธรรมซ้อนอยู่ กายธรรมโคตรภูน่ะ ซ้อนอยู่ในกลางกายอรูปพรหม กายธรรมนี้ ก็คือพุทธรัตนะนั่นเอง เป็นพระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ หน้าตักหย่อนกว่า ๕ วานิดหน่อยเกตุดอกบัวตูม ไม่ใช่เกตุเปลวเพลิงนะจ๊ะ เกตุดอกบัวตูมคล้ายดอกบัวสัตตบงกชเล็ก ๆ อยู่บนจอมกระหม่อมท่านนั่นแหละสวย กายพระสกิทาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมโคตรภู เอ่อกายธรรมพระโสดาบันน่ะซ้อนอยู่ในกายธรรมโคตรภู หน้าตัก ๕ วาสูง ๕ วากายพระสกิทาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระโสดาบันหน้าตัก ๑๐ วาสูง ๑๐ วากายธรรมพระอนาคามีซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระสกิทาคามีหน้าตัก ๑๕ วาสูง ๑๕ วากายธรรมพระอรหัตซ้อนอยู่ในกลางกายธรรมพระอนาคามี หน้าตัก ๒๐ วาสูง ๒๐ วา กายทั้งหมดนี้เป็นแผนผังของชีวิตซ้อนกันอยู่ภายในกายหยาบของเรานี่แหละ กายเป้าหมายคือ กายธรรมพระอรหัต ที่หน้าตัก ๒๐ วาสูง ๒๐ วาไปถึงกายนั้นแล้ว หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงนี่แผนผังของชีวิตเป็นอย่างนี้นะจ๊ะ 

 


                พระพุทธเจ้าท่านก็เข้าไปรู้ไปเห็นอย่างนี้ด้วยพระองค์เอง ไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอน ท่านเข้าไปถึงไปรู้ไปเห็น แล้วก็นำมาสั่งสอนกันต่อไป ให้มนุษย์ได้รู้เทวดาได้รู้ว่า มันมีกายต่าง ๆ มีชีวิตต่าง ๆ ที่ซ้อนกันอยู่ภายในเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่หยาบไปสู่กายที่ละเอียดกว่า และกายที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดที่แท้จริงน่ะ คือกายธรรมอรหัต ถ้าเข้าถึงตรงนั้นได้แล้วเราก็พึ่งกายนั้นได้ เป็นตัวของตัวเองเป็นอิสระจะทำอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา เป็นกายที่ทรงอภิญญาน่ะ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ ตาทิพย์คือมองไปที่ไกล ๆ ที่ไหนก็ได้ มองของละเอียดได้เห็นชัด ได้กว้างไกลไม่มีประมาณทีเดียว เห็นภพภูมิต่าง ๆ เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลายก็เห็นด้วยตาทิพย์ มีหูทิพย์ได้ยินเสียงอันเป็นทิพย์ 

 


                ระลึกชาติได้ด้วย มองเห็นย้อนหลังได้ ว่าก่อนที่เราจะมาเกิดนี่มาจากไหน เคยเกิดเป็นอะไรบ้าง เกิดมาแล้วน่ะเป็นผู้หญิงหรือว่าเป็นผู้ชาย หรือว่าเกิดไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรกหรือไปเกิดเป็นเทวดา พรหม อรูปพรหมก็มองเห็นระลึกชาติ มองเห็นเคยเกิดเป็นมนุษย์ชั้นสูงชั้นกลางชั้นล่าง มีความเป็นอยู่กันมาอย่างไร ก็เห็นได้ชัดเจนทีเดียว ด้วยธรรมจักขุ ของพระธรรมกายอรหัตนั่นน่ะ ทะลุทีเดียว รู้วาระจิต เนี่ยรู้วาระจิตได้ ทำอาสวะให้สิ้นได้  แสดงฤทธิ์ได้อะไรอย่างนี้เป็นต้น 

 


                เมื่อเป็นอิสระแล้วก็จะพึ่งตัวเองได้ กิเลสอาสวะพญามารไม่อาจจะมาบังคับบัญชาได้ เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง พึ่งตัวเองได้ไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวของตัวเองนี่แหละเป็นที่พึ่ง และก็เป็นที่ระลึกนึกถึงได้ตลอดเวลา และเข้าถึงแล้วก็มีความสุข ความสุขที่ไม่มีประมาณทีเดียว เป็นความสุขที่สมบูรณ์ โดยไม่ต้องไปอาศัยวัตถุภายนอก สุขด้วยตัวของตัวเองเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุด กายธรรมอรหัตนี่เเหละ เป็นเป้าหมายปลายทางที่เราจะต้อง ไปให้ถึงนะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ก็ต้องทำความเข้าใจ ว่ามันมีกายมีชีวิตที่อยู่ภายในซ้อน ๆ กันอยู่ไปตามลำดับ ในตัวของเรานี่แหละ วิธีที่จะเข้าถึงได้ก็จะต้องเอาใจให้หยุดนิ่ง ใจที่ซัดส่ายไปมาเอามาหยุดนิ่งอยู่ตรงกึ่งกลางกายฐานที่ ๗ เหนือสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือในกลางท้องของเรา เอาใจที่แว่บไปแว่บมา คิดไปในเรื่องราวต่าง ๆ นำมาหยุดเป็นจุดนิ่งอยู่ในกลางกายของเราน่ะ หยุดให้ถูกส่วนที่เดียวนะหยุดให้นิ่ง ใจจะหยุดนิ่งนี่ใจจะต้องทิ้งทุกสิ่งเลย ทิ้งเรื่องคนสัตว์สิ่งของเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด เป็นใจที่เกลี้ยง เป็นกลาง ๆ 

