พระบรมพุทธเจ้า

วันที่ 24 มิย. พ.ศ.2567

250667b.b.01.jpg

พระบรมพุทธเจ้า

พระธรรมเทศนาเพื่อการปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย
โดย... พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)

 

                ต่อจากนี้ขอให้ทุกคนตั้งใจให้แน่แน่ว มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานกันนะจ๊ะ นั่งเอาขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้าย ให้นิ้วชี้ของมือข้างขวาจรดนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย วางไว้บนหน้าตักพอสบาย ๆ นะจ๊ะ หลับตาของเราเบา ๆ พอสบาย ๆ คล้าย ๆ กับเรานอนหลับอย่าไปบีบหัวตา อย่ากดลูกนัยน์ตาหลับพอสบาย ๆ นะจ๊ะ ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี กะคะเนให้เลือดลมในตัวของเราเดินได้สะดวก จะได้ไม่ปวดไม่เมื่อย ให้กล้ามเนื้อทุกส่วนเนี่ยให้ผ่อนคลายให้หมด กล้ามเนื้อเปลือกตา หน้าผาก ศีรษะ ต้นคอ บ่าทั้ง ๒ ไหล่ แขนถึงปลายนิ้วมือให้ผ่อนคลายให้หมด กล้ามเนื้อบริเวณลำตัว ขาทั้งสองถึงปลายนิ้วเท้า ให้ผ่อนคลายให้หมด ทั้งเนื้อทั้งตัวให้ผ่อนคลายนะจ๊ะ

 

 

                แล้วก็ทำใจให้เบิกบาน ให้แช่มชื่นให้สะอาดให้บริสุทธิ์ ให้ผ่องใส อย่าให้มีเครื่องกังวลใจเข้ามาในใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเป็นนักศึกษา ก็ให้ลืมเรื่องการศึกษาเล่าเรียนไปชั่วขณะ ท่านที่เป็นนักธุรกิจก็ให้ลืมเรื่องกังวลใจไปชั่วคราว ไม่ว่าในใจของเราตอนนี้น่ะ จะมีเรื่องที่ทำให้เราวิตกกังวลก็ให้ลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะปัญหามีเราก็แก้กันไป งานมีเราก็ทำกันไป บุญมีเราก็สร้างกันไป แก้ปัญหาทำงานสร้างบารมีเนี่ย ทำมันควบคู่กันไปปัญหาบางอย่างเราต้องยอมรับว่าบางอย่างก็แก้ไขได้ พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าสเตกิจฉา คือแก้ได้ แต่บางอย่างแก้ไม่ได้ ท่านเรียกว่าอเตกิจฉา อย่างคอขาดไม่รู้จะแก้กันอย่างไร ตายไปแล้วก็ไม่รู้จะแก้กันอย่างไรนี่เป็นอเตกิจฉา แต่ที่ต่ำกว่านี้ลงมาเนี่ยมันยังพอแก้ไขได้ ความทุกข์ของเราตอนนี้น่ะ มันทุกข์เพราะว่ามีความรู้สึกว่ามีไม่เท่าเดิม แต่แม้ไม่เท่าเดิมก็ยังมีมากกว่าคนอื่นอีกตั้งเยอะ ถ้าเราลองนึกย้อนหลังตอนเกิดมาเนี่ย เราก็ไม่ได้มีอะไรติดตัวมาแล้วก็มาหาเอาในภายหลัง เมื่อมาอยู่ในโลกใบนี้เนี่ย เราต้องยอมรับกฎธรรมชาติอยู่ข้อหนึ่งคือโลกธรรม ๘ ประการ มีลาภได้ ก็เสื่อมได้ มียศได้ก็เสื่อมยศได้ เดี๋ยวมีคนสรรเสริญเดี๋ยวก็มีคนนินทา มีสุขทุกข์ธรรม ๘ ประการเป็นของคู่โลก เราต้องเจอ ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 


                เพราะฉะนั้นป่วยการที่เราจะไปทุกข์ใจ ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นในภาวะที่ทำใจให้สงบดีกว่าและถ้าหากว่า ถ้าเราจะไปโทษอะไรต่าง ๆ แล้วเนี่ยหลวงพ่อว่าเราอย่าไปโทษอะไรเลย หันกลับมามองดูที่ตัว ด้วยเหตุที่ผลเนี่ยมันเป็นอย่างนี้เนี่ย ผลปัจจุบันวิบาก ที่เรากำลังเจออยู่เนี่ยมันเป็นเหตุที่เราประกอบไว้ในอดีต ในอดีตนั้นช่วงเนี้ยเราไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศล มัวประมาทในชีวิต เมื่อไม่ได้สร้างบุญกุศลวันนั้นบุญมันก็ไม่เกิดขึ้น บุญเป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต เมื่อมันไม่มีเนี่ยความสุขและความสำเร็จในชีวิตเนี่ย มันจึงยังไม่บังเกิด เพราะฉะนั้นช่วงนี้เราขาดบุญที่ทำมาจากภพในอดีต เราทำของเราเองน่ะมันเป็นอย่างนี้ เพราะในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำขนาดนี้เนี่ย บางคนก็ฟุบแฟ่บ บางคนก็เฟื่องฟู คนที่เขาสั่งสมบุญมามันก็มีอยู่ ภาวะนี้เนี่ยเขาก็ไม่ได้ทุกข์เช่นเดียวกับตัวของเรา เพราะเขาสั่งสมบุญมา คิดได้อย่างนี้แล้วใจเราก็จะสบายปลอดโปร่ง จะได้ปลดจะได้ปล่อยวางเครื่องกังวลใจไปชั่วคราว ไปมัวโทษนั่นโทษนี่เลยหันกลับมามองดูตัวของเราดีกว่า ใจจะได้สบาย ใจสบายนี่แหละเป็นต้นทางที่จะเข้าถึงธรรมภายใน 

