เรื่องที่ ๑๑ โอวาทเมื่ออกจากบ้าน

วันที่ 05 กค. พ.ศ.2567


2567.07.05%20b.jpg

 

โอวาทเมื่อออกจากบ้าน

2567.07.05%20%20b.jpg

      คนเราแม้จะมีความเฉลียวฉลาดเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าเป็นคนทำงานแบบขอไปที ทำแบบพอผ่านลวกๆ ชาตินี้ก็ โดย ยากที่จะเอาดีได้


        ดังนั้น  พ่อแม่  ที่ฉลาดเห็นการณ์ไกล  จะฝึกลูกให้เป็นคนที่ถ้าทำอะไรแล้ว  จะต้องทำให้   ดีที่สุด


         โยมพ่อของอาตมาก็มีลักษณะเช่นนี้ ตั้งแต่อาตมายังเล็กๆ งานที่ทำทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ทำอย่างดี ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษโดยโยมพ่อจะคอยดูอย่างใกล้ชิด

 

       เมื่อวันที่จะออกจากบ้านไปเรียนต่อชั้น ม.๗ - ม.๔ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร โยมพ่อก็ให้โอวาทสั้นๆ ตามประสาชาวบ้าน ซึ่งก็ไม่เข้าใจหลักธรรมอะไรลึกซึ้งมีแต่ความจริงใจ ท่านพูดสั้นๆ ว่า

 

       'เมื่อก่อนอยู่บ้านพ่อก็ตามดูทุกฝีก้าวผิดชอบชั่วดีอย่างไรก็ว่ากล่าวตักเตือนเคี่ยวเข็ญกัน นี่จะไปเรียนกรุงเทพฯ เจ้าต้องดูแลตัวเอง พ่อก็จะไม่พูดอะไรมากล่ะ แต่ขอฝากเอาไว้ว่า ถ้าจะทำอะไรแล้ว อย่าไปทำเหลาะแหละ แต่จงทุ่มให้สุดตัว

 

        พ่อเองก็ไม่รู้หรอกว่า นรก-สวรรค์มีจริง บาปบุญมีหรือไม่ ไม่กล้ายืนยันแต่ถ้าเจ้าคิดว่า บาปไม่มี บุญไม่มี นรก สวรรค์ไม่มี อยากจะไปเป็นโจร พ่อก็ไม่ว่า แต่ว่าอย่าไปเป็นโจรกระจอกงอกง่อย ตีชิงวิ่งราวให้เสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ไหนๆ จะเป็นโจรทั้งที ก็ให้เป็นมหาโจรนามกระเดื่องไปเลย


          ถ้าคิดว่าบาปมี  บุญมี นรก-สวรรค์มี  จะบวชก็เอา  แต่ถ้าจะบวชก็อย่าคิดบวชไปวันๆ บวชทั้งทีก็ให้เป็นสังฆราชไปเลย'


           ตอนนั้นใจอาตมาเอง ก็ไม่คิดจะเป็นโจร แล้วก็ไม่คิดจะบวชคิดแต่เพียงว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรถ้าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือส่วนรวมแล้ว ก็จะไม่ทำแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทําอะไร


     ต่อมาเมื่อเรียนอยู่คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ปีที่ ๔ ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ออสเตรเลีย จึงไปขออนุญาตโยมพ่อท่านถามว่า


         'คิดดีแล้วหรือ ทําไมไม่เรียนให้จบจากเมืองไทยเสียก่อนถ้าไปแล้วเรียนไม่จบจะทำอย่างไร' อาตมาตอบท่านไปว่า

 
              'ลูกพ่อทำอะไรต้องสําเร็จให้ได้ คิดดีแล้วว่าควรไป' ท่านก็ตอบว่า

 

              'งั้นก็ไป'


           วันขึ้นเครื่องบิน ท่านก็มาส่งและยื่นกระดาษให้ แผ่นหนึ่งบอกให้ไปเปิดดูที่ออสเตรเลีย เมื่อเปิดดูพบมีข้อความสั้นๆ ว่า


              'ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา'


              นั่นคือธรรมะจากโยมพ่อที่ฝากไปแดนไกล


           อาตมาถูกโยมพ่อฝึกมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เมื่อบวชเป็นพระทำงานเผยแผ่พระศาสนา มาพบหลวงพ่อธัมมชโย คุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ได้รู้เป้าหมายชีวิตว่า เกิดมาเพื่อสร้างความดี ตามแบบอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงทำงานอย่างทุ่มสุดตัว ขอให้ทราบเถิดว่า  หลวงพ่อธัมมชโย และคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ต้องการอะไร อาตมาเป็นต้องทุ่มสุดตัวทำเต็มที่ ไม่ลังเลเพราะเชื่อตามคําสอนของโยมพ่อ

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.00096591711044312 Mins