 


                พอหยุดนิ่งถูกส่วน พอถูกส่วนก็จะเห็นไปตามลำดับ ตั้งแต่เห็นดวงธรรมเบื้องต้นเป็นดวงใส ๆ อย่างเล็กขนาดดวงดาวในอากาศ อย่างกลางก็ขนาดพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ อย่างใหญ่ก็ขนาดพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน นั่นธรรมเบื้องต้นนั่นแหละ จะเห็นได้ชัดเมื่อใจหยุดนิ่ง เห็นดวงธรรมแล้วก็เห็นดวงธรรมในดวงธรรมเป็นชุด ๆ เข้าไป ชุดละ ๖ ดวงเรื่อยไปเลย ๖ ดวงกาย ๖ ดวงกายเข้าไปตามลำดับ  ต้องใจหยุดนะจ๊ะใจหยุดอย่างเดียว ถึงจะเข้าไปถึงสิ่งเหล่านี้ ทีนี้พอเข้าไปถึงนั้นสิ่งแรกที่เราจะได้รับ คือใจมันจะสบายมันจะปลอดโปร่ง มันจะโล่งโปร่งเบาขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุดใจที่ทึบ ๆ ตื้อ ๆ ตัน ๆ น่ะมึน ๆ ซึม ๆ งง ๆ อึดอัดคับแคบ 

 


                พอใจเราหยุดนิ่ง พอถูกส่วนนมันจะโล่งโป่ง โล่งเหมือนตัวเราไม่ทึบอย่างนี้แหละ คล้าย ๆ ตัวของเราจะค่อย ๆ บาง บางไปเรื่อย ๆ เมื่อใจยิ่งหยุดยิ่งนิ่งจนกระทั่งเรารู้สึกหายอึดอัดหายคับแคบ รู้สึกสบายมีความสบายเกิดขึ้นและก็ชอบ มีความพึงพอใจ ใจก็จะขยายออกไปเหมือนตัวจะพองโต ขยาย ขยายออกไปเรื่อย ๆ จากตัวเราเท่านี้ก็ขยายใหญ่กว่าตัวสักเท่านึง ๒ เท่ากระทั่งไปถึง ๑๐ เท่า ๑๐๐ เท่าขยายพองเต็มสภานี่เลย กระทั่งพอยิ่งใจเรานิ่งเท่าไหร่มันก็ยิ่งขยาย ขยายจนกระทั่งกลืนไปกับบรรยากาศ กลืนไปเหมือนเราไม่มีร่างกายเลย 

 


                ตอนนี้ตัวจะเบามีความรู้สึกเบาจริง ๆ เบาเหมือนจะเหาะจะลอยได้น่ะ จะเบาเหมือนตัวลอยตัวเบา ความสุขก็เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้น่ะ อาการที่ตัวขยายอาการที่ตัวเบาความสุขก็จะเกิดขึ้น เป็นความพึงพอใจที่เราไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยมันจะขยาย อัดแน่นเต็มไปทุกอณูของความรู้สึกที่ขยายไปสุดขอบฟ้า ขยาย ถ้าจะยิ้มได้อยู่ในใจเนี่ยตาเราหลับแต่ใจเรายิ้ม ก็ปลื้มใจกับความสุขที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางคนน้ำหูน้ำตาไหลเลย เป็นน้ำตายเย็นที่พรั่งพรูออกมา เมื่อใจเราใสใจสบาย ยิ่งเรานิ่งหนักเข้าไปนี่ ความบริสุทธิ์ของดวงจิตก็จะเกิดเพิ่มขึ้น

 


                เมื่อใจสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม สงัดจากความยินดียินรายทั้งหลายมันก็จะสุขยิ่งขึ้นกระทั่งเห็นแสงสว่าง เป็นแสงสว่างที่เลือนลาง เหมือนฟ้าสางตอนตี ๕ ในฤดูร้อนเหมือนฟ้าสาง ๆ กระจ่างขึ้นมาเรื่อย ๆ เมื่อใจเรานิ่งเฉย ๆ แล้วก็สว่างขึ้นสว่างขึ้นเป็นแสง แห่งความบริสุทธิ์ภายใน เจิดจ้าขึ้นเมื่อใจหยุดนิ่งเป็นอัปนาสมาธิคือมันนิ่งและความนิ่งแล้วมันแน่นแน่นไปหมดเลย เหมือนเราเขียนตัวอักษรว่าคำว่า นิ่งตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ จนกระทั่งตัวมันโตเท่ากับสุดฟ้าครอบ คือมันแน่น คำว่านิ่งนี้มันแน่นอัดเต็มไปหมดเลย ความสุขแน่น แสงสว่างก็เจิดจ้าเพิ่มขึ้นจนกระทั่งสว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แต่ว่าเป็นแสงกระจายกว้าง กว้างออกไปอย่างไม่มีขอบเขต เมื่อใจเรานิ่งต่อไปน๊ะจ๊ะ  

 