 


                โดยเฉพาะเราเป็นนักสร้างบารมีเนี่ย จะต้องไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม ๘ ประการ อะไรจะเกิดก็ช่างมัน เราก็จะสร้างบารมีของเราต่อไป พระบรมพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่ท่านได้เข้าสู่อายตนะนิพพานเป็นองค์แรก ๆ พระพุทธเจ้าเนี่ยท่านนี้มากมายก่ายกองทีเดียวนับกันไม่ถ้วน เพราะว่าโลกนี้กัปนี้เนี่ย มันตั้งกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ยังไม่มีใครทราบแต่ว่ามีกันมายาวนานทีเดียว บางกัปก็มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้พระองค์หนึ่ง บางกัปก็ ๒ พระองค์ ๓ พระองค์ กัปของเรานี่มีถึง ๕ พระองค์เรียกว่าภัทรกัป คือกัปที่มีความเจริญ คือมีผู้มีบุญ มีบารมีน่ะ มีใจแน่วแน่ ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายอสงไขชาติน่ะ มาตรัสรู้ถึง ๕ พระองค์ กัปไหนไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น ก็มีพระปัจจเจกพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น

 


                เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าน่ะ มีมากมายก่ายกองที่ท่านดับขันธปรินิพพาน   เข้าไปสู่อายตนะนิพพานน่ะ นับไม่ถ้วนกันทีเดียว เพราะนับไม่ถ้วนน่ะ จึงได้อุปมาเทียบเอาไว้กับเม็ดทราย ทราย ๑ กำมือเนี่ย ถ้าเรามานับดูกว่าจะนับให้ครบทุกเม็ดได้ ก็ใช้เวลานาน เพราะเขานับกันไม่หวาดไม่ไหวแล้ว แต่ทรายในมหาสมุทรทั้งหลายเนี่ย มากมายก่ายกองขนาดนั้นน่ะ ที่เรานับกันไม่ไหวในแต่ละเม็ดยังน้อยกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ท่านดับขันธปรินิพพานไปสู่อายตนะนิพพานนั้นนับกันไม่ถ้วนทีเดียว

 


                พระบรมพุทธเจ้า บรม แปลว่ายิ่งใหญ่ บรมพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่มีบารมีแก่ ๆ ใหญ่ด้วยบารมี ใหญ่ด้วยพระวรกาย กายท่านโตใหญ่ ใหญ่ด้วยความรอบรู้ ความบริสุทธิ์ทุกอย่าง พระบรมพุทธเจ้าเข้านิพพานไปเก่า ๆ แก่ ๆ โน้น ซึ่งเราจะรู้เห็นได้ก็ต่อเมื่อ เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาธรรมกายเป็น ธรรมกายพระธรรมกายท่านมีธรรมจักขุ มีญาณทัสสนะ ธรรมจักขุหรือดวงตาของท่านนั้นน่ะมองเห็นไปได้รอบทิศ มีความบริสุทธิ์ เห็นได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีอะไรกำบังได้ ญาณทัสสนะเครื่องรู้น่ะ คือเห็นไปถึงไหนก็รู้ไปถึงนั่นน่ะ มีอยู่ในพระธรรมกาย

 

 

                ถ้าเรามี ถ้าเราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ทำวิชชาเป็นแล้วนี่ ก็จะเกิดธรรมจักขุ และญาณทัสสนะจะไปเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านดับขันธปรินิพพานนานไปแล้วเนี่ย ที่ว่ามากมายกว่าเม็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง ๔ เนี่ยได้ สิ่งอะไรที่เป็นเครื่องทำให้ใจเราเศร้าหมอง เป็นข้าศึกต่อความบริสุทธิ์ต่อใจหยุดใจนิ่ง ก็พึงระเว้นซะ ขจัดให้มันเกลี้ยงเกลาไปเลย ปราศจากอุปกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ปราศจากนิวรธรรม กามฉันทะ พยาบาท อะไรเหล่านี้เป็นต้น คือความรู้สึกในกาม ในทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ในความขุ่นมัว ขัดเคืองใจ ความสงสัยลังเลเรื่องพระรัตนตรัย เรื่องบุญกุศลเป็นต้น เรื่องบุญเรื่องบาป ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว นรกสวรรค์อะไรอย่างนี้หยุดความสงสัยไปก่อน ความโงกง่วงซึมเซาก็อย่าให้มันบังเกิดขึ้น หมั่นทำใจให้หยุดนิ่งน่ะ รักษาใจของเราเอาไว้ในกลางตัวในศูนย์กลางกาย ซึ่งเป็นทางไปสู่อายตนะนิพพาน เป็นทางที่พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ เสด็จไปสู่อายตนะนิพพานน่ะ ไปอยู่ตรงต้นทางนั้นเถิด ใจของเราจะได้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส จะได้เหมาะสมที่จะรองรับบุญใหญ่ที่จะบังเกิดขึ้น 

 


                อันที่จริงบุญที่จะบังเกิดขึ้นน่ะมีอยู่ทุกวัน ถ้าเรารู้จักวิธีการแสวงหาบุญ ให้ทาน รักษาศีลเจริญภาวนา ทำกายวาจาใจให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส พอใจผ่องใสเป็นกุศล บุญก็เกิดแล้ว สว่างทีเดียวติดอยู่ในกลางกาย เรามีบุญอย่างนี้ทุกวัน ใจของเราควรจะคิดกันอย่างนี้นะจ๊ะ มันจะได้มีปีติ มีความสุข มีความเบิกบาน ความบริสุทธิ์ของจิตก็จะบังเกิดขึ้น กระแสธารแห่งบุญก็จะพรั่งพรูกันออกมาท่วมกายท่วมใจเรา เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะจ๊ะ ให้ใจของเราเป็นบุญเป็นกุศลไปล้วน ๆ อย่าให้มีสิ่งอะไรเป็นเครื่องเศร้าหมองใจ ปัญหามีก็แก้ไปโดยสติปัญญาอย่าใช้อารมณ์ งานมีเราก็บริหารงานกันไป บุญมีเราก็สร้างไม่ว่าจะเป็นบุญอะไรก็แล้วแต่ บุญบูชาข้าวพระ บุญบวชสามเณร บุญสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สร้างพระธรรมกายประจำตัว อะไรเป็นบุญได้ก็ทำเถอะนะจ๊ะ 

