ยอดกัลยาณมิตร

วันที่ 21 สค. พ.ศ.2567

2567%2008%2021%20b.jpg

 

ยอดกัลยาณมิตร

 

      ครั้งหนึ่งในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า   กัสสปะพระองค์ทรงกำลังแสดงธรรมเรื่องอานิสงส์ของการให้ทานว่า


       บางคนในโลกนี้ทำทานด้วยตัวเอง  แต่ไม่ชวนคนอื่นทำเพราะเกรงใจกลัวเขาเสียทรัพย์  กลัวเขาลำบากยากจน  หรือกลัวจะรบกวนเขา แต่ตนเองมีศรัทธาจึงทำทานตามลำพังโดยไม่ชักชวนคนอื่น บุคคลเช่นนี้ภพชาติต่อไปจะได้รับอานิสงส์ คือ มีทรัพย์มาก เพราะการให้ทานด้วยตนเอง แต่ไม่มีพวกพ้องและบริวาร เวลาทำกิจการงานต่างๆ กว่าจะสำเร็จก็ต้องประสบกับความเหนื่อยยาก ดังที่เราเคยเห็นเศรษฐีหลายคนที่ร่ำรวย แต่ต้องแลกด้วยความวิริยอุตสาหะอย่างยิ่ง เพราะไม่มีพวกพ้องบริวารคอยช่วยแบ่งเบาภารกิจ

2567%2008%2021_b.jpg      

        บางคนไม่ทําทานด้วยตนเอง   แต่ชวนคนอื่นให้ทำ  มีหัวใจผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรแต่ไม่มีหัวใจของผู้ให้  เห็นคนอื่นเขาให้แล้วปลื้ม ส่วนตัวเองเก็บปัจจัยเอาไว้เผื่อเศรษฐกิจตกต่ำ เผื่อมีความจําเป็นต้องใช้จ่ายในภายหน้า บุคคลจำพวกนี้จะได้รับอานิสงส์ในภพชาติต่อไป คือ จะเป็นคนยากจนที่มีพวกพ้องบริวารมาก เมื่อเอ่ยปากจะทําอะไรแล้วจะมีคนมาช่วยให้งานสําเร็จ

2567%2008_21_b.jpg

       บางคนในโลกนี้  นอกจากทำทานด้วยตนเองแล้ว  ยังชักชวนคนอื่นทําด้วย  คือ  มีหัวใจผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรและมีหัวใจของผู้ให้ด้วย บุคคลเหล่านี้จะได้อานิสงส์ คือ ภพชาติต่อไปนอกจากจะร่ำรวยแล้วยังมีพวกพ้องหมู่ญาติเป็นบริวารสมบัติที่ดีด้วย บริวารสมบัติที่ได้นี้จะมีแต่บริวารที่นำความสุขความเจริญมาให้ อีกทั้งยังช่วยแบ่งเบาภารกิจการงานต่างๆ ไปได้มาก เพราะฉะนั้นถ้าทำทานด้วยตนเองและชวนคนอื่นทำด้วย ภพชาติต่อไปจะรวย มีพวกพ้องหมู่ญาติและบริวารสมบัติที่ดี

2567%2008%2021_b_.jpg

       ส่วนบางคนที่ไม่ทําทานด้วยตัวเองแล้วยังห้ามคนอื่นทําด้วยจะต้องกลายไปเป็นคนยากจน  ลำบาก  ฝืดเคือง  และยังไม่ค่อยมีใครคอยช่วยเหลืออีกด้วย


      เมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจบ   มีมานพหนุ่มผู้มีบุญท่านหนึ่งปลื้มอกปลื้มใจ   เกิดกุศลศรัทธาอยากถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ ๒๐,๐๐๐ รูป โดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุขในวันรุ่งขึ้น เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรับนิมนต์ เขาปีติดีใจมาก


     การถวายมหาสังฆทานครั้งนี้   เป็นที่น่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง   เพราะผู้นำบุญท่านนี้มีความกล้าหาญและมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ที่กราบทูลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า จะขอนิมนต์พระ ๒๐,๐๐๐ รูป เพื่อถวายทานในวันรุ่งขึ้น โดยที่เขาเองก็ทราบดีว่า มีเวลาไม่เกิน ๒๔ ชั่วโมง ทั้งนี้ยังไม่รวมเวลานอนหลับพักผ่อน เวลาทําอาหาร เพราะถ้าหากตัดเวลาเหล่านี้ออกไป จะเหลือเวลาสำหรับชักชวนผู้มีบุญเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


       เนื่องจากมานพหนุ่มเป็นผู้มีปัญญา   รู้ว่าทำตามลำพังไม่ได้จึงใช้วิธีทำงานเป็นทีม   กระจายทีมบอกบุญออกไปทำหน้าที่ชักชวนผู้มีบุญให้มารับเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพระ บ้างก็รับเป็นเจ้าภาพ ๑๐ รูป บ้างก็รับ ๒๐-๓๐ รูป บางบ้านรับถึง ๑๐๐ รูป ด้วยพลังแห่งการทำงานเป็นทีม ไม่นานก็สามารถหาเจ้าภาพได้ครบ ๒๐,๐๐๐ รูป

        หากหันกลับมาดูการทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรของตัวเรา  เรื่องของผู้นำบุญท่านนี้  อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เราพิจารณาว่าเราเองก็สามารถทําได้เช่นกัน อีกทั้งจะได้เริ่มพัฒนาทีมงานของเราให้ทำงานเป็นทีมอย่างนี้บ้าง นี่คือต้นแบบการสร้างบุญเป็นทีม ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ดีทีเดียว และเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวการให้ทานของมหาทุคตะ ซึ่งเป็นที่กล่าวขานสืบกันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0010851860046387 Mins