                ในกลางความสว่างมาก ๆ เราจะเห็นจุดสว่างเล็ก ๆ เป็นเครื่องหมาย เหมือนเป็นจุดกึ่งกลาง หรือแหล่งกำเนิดแห่งความสว่าง ที่สว่างกว่าความสว่างที่กระจายไปโดยรอบ ๆเป็นจุดสว่างเล็ก ๆ เป็นความสว่างปนความใส ทั้งใสทั้งสว่างทั้งสุข ความสุขมาพร้อมกันทีเดียวนะจ๊ะ มีความใสความสว่างมีความสุขเกิดขึ้น จากจุดเล็ก ๆ ถ้าเราใจเรานิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้นอย่างสบาย ๆ อย่างธรรมดาเป็นธรรมชาติ ที่เรามองดูดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว คน สัตว์ สิ่งของ

 


                ถ้าเราดูเฉย ๆ เดี๋ยวจุดนั้นก็จะขยายกว้าง โตขึ้นโตขึ้นตัวเราเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปหาสิ่งนั้น ในที่สุดสิ่งนั้นก็เข้าใกล้เรามา จนกระทั่งเป็นดวงกลมเห็นชัดเลยว่าเป็นดวงกลม ๆ เหมือนดวงแก้วที่เจียระไนให้เป็นทรงกลม แต่ว่ามันนุ่มนวลกว่าไม่แข็งกระด้าง เหมือนดวงแก้วที่เราเห็นภายนอก ดูราวกับว่ามันมีชีวิต หรือเราเอานิ้วแตะแทบจะหยุ่นเข้าไปข้างใน จะเป็นดวงที่ใสสว่าง ความรู้สึกว่ามันกลมกว่าดวงแก้วกลม ๆ ภายนอก แต่ความสว่างเจิดจ้าสว่าง สว่างยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ นี่แหละ ดวงธรรมเบื้องต้นแหละ และจากจุดนี้เราก็จะเห็นไปตามลำดับ

 


                อย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้นน่ะ เห็นดวงธรรมเห็นกายภายในซ้อน ๆ กันอยู่ นี่เป็นเนื้อเป็นหนังของชีวิต ของการปฏิบัติธรรม ของพระพุทธศาสนาทีเดียว คำสอนต่าง ๆ กับพรั่งพรูออกมาจากตรงนี้แหละ จากธรรมภายในเมื่อเราเข้าถึงพระธรรมกาย เห็นข้อแนะวิธีการปฏิบัติให้ได้เข้าถึงกายต่าง ๆ ดวงธรรมต่าง ๆ ภายใน จะพิสดารอธิบายกันยังไงออกไปก็แล้วแต่ ก็ออกมาจากจุดเริ่มต้นในกลางกายของเรา คือในกลางพระธรรมกาย 

 


                เพราะฉะนั้นพระธรรมกายภายในนี่แหละ คือสรณะที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ที่เรียกว่าธรรมกาย เพราะว่ากายของท่านประกอบไปด้วยทำล้วน ๆ บริสุทธิ์ล้วน ๆ รวมกันเกิดเป็นก้อนกลาย บางทีก็เรียกว่ากายธรรม คือกายของท่านเป็นธรรมล้วน ๆ คำบางอย่างเวลามันแปลกลับไปกลับมาแล้วมันไม่เหมือนกัน แต่บางอย่างมันกลับไปกลับมามันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อันนี้แปลกมีคำเนี่ย ธรรมกายกับกายธรรมเนี่ย กลับไปกลับมากี่เที่ยวเนี่ย มันก็แปลลงเป็นอันเดียว คือธรรม ประกอบกันได้ไปเป็นกายหรือกายประกอบไปด้วยธรรมทั้งปวง เนี่ยธรรมกาย เป็นที่หมายของชีวิตพวกเราทุกคนนะจ๊ะ เมื่อถึงธรรมกายแล้วจะไปนรกก็ได้ จะไปสวรรค์ก็ได้ จะไปนิพพานก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ให้ทุกคนทำใจให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน จนกว่าใจจะหยุดนิ่งแล้วก็เข้าถึงธรรมไปตามลำดับ ตั้งแต่ธรรมเบื้องต้นที่เรียกปฐมมรรค เหมือนดวงสว่างเล็ก ๆ จุดสว่างคล้ายดวงดาวดวงจันทร์หรือดวงอาทิตย์ จนกระทั่งเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด ทิพย์ พรหม อรูปพรมและเข้าถึงกายธรรม ถึงกายธรรมในที่สุด

 


                ภาคเช้านี้เราต้องทำกันอย่างนี้นะ ทีนี้เมื่อสักครู่นี้หลวงพ่อพูดถึงการเอาใจมาอยู่ที่ฐานที่ ๗ ท่านที่มาใหม่ยังไม่เข้าใจ ก็ทำความเข้าใจสักนิดนึงนะจ๊ะ ฐานที่ ๑ เนี่ยอยู่ที่ปากช่องจมูก ท่านหญิงอยู่ข้างซ้ายท่านชายอยู่ข้างขวา ฐานที่ ๒ อยู่ที่หัวตาท่านหญิงอยู่ข้างซ้ายท่านชายอยู่ข้างขวา ฐานที่ ๓  อยู่ที่กลางกั๊กศีรษะ ระดับเดียวกับหัวตาของเรา ฐานที่ ๔ อยู่ที่เพดานปากช่องปากที่อาหารสำลัก ฐานที่ ๕ อยู่ที่ปากช่องคอเหนือลูกกระเดือก ฐานที่ ๖ อยู่ในกลางท้องระดับเดียวกับสะดือของเรา ฐานที่ ๗ เหนือจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสอง ที่เราขึงให้ตึงจากสะดือทะลุหลังและขวาทะลุซ้ายน่ะ เหนือขึ้นมา ๒ นิ้วมือนั่นแหละเรียกว่าฐานที่ ๗ เป็นที่หยุดใจของเรานะจ๊ะ