 


                อะไรที่เราให้ได้ก็ควรจะให้ นักสร้างบารมีจะต้องมีหัวใจของการให้ ตั้งแต่ให้ความรัก ความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้อภัยในกรณีที่มีบุคคลใดได้พลาดพลั้งล่วงเกินเรา ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้อาหารหวานคาวเป็นต้น หรือให้โอกาสแก่บางท่านที่พลั้งพลาดโดยไม่มีเจตนาน่ะ ยืมเงินยืมทองกันไป ตั้งใจจะใช้แต่มันเกิดวิกฤตการณ์อย่างนี้เข้าแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาอะไรเนี่ยที่จะไม่ใช้คืนก็ให้โอกาสเขาหน่อยนะลูกนะ หลวงพ่อก็พูดเผื่อไว้ว่าถ้ามันจะมีเนี่ยยืด ๆ ให้สักหน่อย เราพี่น้องวงบุญเหมือนกัน ชาติที่แล้วไม่ได้สร้างทานบารมีมามาก มันก็เลยต้องมาพึ่งบารมีของผู้มีบุญ ผู้มีบุญใหญ่ก็ให้โอกาสกับผู้มีบุญน้อย ประคับประคองกันไปกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม อย่างนี้ใจของเราจะเกิดความผาสุข 

 


                ความผาสุขที่บังเกิดขึ้นนี่แหละ มันมีคุณค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองซะอีก เพราะว่าเป็นต้นทางไปสู่อายตนะนิพพาน ความผาสุขเท่านั้นจะทำให้ใจของเรานี้หยุด ทำให้ใจเรานิ่ง นิ่งอยู่ในกลางตัวของเรา พอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวดวงใสของปฐมมรรคก็บังเกิดขึ้น อยู่ในกลางกายเห็นชัดใสแจ่มทีเดียว ชัดเหมือนกับเห็น พอใจเรานิ่งถูกส่วนเข้าไปในกลางปฐมมรรคน่ะ พอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวก็ขยายออกไปเรื่อยเลย ดวงธรรมในตัวขยาย มีดวงใหม่ผุดเกิดขึ้นอีกแล้ว เป็นชั้น ๆ เข้าไป ๖ ดวงกาย ๖ ดวงกาย คือมีทั้งหมด ๖ ดวงแล้วก็ถึงกายต่าง ๆ ตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม แล้วก็กายธรรมต่าง ๆ เป็นต้น ทั้งดวงธรรม ทั้งกายภายในและพระธรรมกายล้วนมีอยู่แล้วในตัวของพวกเราทั้งหลายนะจ๊ะ ไม่ใช่ว่าเราไปปรุงแต่งมันขึ้นมา แต่มันมีอยู่แล้ว แต่เราไม่ทราบว่ามันมี หรือบางท่านทราบว่ามีแต่ยังเข้าไปไม่ถึง เพราะฉะนั้นก็เลยยังไม่มั่นใจ แต่จริง ๆ แล้วมีอยู่มีมาตั้งดั้งเดิมแล้วเป็นผังสำเร็จมานานทีเดียว เป็นกายต่าง ๆ ที่ซ้อน ๆ กันอยู่ภายใน จะมีความละเอียดที่แตกต่างกันออกไป กายที่ละเอียดกว่าก็ซ้อนอยู่ในกายที่หยาบกว่า ซ้อนกันไปเป็นชั้น ๆ ๆ ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ ทีเดียว แต่ละกายแต่ละดวงธรรมก็โตใหญ่หนักยิ่งขึ้นไปตามลำดับ จะเข้าถึงได้ใจต้องหยุดนิ่ง หยุดนิ่งอย่างเดียวอย่างสบาย ๆ พอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวก็เข้าถึงนะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นความผาสุขนี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว ถ้าใจผาสุกได้ก็จะเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ เกิดมาถ้าเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัยเนี่ย มันก็เสียเวลาเกิด เพราะเราไม่รู้จักว่าอะไรคือสรณะที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราอย่างแท้จริง เมื่อไม่รู้จักว่าอะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง ก็ต้องไปแสวงหาที่พึ่งสะเปะสะปะ ยามเมื่อชีวิตประสบทุกข์และชีวิตที่อยู่ในโลกนี้น่ะล้วนแต่ประสบทุกข์ทั้งสิ้น ไม่มีใครที่ไม่เคยเจอความทุกข์เลย ถ้าหากว่าเราไม่รู้ว่าอะไรเป็นที่พึ่งมันก็จะสะเปะสะปะไปพึ่งต้นไม้มั่งภูเขามั่งจอมปลวก ผู้วิเศษอะไรต่าง ๆ แทนที่จะหันกลับเข้าไปสู่ตัวของเรา เข้าไปถึงที่พึ่งที่แท้จริงที่อยู่ภายใน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์เข้าไม่ถึงพระรัตนตรัยในตัว เกิดมาชาตินี้ก็หมดเวลาไปเปล่า ๆ ตายฟรีนะจ๊ะ 

 