 


                เพราะฉะนั้นท่านที่มาใหม่ก็จะต้องเอาใจไปหยุดนิ่งอยู่ตรงฐานที่ ๗ โดยกำหนดบริกรรมนิมิตขึ้นมาในใจ ให้นึกถึงพระแก้วใสบริสุทธิ์ ให้นึกถึงพระแก้วใสบริสุทธิ์พระแก้วใสบริสุทธิ์ พระแก้วใสบริสุทธิ์พระแก้วใสบริสุทธิ์ให้ท่านนั่งขัดสมาททำสมาธิหันหน้าออกทางเดียวกับตัวของเรา ให้เป็นบริกรรมนิมิตแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ในอายตนะนิพพาน กำหนดนึกไปเลยนะเป็นพระแก้วใส ๆ บริสุทธิ์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอายตนนิพพาน นึกอยู่กลางท้องตรงฐานที่ ๗ ขนาดขององค์พระเล็กใหญ่แล้วแต่ใจเราชอบ 

 


                ถ้าชอบกำหนดใหญ่เราก็นึกองค์ใหญ่ ชอบขนาดเล็กเราก็นึกองค์เล็ก จะทำด้วยวัสดุอะไรก็ได้ แต่ใสเป็นแก้วดีที่สุด นึกให้ใสเป็นแก้วอยู่ในกลางท้องของเราตรงฐานที่ ๗ ลักษณะที่เรานึกเบื้องต้นก็เหมือนกับเรามอง จากด้านบนลงไปด้านล่าง จากพระเศียรของท่านลงไปน่ะ หน้าตาท่านเราเห็นไม่ชัดหรอก ให้นึกองค์พระแก้วใสบริสุทธิ์นะจ๊ะ นึกอยู่ภายในอย่างสบาย ๆ น่ะ นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วอย่าไปซีเรียส อย่าไปตั้งใจมากเกินไป ให้นึกอย่างสบาย ๆ ด้วยความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า ทุกพระองค์ทีเดียวนึกอย่างนั้นนะ ให้ต่อเนื่องกันไปอย่าให้เผลอ อย่าให้ไปคิดเรื่องอื่น ให้มีแต่พระแก้วใส ๆ บริสุทธิ์อยู่ในกลางท้องของเราน่ะ แล้วก็ทำใจหยุดนิ่ง ๆ สบาย ๆ ในกลางองค์พระนะจ๊ะ ในกลางพระที่เราเห็นน่ะ ที่เรากำหนดขึ้นมา ใหม่ ๆ ก็นึกได้ไม่ชัดเจน ก็ไม่เป็นไรแต่ให้นึกต่อไปด้วยใจที่เยือกเย็น เดี๋ยวเราก็จะค่อย ๆ เห็นขึ้นมาทีหลังเล็กน้อย จนกระทั่งชัดขึ้นเหมือนเราลืมตาเห็นทีเดียว และถ้าเรานิ่งต่อไปก็จะชัดยิ่งกว่าลืมตาเห็น

 


                ดังนั้นตอนนี้นึกถึงพระแก้วใส ๆ บริสุทธิ์ทีเดียวนะจ๊ะ ให้ใสเหมือนกับเพชรให้ใสเหมือนกับเพชร สว่างเหมือนกับดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน แต่เป็นความสว่างจะเย็นตาเย็นใจ ให้นึกอย่างนี้นะ พร้อมกับภาวนาในใจสัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ภาวนาไปอย่างนี้นะ ภาวนาให้ใจใสบริสุทธิ์ ในใจมีแต่พระแก้วใสอย่างเดียว นึกอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ อย่างมีความสุข ในการที่จะได้เจริญพุทธานุสติมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มีพระแก้วเป็นสิ่งแทนตัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การนึกพระพุทธเจ้านี่มีอานิสงส์ใหญ่ ปิดประตูอบายภูมิ คือนรกเนี่ยไม่ต้องไปเกิดกันแล้ว ไม่ต้องไปเป็นเปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน

 


                ถ้านึกหนักเข้าจนกระทั่งเห็นองค์พระได้ใสแจ่ม กระแสกรรมต่าง ๆ ที่ทำมานี่ตามไม่ทัน ถึงแม้มันไม่หมดแต่มันก็ยังไม่ทัน กรรมจะหมดก็ต่อเมื่อหมดกิเลส หมดกิเลสก็หมดกรรม หมดกรรมก็หมดวิบาก เพราะฉะนั้นกิเลส กรรม วิบากเนี่ย ถ้าหมดกิเลสก็หมดกรรม หมดกรรมก็หมดผลของกรรม ทีนี้ถ้าเราเห็นองค์พระใส ๆ อย่างนี้น่ะ แม้กรรมยังไม่หมดแต่มันก็ตามไม่ทัน เหมือนเราขี่จรวดนั่งเครื่องบินแต่กรรมนั้นน่ะ มันเหมือนขี่จักรยานหรือเดินเท้าเปล่าอย่างนั้นแหละเพราะอานุภาพแห่งการเจริญพุทธานุสติ ระลึกถึง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นชีวิตจิตใจทุกลมหายใจเข้าออกจนกระทั่ง ท่านมาปรากฏอยู่ในกลางใจของเราติดอยู่ตลอดเวลา ๒๔ น. อย่างนี้น่ะ มันมีอานุภาพอย่างที่ไม่มีประมาณ ปิดประตูอบายได้ 

 


                เพราะใจจะผ่องใสตลอด ใจจะเกลี้ยงเกลาทีเดียว ไอ้ที่พลาดพลั้งไปแล้วในอดีตแล้วก็แล้วกันไป แต่สิ่งที่เราทำในปัจจุบันนี้น่ะ มันผ่องใส เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองสุคติก็เป็นที่ไปเราจะไปมีกายใหม่หลังจากละโลกไปแล้วน่ะ เป็นกายทิพย์ที่สวยงาม มีรัศมีที่สว่าง มีสมบัติอันเป็นทิพย์ มีวิมาน มีบริวารเกิดขึ้นมากมายก่ายกอง รัศมีที่สว่างนั้นก็จะอยู่แถวหน้า เพราะเทวดาน่ะเขาดูกันที่รัศมี มีรัศมีมาก ที่มีรัศมีน้อยดูแล้วนี่สู้รัศมีไม่ได้ก็ต้องถอยห่างออกไปน่ะ เหมือนเราลืมตาดูดวงอาทิตย์น่ะมันสู้กันไม่ไหว เพราะฉะนั้นก็ต้องมาดูในระดับแสงเทียนแสงหลอดไฟแสงนีออนอะไรอย่างนั้นเป็นต้น 

 


                ทีนี้การระลึกนึกถึงพุทธานุสติอย่างนี้น่ะ ปิดประตูอบายมีสุคติเป็นที่ไป สว่างไสวตลอดปี เป็นสหายแห่งเทวดานี่ยาวนานทีเดียว เมื่อถึงคราวที่จะต้องมาเกิดก็จะเกิดในตระกูลที่สูง เพราะรัศมีกระแสบุญแห่งการระลึกนึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าน่ะไม่ใช่เรื่องเล็กทีเดียว จะติดมาเลยเกิดในตระกูลที่ดีมีโภคทรัพย์สมบัติรอคอยทุกอย่างเพียบพร้อม ที่จะนำเราเข้าไปถึงกระแสธรรมได้ในที่สุด ดังนั้นนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ โดยเอาพระแก้วใส ๆ เป็นสิ่งแทนตัวพระองค์ท่าน มีอานิสงส์มาก แม้ในปัจจุบันนี้ถ้าเข้าถึงเมื่อไหร่ นึกได้ตลอดเมื่อไหร่ ก็ยังทำให้เรามีความสุขสดชื่นเบิกบานทันทีที่เราระลึกถึง 

 


                ในสมัยพุทธกาลน่ะมีหญิงคนหนึ่ง อยากจะไปทำบุญที่วัดเห็นแสงไฟอยู่บนภูเขา แต่ตัวเขามีภารกิจอยู่ จะต้องทำการบ้านการเรือน ทำข้าวเปลือกอะไรต่าง ๆ เหล่านั้นกิจของงานยังไม่เสร็จ แต่ใจนั้นอยากจะไปวัดอยากจะไปฟังธรรม อยากไปปฏิบัติธรรม  อยากจะไปบำเพ็ญบุญใจก็ครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นทั้งวันนั่นแหละ มือก็จับสากตำข้าว ตำไปใจก็อยู่ที่วัดนึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่แต่ในใจ เป็นอารมณ์ตลอดเวลาเลย ไม่ได้คิดอะไรเลย ว่าแม้ข้าพระองค์จะอยู่ทำภารกิจอย่างนี้ แต่ใจนะไม่ได้ห่างจากพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย เราอยากจะไปวัดจังเลย นึกไปตำไปทำภารกิจไปใจผ่องใสตกกระแสธรรม ด้วยอานุภาพแห่งการเจริญพุทธานุสสติเป็นอารมณ์มีอานุภาพ พาตัวเนี่ยเหาะลอยไปในอากาศได้ตัวที่หนัก ๆ นี่ลอยไปในอากาศแล้วไปตกที่อารามแห่งนั้น นี่ถ้าเลื่อมใสกันหนักจริง ๆ นึกถึงจริง ๆ จนกระทั่งองค์พระใสแจ่มกระจ่าง ถูกส่วนเข้ามารกันไม่อยู่พรึ่บไปได้เหมือนกัน ด้วยกายเนื้ออย่างนี้แหละ

 