                เพราะฉะนั้นอยากจะต้องเข้าถึงให้ได้ ถ้าเข้าถึงและชีวิตก็ปลอดภัย มีความสุขตั้งแต่ทันทีที่เข้าถึง ความสุขที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว ไม่ทราบว่าจะเอามาเปรียบเทียบกับอะไรได้ สุขจากการมีทรัพย์ สุขจากการที่ได้ใช้จ่ายทรัพย์ หรือสุขจากการที่ไม่เป็นหนี้เทียบไม่ได้เลย กับความสุขเพียงนิดเดียวที่เข้าถึง พระรัตนตรัยภายใน เพราะเข้าถึงแล้วความสุขก็เป็นอิสระกว้างขวางใหญ่โตทีเดียว กายเบา ใจเบามีความปิติมีความเบิกบาน ใจขยายออกไปไม่มีขอบเขตทีเดียว เมื่อเข้าถึงแล้วสุขก็เกิดขึ้นทันทีที่เข้าถึงและยังปลอดภัยในชีวิตอีก แม้ละโลกไปแล้วก็ยังนำไปสู่สุคติภูมิ ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ปิดประตูอบายได้ ภายในสังสารวัฏทำอันตรายผู้ที่กล่าวถึงธรรมกายไม่ได้

 


                เพราะฉะนั้นพระธรรมกายอยู่ในตัวของเรานี่แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่สำคัญ จะต้องเข้าถึงให้ได้นะจ๊ะ ให้ทุกคนทำใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้ ทำใจให้หยุดนะจ๊ะ ให้สมมุติว่ามีเส้นด้าย ๒ เส้นนำมาขึงให้ตึง เส้นหนึ่งขึงจากสะดือทะลุไปด้านหลัง อีกเส้นหนึ่งขึงจากด้านขวาทะลุไปด้านซ้าย ให้เส้นด้ายทั้ง ๒ ตัดกันเป็นกากบาท จุดตัดเล็กเท่ากับปลายเข็ม ตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองที่เล็กเท่ากับปลายเข็มนี้น่ะเรียกว่าฐานที่ ๖ ให้ยกใจถอยหลังขึ้นมา ๒ นิ้วมือโดยสมมุติเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน แล้วนำไปทาบตรงจุดตัดของเส้นด้ายทั้งสองสูงขึ้นมา ๒ นิ้วมือเรียกว่าฐานที่ ๗ สูงขึ้นมา  ๒ นิ้วมือเรียกว่าฐานที่ ๗ เป็นฐานที่ตั้งของใจเรานะจ๊ะ ที่สำคัญที่สุดทีเดียว ให้เอาใจมาหยุดอยู่ตรงฐานที่ ๗ ตรงนี้ให้ได้ตลอดเวลา ให้ใจมันหยุดอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ 

 


                โดยกำหนดเครื่องหมาย กำหนดเครื่องหมายถ้าไม่กำหนดเครื่องหมายนี้เราไม่รู้ว่าฐานที่ ๗ อยู่ตรงไหน เครื่องหมายกำหนดต้องเป็นของใส ๆ นะจ๊ะ หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญให้กำหนดเครื่องหมายให้ใสสะอาดให้บริสุทธิ์ สะอาดด้วยบริสุทธิ์ด้วย ประดุจเพชรลูกที่เจียระไนแล้ว ไม่มีขีดข่วนคล้ายขนแมว โตเท่าแก้วตา นี่ท่านให้กำหนดตรงนี้นะ เป็นเครื่องหมายเป็นเพชรลูก เป็นเครื่องหมายตรงนี้ แต่ถ้าใครนั้นน่ะนึกไม่ออกนะจะนึกถึงพระแก้วขาวใสบริสุทธิ์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ได้ หรือจะนึกถึงดวงแก้วขาวใสบริสุทธิ์กรมรอบตัวแทนพระธรรมคำสอนก็ได้ หรือจะนึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญแทนสังฆรัตนะก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่งนะจ๊ะ เป็นเครื่องหมายที่หยุดใจของเราน้อมมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ใหญ่เล็กแล้วแต่ใจเราชอบนะจ๊ะ 

 


                ถ้าหากว่านึกขนาดใหญ่แล้วสบายใจ ใจสบายก็นึกขนาดใหญ่ แต่ถ้าหากว่านึกขนาดเล็กแล้วสบายใจก็นึกขนาดเล็ก ใหญ่เล็กแล้วแต่ตัวของเรานะจ๊ะ ทั้งหมดนี่แหละเป็นเครื่องหมาย ที่ยึดที่เกาะของใจเรา เราจะได้รู้ว่าฐานที่ ๗ อยู่ที่ตรงไหน ถ้าเป็นองค์พระก็นึกให้ท่านหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา ถ้าเป็นดวงแก้วก็ให้เป็นดวงแก้วกลมใส ๆ อยู่ในกลาง กลางกายตรงฐานที่ ๗ ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดปากน้ำ จะนึกว่าท่านหล่อด้วยทองก็ได้ หรือทำด้วยแก้วใส ๆ ก็ได้นะจ๊ะ อย่างใดอย่างหนึ่งก็นึกไป หรือจะนึกเป็นเครื่องหมายให้ใสสะอาดประดุจเพชรลูกอยู่ตรงฐานที่ ๗ ก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่งได้ทั้งนั้นเป็นบริกรรมนิมิต ที่ยึดที่เกาะของใจเรานะจ๊ะ ให้นึกอย่างสบาย ๆ นึกอย่างสบายให้ต่อเนื่องกันไปเลย อย่าให้เผลอพร้อมกับภาวนาสัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ อย่างนี้นะ ภาวนากันไปเรื่อย ๆ ใจเย็น ๆ ทุกครั้งที่ภาวนาสัมมาอะระหังก็จะนึกถึงบริกรรมนิมิต ทุกครั้งที่นึกถึงบริกรรมนิมิตต้องไม่เผลอต้องภาวนาสัมมาอะระหังควบคู่กันไปด้วย จะภาวนากี่ครั้งก็ได้ กี่สิบกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นกี่แสนครั้งก็ภาวนาไปเถอะ แต่อย่าเผลออย่าให้ใจไปคิดเรื่องอื่นนะ คิดถึงแต่บริกรรมนิมิตดังกล่าวแล้วนั่นแหละ 