                 เพราะฉะนั้นนับประสาอะไรกับที่ละโลกแล้ว จะปิดอบายภูมิไม่ได้ ปิดอบายได้ไปสู่สุคติภพ เกิดมาก็มีสุขต่อไปอีก เพราะกระแสแห่งบุญที่ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้านั้นน่ะมันส่งต่อเนื่องกันไป เหมือนคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ส่งกันต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ เลยหรือเหมือนเปิดสับสวิทช์ไฟสว่างตลอดทั้งถนนเลย ติดทุกเสาที่อยู่ริมถนนอย่างนั่นแหละ นี่ก็ติดกันไปทุกชาติ ให้ตั้งใจเจริญพุทธานุสสตินึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ โดยนึกถึงภาพของท่านนั่นแหละ เป็นที่รวมของทุกสิ่ง รวมให้หมดเป็นพระแก้วขาวใสบริสุทธิ์ ประดุจทำด้วยเพชรเกตุดอกบัวตูม นั่งขัดสมาดทำสมาธิอยู่ภายในกลางตัวของเรา นึกไปก็ภาวนาสัมมาอะระหังไปเรื่อย ๆ สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ภาวนาไปก็นึกถึงพระพุทธเจ้าไป นึกถึงพระพุทธเจ้าไปก็ภาวนาไป ทำใจให้ใสให้เยือกเย็นประสานใจของเรากับ พระผู้มีพระภาคเจ้าให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้นิ่งให้หยุด ให้ถูกส่วนทีเดียวน่ะ เดี๋ยวความอัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นกับตัวของเรา อย่าให้ใจเราขุ่นมัวแม้แต่นิดเดียวเลยนะจ๊ะ

 


                ให้ใจของเรามีแต่พระพุทธเจ้าอยู่ในกลางใจของเรา กลางตัวของเราเป็นพระแก้วใส ๆ บริสุทธิ์ ประดุจทำด้วยเพชร ไม่มีขีดข่วนเป็นรอยคล้าย ๆ กับขนแมวอย่างนั้น ไม่มีตำหนิเลย ใสบริสุทธิ์ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะจ๊ะ ก็เอาใจของเรายังอยู่หยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ใครที่มาใหม่ก็หยุดนิ่งตรงนั้นนะ ใครที่เข้าถึงดวงธรรมก็เอาใจหยุดไปที่กลางดวงธรรม ใครเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดก็เอาใจหยุดไปที่กลางกายมนุษย์ละเอียด  ใครเข้าถึงกายทิพย์ก็เอาใจหยุดไปกลางกายทิพย์  ใครเข้าถึงกายรูปพรหมก็เอาใจหยุดไปกลางกายรูปพรหม ใครเข้าถึงกายอรูปพรหมก็เอาใจหยุดไปกลางกายอรูปพรหม ใครเข้าถึงกายธรรมก็เอาใจหยุดไปกลางกายธรรม เอาใจให้หยุดในหยุด หยุดในหยุด ให้นิ่งอย่างสบาย ๆ กันนะจ๊ะ

 


                การบูชาข้าวพระก็คือการนำเอาเครื่องไทยธรรมมากลั่นด้วยธรรมกาย ด้วยวิชชาธรรมกายจนกระทั่งมีความละเอียด เท่ากับพระธรรมกายของพระพุทธเจ้าในอายตนะนิพพาน  ก็จะตกศูนย์ ไปสู่อายตนะนิพพานนั้น แล้วเครื่องไทยธรรมก็เต็มไปหมด น้อมถวายพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ด้วยวิชชาธรรมกาย การทำอย่างนี้เรียกว่าการบูชาข้าวพระ เป็นการบูชาแบบเข้าถึงพระธรรมกายของพระพุทธเจ้า แต่ไม่ได้หมายถึงว่าพระพุทธเจ้า ท่านจะเสวยอาหารทิพย์อย่างพระสงฆ์ขบฉันภัตตาหารหยาบนะจ๊ะ อันนี้เราไปถวายเป็นพุทธบูชา ด้วยดอกไม้ ธูป เทียน อาหารหวาน คาว การบูชาอย่างนี้มีอานิสงส์ใหญ่ บุญใหญ่เกิดขึ้นมากมายก่ายกองทีเดียว เป็นบุญที่พิเศษที่จะทำให้เราไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้ เพราะการไปถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องใช้กำลังบุญอย่างมหาศาล จะทำบุญอย่างธรรมดาไม่ได้ ต้องเป็นบุญพิเศษ เป็นบุญอัศจรรย์จึงจะมีพลานุภาพไปถึงตรงนั้น

 


                 คุณยายอาจารย์ของเรา ท่านคุมธรรมะอยู่ภายในที่พักของท่าน เพราะว่าวัยของท่านมัน ๙๐ ปีปีนี้แล้ว แต่ถึงร่างกายจะป่วย แต่ใจนั้นน่ะผ่องใสสว่างไสวตลอด ป่วยแต่กายที่เกิดจากการกระทบอากาศที่เปลี่ยนแปลง แต่ใจนั้นน่ะไม่ได้หวั่นไหว ใสสว่างเป็นธรรมกายอย่างเดียว ท่านก็ประกอบพิธีบูชาข้าวพระไปตามปกติของท่าน ที่ท่านจะทับทวีเครื่องไทยธรรมเหล่านี้เนี่ยทับทวีขึ้นไปเรื่อย ๆ เลย ทับทวีกันต่อกันขึ้นไปเนี่ย ธรรมกายท่านเต็มไปหมดเลย เครื่องไทยธรรมก็เต็มไปหมด และก็น้อมถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระธรรมกายของพระพุทธเจ้า นับพระองค์ไม่ถ้วน สุดรู้สุดญาณไปเรื่อย ๆ เลยน่ะไปจนกระทั่งสุดญาณ สุดญาณของท่านน่ะ ไปเรื่อยเลยทัพทวีไปต่อ ๆ ๆ กันขึ้นไปเรื่อย ๆ 

 


                พอเราถวายทานขาดจากใจ บุญจะเกิดขึ้นทีเดียวเกิดขึ้นทันทีที่ใจเราเป็นกุศลสละทรัพย์สินภายนอกออกหมด สละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลออกจากใจน่ะ บุญเกิดขึ้นตอนนั้นเลยเป็นอัตโนมัติ คือพอสิ่งนี้หลุดไปเนี่ย กระแสธารแห่งบุญก็เข้ามาแทนที่ใสบริสุทธิ์ เหมือนตอนนี้กระแสธารแห่งบุญจากการบูชาข้าวพระ กำลังหลั่งไหลเป็นกระแสธารใสบริสุทธิ์ สว่างจากศูนย์กลางกายของพระธรรมกายพระพุทธเจ้า มาจรดในการกายเราเต็มไปหมดเลย สว่างไสวติดไปให้เป็นผลบุญในปัจจุบัน และติดไปในภพเบื้องหน้า กว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรมมีกี่กายน่ะ ติดไปหมดเลยจะเกิดเป็นมนุษย์ ดวงธรรมที่อยู่ในกลางกายมนุษย์ เขาก็เปิดขึ้นใช้คือพอมาถึงก็บันดาลเลย บันดาลให้เราสมบูรณ์ไปด้วยสมบัติทั้ง ๓ ทีเดียว กระแสบุญที่เกิดขึ้นอยู่ภายใน

 


                บุญก็คือพลังงานชนิดหนึ่งที่จะดึงดูดสิ่งที่ดี และผลักสิ่งที่ชั่วร้ายทั้งหลายออกไปน่ะ เป็นความใสสว่างบริสุทธิ์ อัดแน่นอยู่ภายในกลาง ในกลางของแต่ละกายทุกกายเลย และมีที่เก็บเป็นดวง ดวงบุญใสส่งกระแสตลอดเวลาเลย เวลาบุญส่งผลจิตใจของเราจะเบิกบานจะชุ่มชื่นจะมีความสุข ร่างกายก็จะแข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ ผิวพรรณวรรณะเราก็จะผ่องใสสว่างเป็นที่ดึงดูดตา ดึงดูดใจของทุกคนที่เขาเห็นเราได้  ใจเราจะมีแต่ความสุขและมีกำลังทั้งร่างกายและจิตใจ ร่างกายก็มีเรี่ยวมีแรง จิตใจก็เข้มแข็ง ไม่ได้มองเห็นว่าอะไรเป็นอุปสรรคเลยน่ะ

 


                จะมีพลังทีเดียว พลังที่จะเอาชนะอุปสรรค พลังที่จะสร้างความดี บุญนั้นยังส่งผลให้ความคิดของเราเนี่ยแจ่มใส คิดอะไรมันก็ได้ดั่งใจทะลุปรุโปร่ง มองเห็นเป็นภาพเป็นเรื่องเป็นราวคาดการณ์ในอนาคตได้ถูกต้อง คิดได้ออก พูดก็ได้ดังใจแถมถ้อยคำที่พูดก็มีพลัง ใครฟังแล้วเขาก็เชื่อถืออยากจะทำตาม การกระทำนั้นก็สำเร็จไม่ว่า จะทำอะไรมันก็จะสำเร็จ เป็นนักกีฬาก็ประสบชัยชนะ เป็นนักเรียนก็จะเรียนดี เป็นนักธุรกิจก็จะไปเป็นมหาเศรษฐี ถ้าครองเรือนก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้ารับราชการก็จะไปสูงที่สุดในสายนั้นอย่างนี้เป็นต้น

 


                ถ้าเป็นพระก็จะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เนี่ยกำลังบุญเนี่ยเขาส่งไป แล้วเขาก็จะดึงดูดสมบัติ ดึงดูดสมบัติจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ ตั้งแต่อยู่ในอากาศ สมบัติในอากาศที่เขาสื่อสารกันต่าง ๆ นั่นไง เขาคว้าเงินทองจากอากาศเกี่ยวกับเรื่องโทรคมนาคมอย่างนั้นน่ะ สมบัติตั้งแต่ยอดเขาเรื่อยลงมาถึงพื้นดินไล่ไปถึงในทะเลใต้ทะเล จะดึงดูดจังหวะชีวิตที่ดีโอกาสที่ดี ๆ คนมาช่วยเหลือพูดกับใครก็สนับสนุน เกิดสภาพคล่องขึ้นมา จะมีพวกพ้องบริวาร ก็ร่วมมือซื่อสัตย์สุจริตได้ทั้งคนซื่อได้ทั้งคนฉลาด ได้คนดีมีฝีมือมาเป็นมือเป็นเท้า สนับสนุนทุกอย่างจนกระทั่งอะไรอยากได้อะไรมันก็ได้ดั่งใจหมดเปรมไปหมดเลย เนี่ยกำลังบุญส่งผล ส่งมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งอิ่มเต็มในโลกียทรัพย์

 