 


                บริกรรมนิมิตกำหนดใหม่ ๆ มันจะยังไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไรรัว ๆ ราง ๆ คุ่ม ๆ ค่ำ ๆ ก็นึกกันไปอย่างนั้น เพื่อไม่ให้ใจเผลอไปคิดเรื่องอื่น ถ้าคิดเรื่องอื่นมันจะทำให้ใจไม่บริสุทธิ์ ไม่หยุดไม่นิ่งแต่จะคิดถึงบริกรรมนิมิตดังกล่าวแล้ว จะทำให้ใจใสบริสุทธิ์และก็หยุดนิ่งอยู่ภายใน หยุดนิ่งพอถูกส่วนเข้าเดี๋ยวเราก็เข้าถึงปฐมมรรคได้นะจ๊ะ นึกอย่างนี้เรื่อยไปนึกไปเรื่อย ๆ ส่วนบางท่านที่ไม่ถนัดในการนึกอยากวางใจนิ่งเฉย ๆ แล้วก็ภาวนาสัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ อย่างเดียวอย่างนี้ก็ได้นะจ๊ะ ภาวนาไปเรื่อย ๆ ทำใจสบาย ๆ ใจเย็น ๆ ทำอย่างนี้นะต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะจ๊ะ จะนึกนิมิตก็ได้หรือไม่ถนัดก็วางใจเฉย ๆ และก็ภาวนาสัมมาอะระหังอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ จนกว่าจะถึงเวลาอันควร ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะจ๊ะ อย่าลืมตา อย่าพูด อย่าคุยกันให้ใจนิ่ง ๆ ให้ใจใส ให้ใจบริสุทธิ์สัมมาอะระหัง ๆ ๆ ๆ ๆ ให้เสียงดังออกมาจากในกลางท้องนะ ภาวนาไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ 

 


                ใจของเรายังอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ที่เดิมให้ใจของเราหยุดให้สนิททีเดียว ใครที่ยังเข้าไม่ถึงดวงธรรมก็เอาใจหยุดไปในกลางกายฐานที่ ๗ อย่างสบาย ๆ นะจ๊ะ ใครที่เข้าถึงดวงธรรมแล้วก็เอาใจหยุดไปที่กลางดวงธรรมที่ใสบริสุทธิ์อยู่ในกลางกายนิ่ง ๆ นะ ใครที่เข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดก็เอาใจหยุดไปในกลางกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดที่มีหน้าตาเหมือนกับตัวของเราน่ะ หยุดให้สนิทนะ ใครที่เข้าถึงกายทิพย์ก็เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ของกายทิพย์ กายทิพย์ที่เป็นกายที่สวยงามเป็นกายของชาวสวรรค์น่ะ มีเครื่องประดับพร้อมเลยเนี่ย ใครที่เข้าถึงกายรูปพรหมก็เอาใจหยุดไปในกลางกายรูปพรหม ที่มีลักษณะคล้ายกายทิพย์ แต่ว่าสวยงามกว่า มีรัศมีขนาดโตใหญ่กว่าใสสวยงามทีเดียว ใครเข้าถึงกายอรูปพรหมก็เอาใจหยุด เข้าไปในกลางกายอรูปพรหม กายอรูปพรหมก็คล้าย ๆ กับกายรูปพรหม แต่สวยกว่าเครื่องประดับปราณีตกว่า 

 


                ใครที่เข้าถึงกายธรรม เอาใจหยุดไปในกลางกายธรรมนะจ๊ะ หยุดให้นิ่ง กายธรรมที่มีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ เกตุดอกบัวตูมใสเป็นแก้วทีเดียวนะจ๊ะ ใจหยุดไปในกลางนั้นน่ะ หยุดในหยุดให้ดีทีเดียว ให้นิ่งสนิท ถ้าหากว่าหยุดไปได้ในระดับหนึ่งเราจะเหมือนกับมองจากที่สูงลงไปด้านล่างเห็นพระธรรมกายอยู่ในกลางตัวของเราเล็ก ๆ ถ้าหยุดไปอีกระดับหนึ่งก็โตใหญ่หนักขึ้นเป็นตัวของเราเลย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย ถ้าหยุดได้สมบูรณ์นะ เรากับท่านเนี่ยจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย เราจะเป็นท่าน ท่านก็จะเป็นเรา กลืนกันไปเลย ทั้งธาตุ ธรรม เห็น จำ คิด รู้น่ะ กาย ใจ จิตวิญญาณเป็นอันเดียวกันไปหมดเลย ใสบริสุทธิ์ สิ่งที่ต้องการคือให้เป็นอันเดียวกัน จะเป็นอันเดียวกันได้ต้องหยุดสนิททีเดียวนะจ๊ะ หยุดนิ่งสนิท พอถูกส่วนก็พรึ่บเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเลย แล้วก็เข้ากลางไปเรื่อย ๆ เข้ากลางไปมีองค์ใหม่เกิดขึ้นมา โตใหญ่ยิ่งขึ้นพอเราหยุดได้สนิท เราก็วุบไปเป็นอันเดียวกับท่านเลย เป็นอันเดียวกันไปเลยเนี่ย โตเข้าไปเท่าไหร่ก็เป็นกายท่าน ใสบริสุทธิ์ทีเดียวมีความสุขมาก สุขที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว กายใสเป็นแก้วทีเดียวเลยใสเกินใส สวยเกินสวยทีเดียวมีความสุข ใจเป็นหนึ่งนิ่ง

 