                ได้สมบัติจักรพรรดิเกิดขึ้นมาเนี่ย ตักเท่าไหร่ก็ไม่พร่อง เหมือนท่านโชติกเศรษฐี เหมือนท่านชฎิลเศรษฐีนี่ ทำบุญด้วยทองก็มีภูเขาทองโผล่เกิดขึ้นมาเต็มไปหมดเลย เต็มไปหมดเลย เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ หรือท่านเมณฑกเศรษฐี มีสมบัติจักรพรรดิ มีฟูงแพะกายสิทธิ์ ดึงเขาแพะออกมาแล้วอยากได้อะไรมันก็ออกมาอย่างนั้น สมบัติมีมากจนกระทั่งอิ่มเต็ม พอเต็มเข้าก็แจกจ่ายคนอื่นต่อไปอีกทำกันต่อไป จนกระทั่งไม่มีความปรารถนาอย่างนี้ ก็แสวงหาอารยทรัพย์ภายใน เอาสมบัติที่มันยิ่งไปกว่านี้น่ะ ที่จะทำให้ชีวิตนี้มีความสุขสมบูรณ์ เพราะว่าโลกียะทรัพย์เราได้มาจนกระทั่งเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็แล้ว มีสมบัติตักไม่พร่องก็แล้ว

 


                แต่ใจมันยังไม่บริบูรณ์มันยังรู้สึกว่าเรายังต้องแสวงหาอะไรอีกต่อไป แต่ไม่ใช่ทรัพย์สินภายนอก ก็จะทิ้งสิ่งเหล่านั้นแล้วก็มุ่งหาอริยทรัพย์ ทรัพย์ที่เป็นเครื่องปลื้มใจของพระอริยเจ้า ของผู้รู้ ของบัณฑิต ของนักปราชญ์ก็จะแสวงหาทรัพย์ชนิดนี้ จนกระทั่งกำลังบุญก็จะส่งผลให้เจอครูบาอาจารย์ ให้มีศรัทธาให้ได้มาฟังธรรมให้เข้าใจในธรรมนั้น ได้ลงมือปฏิบัติและก็ให้เข้าถึงธรรมนั้นบรรลุธรรมนั้นตามคำ ที่ครูบาอาจารย์หรือพระบรมครูท่านสั่งสอนหมดกิเลสอาสวะไปโน่น ถึงอายตนะนิพพานกำลังบุญมากหนักยิ่งขึ้นก็ไปถึงที่สุดแห่งธรรมทีเดียว

 


                เพราะฉะนั้นเรื่องบุญนี้เป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว ใครทำใครก็ได้ ใครไม่ทำคนนั้นก็ไม่ได้บุญที่ทำได้ใครจะมาแย่งมามาชิง มาปล้นที่จะเอาบุญนี้ จะเอาสมบัติของเรานี้ไปไม่ได้เลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นบุญนี่เป็นเรื่องสำคัญ เกิดเป็นมนุษย์บุญนี้ยังตามส่งมาเนี่ย กำลังบุญมากครอบครัวที่จะมารองรับตระกูลไหนจะมารองรับนั้นน่ะ ต้องเป็นตระกูลที่เหมาะสม บุญมากตระกูลนั้นต้องใหญ่ เอาสมบัติมาคอยท่าทีเดียว และพ่อแม่ต้องรูปร่างสวยงาม เพราะลูกออกมานี่ก็มีรูปสมบัติ คนมีบุญก็มีรูปสมบัติที่งาม มีทรัพย์สมบัติมา มีคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่เฉลียวฉลาดแตกฉานทีเดียว จะเกิดอยู่ที่ไหนก็แล้ว เกิดอยู่ในป่าก็แล้วแต่ แต่บุญนั้นจะต้องพัดผันมาอยู่ในเมือง เกิดในตระกูลต่ำก็ต้องสูง เกิดสูงก็จะต้องสูงยิ่งขึ้นไป จนกระทั่งปกครองประเทศชาติบ้านเมืองกันต่อไป

 


                แม้ละโลกไปแล้วกำลังบุญมาก สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชไม่อาจจะรองรับได้ ก็จะต้องไปสู่ชั้นดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นดาวดึงถ้ากำลังบุญมากกว่านั้น รองรับไม่ได้อีกก็ส่งไปอยู่บนชั้นยามา ชั้นยามาถ้ารองรับบุญใหญ่นี้ไม่ได้ก็ส่งต่อไป ถึงชั้นดุสิตไปตามลำดับอย่างนี้แหละ ถ้ากำลังบุญมากที่สุดพบทั้ง ๓ ไม่อาจจะรองรับได้ ก็ไปสู่อายตนะนิพพาน บุญนี่ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็ก เห็นได้ด้วยธรรมจักขุของพระธรรมกาย แล้วก็รู้ได้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน เห็นได้ชัดเจนทีเดียว อยู่ในกลางตัวของเรานี่แหละ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นวันบุญใหญ่ จะต้องตั้งใจตักตวงบุญกัน ให้เต็มที่ ทำใจให้ผ่องใสนะลูกนะ นึกถึงบุญให้ดีแล้ว เราจะได้เป็นผู้มีบุญ มีความสุขมีความสำเร็จต่อไปในอนาคตต่างคนต่างอธิษฐานจิตกันให้ดีนะจ๊ะ กระแสธารแห่งบุญกำลังไหลต่อเนื่องมาที่ศูนย์กลางกายของเรา อย่าลืมตาอย่าพูดคุยกัน เอาใจหยุดนิ่งอยู่ในกลางกายของเรา และเราจะได้เป็นผู้มีบุญใหญ่กันทุก ๆ คนนะจ๊ะ             
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0011331518491109 Mins