                คราวนี้แล้วก็น้อมเอาเครื่องไทยธรรมที่เรานำมาจากที่บ้าน มีดอกไม้ ธูป เทียน อาหารหวานคาว หรือใครไม่ได้นำมาก็น้อมที่หน้าโต๊ะหมู่บูชานะ น้อมมาตั้งไว้ในกลางกาย ถ้าทำเป็นแล้วนึกนิดเดียวพอนึกก็มาเลย ใสสว่าง ใสบริสุทธิ์ทีเดียว เห็นชัดแจ่มทีเดียวเลยแหละ เห็นสบาย ๆ ไม่เห็นแบบชะโงกมอง หรือต้องไปเค้นภาพก็เห็นเหมือนเราลืมตาเห็น วัตถุสิ่งของภายนอกนั่นแหละ ร่างกายตอนนี้จะไม่มีแล้วหายไปหมด เพราะเราเป็นองค์พระไปแล้ว ใสบริสุทธิ์ การบูชาข้าวพระก็คือการนำเครื่องไทยธรรมซึ่งเป็นของหยาบนี้น่ะ น้อมเข้ามาในกลางกาย ของพระธรรมกาย ทำหยุดทำนิ่งให้ละเอียดทีเดียว นิ่งให้สนิท สนิทไปเรื่อยเลย จนกระทั่งทั้งกายธรรมทั้งเครื่องไทยธรรมละเอียดทันกันไปน่ะ เท่ากันไปเลยในการหยุดการนิ่งนั่นแหละ จนกระทั่งละเอียดเท่ากับความละเอียดของอายตนะนิพพานมันยากตรงนี้แหละ 

 


                แต่การเข้าถึงนั้นมันต้องหยุดนิ่งสนิททีเดียว ถ้าไม่สนิทมันทำไม่ได้ จะต้องละเอียดเข้าไปเรื่อย ละเอียดลงไป ละเอียดลงไป  ละเอียดลงไป กายธรรมโตใหญ่หนักขึ้นไป กระทั่งละเอียดเท่าไปเลย แล้วก็น้อมไปเนี่ย คำว่าน้อมไม่ใช่ วุบ ลุ้น ๆ วุบลงไปไม่ใช่ น้อมไม่ใช่อย่างนั้นน่ะ มันต้องนิ่งสนิท สนิทแล้วมันวุบไปเลย วุบไป ไปถึงก็จะเห็นว่าธรรมกายเต็มไปหมดเลย สว่างไสวเต็มสว่างไสวเต็มล้วนแต่เกตุดอกบัวตูมใสสว่างนั่งอยู่บนฌานสมาบัติ ลอยอยู่เต็มเป็นระเบียบ มันจะพรึบขึ้นไปเลยเนี่ย สว่างเต็มทัพทวีเครื่องไทยธรรมไปถวายเป็นพุทธบูชา แด่พระธรรมกายพุทธเจ้า เยอะ ๆ โน่นไปเรื่อยเลย ไม่ต้องเห็นการส่งกันต่อ ๆ กันขึ้นไป ทับทวีขึ้นไปถึงพระบรมพุทธเจ้าโน่นน่ะแก่ ๆ นู้นที่มีธาตุธรรมแก่ ๆ บารมีแก่ ๆ โตใหญ่หนักขึ้นไป

 


                เราจะเห็นการรับเครื่องไทยธรรมของท่าน แตกต่างจากของพระสงฆ์ รับเครื่องไทยธรรมในมนุษย์เนี่ย และก็จะเห็นกระแสธารแห่งบุญเป็นวาทีเดียวนะ บุญในอายตนะนิพพาน เป็นวาทีเดียวผ่าศูนย์กลางเป็นวา บางคนร้อยวา บางคน ๕๐๐ วา บางคนไม่ถึง บุญนั้นมาจรดในกลางกาย ทุกกายของเราเลย แล้วก็จะมีผู้คุมตั้งผังสำเร็จกลั่นบุญบารมีติดในกลาง ตั้งผังสำเร็จคำอธิษฐานความปรารถนาต่าง ๆ ที่เราตั้งเอาไว้ มันก็จะไปเป็นอย่างนั้นเลย เพราะบุญนี้มันเป็นธาตุสำเร็จ ที่จะทำให้เป็นทุกสิ่งที่เราปรารถนา ถ้ามีบารมีมากมีบุญมาก มารก็กันไม่อยู่มันก็เป็นไปอย่างที่เราปรารถนา เหมือนปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนี่ยต่อเนื่องกันมาน่ะ เมื่อบารมียังอ่อนอยู่เขาก็ยังกันได้อยู่ พอบารมีเต็มเปี่ยมเท่านั้นแหละแม้จะมาขัดมาขวางในวันจะตรัสรู้ธรรมก็กันไม่อยู่ เพราะกำลังบุญเต็มเปี่ยมแล้ว ขยายเต็มเปี่ยมทีเดียว การตรัสรู้ธรรมก็บังเกิดขึ้นเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

 


                เพราะฉะนั้นบางครั้งเราสงสัยว่า เอ๊ะ...เราก็ทำบุญเยอะ เราก็ตั้งความปรารถนาไว้อย่างดีทำไมบางครั้งสำเร็จบางครั้งไม่สำเร็จ มันขึ้นอยู่กำลังบุญเรามีมากน้อยแค่ไหน ถ้ากำลังบุญมีมากอะไรมันก็ขวางไม่อยู่ก็สำเร็จได้  เพราะฉะนั้นการบูชาข้าวพระเนี่ยก็จะนำเครื่องไทยธรรมไปถวายเต็มไปหมด พระพุทธเจ้ารับประเคน ท่านให้พร เติมบุญเติมบารมีลงมา เราจะเห็นการให้พรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แตกต่างจากพระสงฆ์ทั้งหลายน่ะ เนี่ยมันยากตรงนี้เนี่ย แล้วก็จะเห็นบุญกระแสธารในบุญบังเกิดขึ้นมาจรดกลางกาย เห็นผังสำเร็จในกลางนั้นน่ะ ติดอยู่ในกลาง ผังสำเร็จมันไม่ใช่เป็นแผ่นกระดาษที่เรามาวาดผังสร้างบ้าน สร้างเรือนอย่างนั้น มีลักษณะที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นมันต้องเห็น เห็นแจ้งแล้วก็มองเห็นว่ามันจะส่งผลกันไปอย่างไรน่ะ

 


                เหมือนในสมัยพุทธกาลเวลาถวายสังฆทาน ต่อพระภิกษุสงฆ์โดยมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประมุข ๗ วัน ๗ คืน แล้วตั้งความปรารถนาจะเป็นนั่นเป็นนี่เป็นพระอรหันต์มั่ง เป็นพุทธอุปัฏฐากมั่ง เป็นพระอัครสาวกบ้าง หรือจะเป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าบ้าง พอตั้งความปรารถนาแล้วพระพุทธเจ้าท่านพยากรณ์ได้อย่างไร ท่านก็มองไปในกลางนั่นแหละ มองดูบุญที่ได้เป็นวานั้นแหละ ดูผังเกิดขึ้นเห็นไปสุดผังเลย ปรื๊ดเดียวตลอด แต่เนื่องจากท่านบารมีมากธรรมจักขุและญาณทัศนะบริสุทธิ์ไม่มีอะไรกำบังเจือปน จึงเห็นได้ชัดเจนรู้แจ้งเห็นแจ้งชัดเจนทีเดียว รู้ว่าผังแห่งบุญที่ทำนี้เนี่ยจะเป็นไปตามความปรารถนา ในภพนั้นภพนี้เนี่ย กัปนั้นกัปนี้ จะได้ชื่ออย่างนั้น รู้ถึงชื่อนามสกุล ตระกูล ความเป็นอยู่และความปรารถนาว่า จะสำเร็จในความปรารถนาในภพนั้นภูมินั้น เห็นชัดแล้วท่านก็เอามาพูดว่าสิ่งที่เธอตั้งความปรารถนานั้นน่ะจะสำเร็จ ในภพนั้นภพนี้ เมื่อเจอพระผู้มีพระภาคเจ้าที่จะมาตรัสรู้ในอนาคตกาล ภายในภาพเบื้องหน้า ทรงมีพระนามว่ามีพระอัครสาวกคู่นั้นชื่อว่าอะไร พุทธอุปัฏฐากชื่อว่าอะไร กัปนั้นชื่อว่าอะไร เธอจะเกิดในตระกูลนั้นมีชื่อว่าอย่างนั้น และจะสมความปรารถนาอย่างนั้น ก็เห็นไปตามผังอย่างนี้แหละ

 


                วิชชาธรรมกายจึงดีอย่างนี้เป็นวิชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรงทีเดียว มีอยู่ในตัวของเรานี่แหละที่หลวงพ่ออยากจะให้ลูก ๆ ทุก ๆ คนทั้งภายในต่างประเทศทั่วโลกได้เข้าถึงกัน จะได้ไปรู้ไปเห็นกันของจริงจังกันยังมีอย่างนี้ พิสูจน์ได้เมื่อใจหยุดพิสูจน์ไม่ได้ เมื่อใจอยากใจมันไม่หยุดก็พิสูจน์ไม่ได้ พอใจหยุดก็พิสูจน์ได้ชัดแจ่มทีเดียวหายสงสัย เพราะฉะนั้นสิ่งทุกอย่างเนี่ยที่มีปรากฏในพระไตรปิฎกสามารถพิสูจน์ได้โดยวิชชาธรรมกาย ถ้าเราได้เข้าถึงธรรมกาย หยุดได้สนิทจะศึกษาอะไรก็ได้ทั้งนั้นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิด ภพภูมิต่าง ๆ นรกสวรรค์นิพพาน จักรวาลอะไรต่าง ๆ การระลึกชาติมีอยู่ในตัวของเราในวิชชาธรรมกายนี่แหละ 

 


                วิชชาก็แปลว่าความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ซึ่งมีอยู่ในธรรมกายจะเห็นแจ้งได้ เพราะมีธรรมจักขุ จะรู้แจ้งได้เพราะมีญาณทัศนะเป็นการรู้เห็นที่แตกต่างจากการรู้เห็นด้วยตามนุษย์ ทิพย์ พรหม อรูปพรหม โดยสิ้นเชิง เหนือวิสัยของตรรกะการนึกคิด ด้นเดา คาดคะเนหรือปรัชญาอะไรต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะเป็นวิสัยของการเห็นแจ้งอย่างเดียว จึงจะรู้แจ้ง เพราะฉะนั้นถ้าถึง ณ จุดนี้เราก็จะเห็นอย่างนี้ หลวงพ่อจะมีความปรารถนาอยากให้ทุกคนทั้งโลกเลยน่ะ ได้เข้าถึงตรงนี้ และเพราะความปรารถนาอย่างนี้แหละจึงได้สร้างทั้ง ๓ สิ่งนี้ขึ้นมา สร้างมหาธรรมกายเจดีย์ สภาธรรมกายสากล มหาวิหารพระมงคลเทพมุนีเนี่ย สร้างทั้ง ๓ สิ่งอันนี้แหละเพื่อจะเป็นจุดที่จะเชื่อมโยงทุก ๆ คนในโลก ให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ที่มีอยู่ในตัวของเรา ใครที่มีส่วนอย่างสำคัญในการที่ช่วยสร้าง ๓ สิ่งได้สำเร็จ ไม่ว่าตะปูสักตัว อิฐสักก้อน ไม้สักแผ่นถือว่าเป็นอธิษฐานทีเดียว ทานที่ไม่มีใครเสมอเหมือน เพราะได้ชื่อว่าช่วยสร้างโลกให้สว่างไสว ด้วยแสงธรรม ทำให้ทุกคนได้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในสรรพสิ่งทั้งหลายด้วยตัวของตัวเอง บุญอะไรจะมาวิเศษเท่าตรงนี้ที่ทำให้ทุกคนเนี่ยดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ได้เข้าถึงวิชาธรรมกาย อิฐสักก้อน ไม้สักแผ่น ตะปู ๑ ตัวเป็นอธิษฐานทั้งสิ้น 

 


                เพราะฉะนั้นเมื่ออุทิศตนสร้าง ๓ สิ่งนี้ด้วยชีวิตในยามยาก มหากุศลที่ยิ่งใหญ่อย่างจะนับจะประมาณไม่ได้จึงบังเกิดขึ้น ให้ดีใจเอาไว้เถิดนะลูกนะ เพราะสิ่งที่ได้ทำไปนั้นน่ะ มันเป็นสิ่งที่ประเสริฐเลิศ ที่ใคร ๆ ยากจะทำอย่างนี้ แม้เทวดาที่อยู่บนสวรรค์น่ะ มีกายละเอียดยังมีความปรารถนาอยากที่จะมาเป็นลูก ๆ ทุก ๆ คนอย่างนี้แหละ มีกายมนุษย์ได้สร้างบารมี เพราะเป็นกายละเอียดแล้วมันสร้างไม่ได้ ได้แต่เสวยผล เขาอยากจะมาเป็นอย่างเราเพื่อที่จะได้สร้างบุญใหญ่กันขนาดนี้ทีเดียว เรามีโอกาสดีกว่าท่านเหล่านั้น ทุ่มชีวิตเถิดนะลูกนะ อย่าไปกลัวความยากลำบาก ทำมันให้มันเต็มกำลังเลย สุดชีวิตเลย สุดใจเลย ให้ ๓ สิ่งนี้มันสำเร็จเป็นอัศจรรย์ให้ได้ แล้ววันนั้นเราจะมาพร้อมใจกัน เพื่อระลึกนึกถึงสิ่งที่เราทำมา ด้วยความยากลำบาก ด้วยความปิติ ความภาคภูมิใจ ด้วยหัวใจของยอดนักสร้างบารมีอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ไหน จะอยู่บนเตียงคนป่วย จะใกล้มรณภัยใจก็ยังมีความสุข จะอยู่ในป่าในเขาที่ทุรกันดารทุกคนทุกแห่งมีปิติสุขทั้งนั้น เพราะบุญที่เราทำนั้น ทำด้วยหัวใจ ด้วยชีวิตจิตวิญญาณทุกอย่างในยามยาก 

 


                และสิ่งนี้ก็จะเป็นประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้ศึกษา ได้ปลื้มปิติยินดี ในคุณงามความดีที่เราทำเอาไว้  เทวดา พรหม อรูปพรหมก็จะอนุโมทนาสาธุการ สัพพสัตว์ทั้งหลายที่มีตาทิพย์ หูทิพย์ เห็นแล้วก็ชื่นใจและยังส่งต่อไปในภพเบื้องหน้า ทำกันครั้งหนึ่งครั้งเดียวเนี่ยให้สำเร็จใช้ได้อีกนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เป็นเทวดากลับมาเพื่อเป็นมนุษย์อีกถึงจุดที่เรามีญาณทัศนะบังเกิดขึ้น ระลึกชาติหนหลังเห็นภาพนี้ก็ดีใจอีก นำภาพนี้มาเล่าสู่กันฟังให้รุ่นหลัง เหมือนอย่างพระอรหันต์น่ะท่านระลึกชาติที่เรียกว่าอัปทานะของท่านน่ะ ทานในอดีตของท่านที่ทำมาน่ะ ยังมาเล่าสู่กันฟังเป็นกำลังใจให้พวกเราปัจจุบันนี้เลย ประวัติศาสตร์ชีวิตของเราก็จะเป็นกำลังใจให้ลูกหลานต่อไปในอนาคต ให้นึกกันอย่างนี้นะ

 


                เมื่อเข้าใจอย่างนี้ดีแล้วต่อจากนี้ไปก็นึกหยุดนิ่ง น้อมใจให้ใสบริสุทธิ์ เครื่องไทยธรรมถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์และกราบขอบุญบารมี รัศมีกำลังฤทธิ์ อำนาจสิทธิเฉียบขาด รูปสมบัติทรัพย์สมบัติคุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มรรคผล นิพพาน วิชชาธรรมกายบังเกิดขึ้นกับพวกเราทุกคน ให้ผลบุญนี้เป็นผลบุญปัจจุบันทันตาเห็น ที่จะช่วยขจัดทุกข์โศกโรคภัยพิบัติต่าง ๆ ให้ละลายหายสูญให้หมด ที่จะเชื่อมโยงสมบัติมหาสมบัติให้พวกเรามาใช้สร้างบารมีอย่างไม่รู้จักหมดทั้งสิ้น ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วย ก็เอาบุญนี้หล่อเลี้ยงรักษาสังขารให้หายเจ็บหายป่วยหายไข้ ให้มีอายุขัยยืนยาวได้สร้างบารมีไปนาน ๆ ใครที่ประกอบธุรกิจการงานก็ให้ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง อุปสรรคก็ให้ละลายหายศูนย์ไปให้หมด ใครเป็นนักศึกษาก็ให้ศึกษาเล่าเรียนสำเร็จสมความปรารถนาจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ให้เข้าได้เป็นอัศจรรย์ คิดอะไรก็ให้สมความปรารถนาอธิษฐานจิตกันอย่างนี้ทุก ๆ คนนะจ๊ะ   

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0012959520022074 Mins