เมื่อพระพุทธองค์ประทานอนุโมทนาคาถาเสร็จแล้ว จะเสด็จกลับพระคันธกุฎี พระอินทร์ในร่างจำแลงทรงแนะนำให้พ่อแม่ลูกมหาทุคตะไปส่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
...อ่านต่อ
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จประทับในบ้านของมหาทุคตะเรียบร้อยแล้ว พระอินทร์ได้อาศัยบุญแต่ปางก่อนของมหาทุคตะร่วมกับพุทธานุภาพ และเทวานุภาพของพระอินทร์ รวมกัน ๓ ส่วน บันดาลให้มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นในฝาครอบภัตตาหาร อาหารนั้นปรุงด้วยเนยใส นมส้มเครื่องเทศ ผัก และปลาตะเพียนที่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกเคล้ากันอย่างดีรวมกันเป็นข้าวคลุกปลาตะเพียน โดยมีเครื่องเคียงคือผักที่เก็บมาจัดวางอย่างประณีตอยู่ในจานเดียว เมื่อปรุงด้วยการดึงบุญธาตุโอชารสทิพย์แล้วโอชารสอันเลิศนั้นได้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูเนื้อของภัตตาหาร มีกลิ่นหอมฟุ้งราวกับอาหารของชาวสวรรค์
...อ่านต่อ
เมื่อมหาทุคตะเดินมาถึงพระคันธกุฎีก็เห็นบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างมารอรับบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่พระราชากับเหล่าเสนาบดี มหาเศรษฐีทั้งหลายเรียงรายกันเต็มไปหมด และตามมาด้วยมหาทุคตะอยู่ท้ายแถว
...อ่านต่อ
เมื่อมีผู้อาสาปรุงภัตตาหารเลี้ยงพระแล้ว มหาทุคตะก็ดีใจมาก เพราะเขาไม่ต้องเสียเวลาปรุงอาหารเองแล้ว มหาทุคตะจึงรีบรุดไปยังบ้านของผู้นำบุญที่เป็นกัลยาณมิตรชักชวนตนเลี้ยงพระ เพื่อถามถึงพระที่รับนิมนต์ว่าชื่ออะไรและตนต้องไปรับท่านที่ไหน ปรากฏว่าผู้นำบุญลืมจดชื่อของมหาทุคตะไว้ชื่อของเขาจึงตกหล่นไป และพระทั้ง ๒๐,๐๐๐ รูป ก็ได้รับนิมนต์ไปหมดแล้ว
...อ่านต่อ
ขณะที่มหาทุคตะเดินถือปลาตะเพียนที่จะนำมาประกอบอาหารกลับบ้านนั้น พระอินทร์ผู้เป็นเทวราชาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ทรงรู้สึกว่าอาสนะของพระองค์เกิดความกระด้างขึ้น จึงทรงตรวจตราด้วยทิพยจักษุ ทำให้ทราบว่าเป็นเพราะสามีภรรยามหาทุคตะมีกุศลศรัทธาที่จะเลี้ยงพระแต่พระที่จะเลี้ยงนี้ไม่ใช่พระธรรมดา พระองค์จึงทรงตัดสินใจลงมาช่วยปรุงอาหารให้เพราะหากปล่อยให้ทั้งสองคนทำอาหารเองแล้ว รสของอาหารคงไม่ประณีตพระองค์จำเป็นต้องเสด็จลงมาช่วยเนรมิตอาหารนี้ให้มีรสเลิศ มีทิพยโอชาเพื่อให้เหมาะสมต่อการน้อมถวายแด่เนื้อนาบุญอันเลิศ พระอินทร์จึงทรงแปลงกายเป็นคนธรรมดามาดักรออยู่
...อ่านต่อ
มื่อมหาทุคตะตัดสินใจถวายภัตตาหารพระ ๑ รูปแล้ว จึงหารือกับภรรยาว่า ทําอย่างไรถึงจะมีทรัพย์มาเลี้ยงพระ เนื่องจากกำลังทรัพย์ไม่มี มีเพียงเรี่ยวแรง จึงตกลงกันว่า จะไปทำงานรับจ้างที่บ้านเศรษฐี และจัดแจงเตรียมหาภาชนะสำหรับใส่ภัตตาหารถวายพระ โดยไปค้นดูตามลังเก่าๆ ซึ่งมีแต่ถ้วยชามปากบิ่น ถาดเก่าๆ พร้อมฝาครอบ ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะได้เอามาใช้ เขาไปค้นมาด้วยอาการที่ร่าเริง แล้วนำไปทำความสะอาดจัดเตรียมจนเสร็จสรรพเรียบร้อย
...อ่านต่อ
เมื่อแบ่งทีมออกไปเชิญชวนให้ผู้มีบุญมาร่วมกันเลี้ยงพระให้ครบตามจำนวนแล้ว มานพหนุ่มผู้มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ท่านนั้นก็ไปชักชวนผู้คนมาร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยไม่เลือกว่าใครมีฐานะอย่างไร ทั้งคนชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นล่าง ตั้งแต่เศรษฐีจนถึงยาจก วณิพก
...อ่านต่อ
ครั้งหนึ่งในยุคสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะพระองค์ทรงกำลังแสดงธรรมเรื่องอานิสงส์ของการให้ทานว่า บางคนในโลกนี้ทำทานด้วยตัวเอง แต่ไม่ชวนคนอื่นทำเพราะเกรงใจกลัวเขาเสียทรัพย์ กลัวเขาลำบากยากจน หรือกลัวจะรบกวนเขา แต่ตนเองมีศรัทธาจึงทำทานตามลำพังโดยไม่ชักชวนคนอื่น
...อ่านต่อ
ความเป็นมาของมหาทุคตะเป็นเรื่องที่น่าศึกษาว่า ทำไมชายคนนี้จึงต้องเกิดมาเป็นมหาทุคตะ ซึ่งเป็นสุดยอดแห่งความจนแท้จริงแล้วมหาทุคตะคือคนเคยรวยในอดีต ภพในอดีตเขาเป็นเศรษฐีร่ำรวยมาก แต่รวยแล้วไม่ทำทาน ใครชวนทำบุญก็ไม่ทำไม่เปิดโอกาสให้ใครพบ หรือเมื่อได้พบแล้วก็ทำเป็นไม่รับทราบเรื่องที่คนอื่นมาชวนทำบุญ
...อ่านต่อ
“มหาทุคตะ” หมายถึง ผู้ที่ยากจนมาก ความเป็นอยู่ยากลำบากฝืดเคืองมีชีวิตอยู่ด้วยการรับจ้างทำงานเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ก็รอกินเดนของพระภิกษุ คือ เมื่อพระภิกษุขบฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว มหาทุคตะจะรอรับประทานของที่เหลือจากพระภิกษุเหล่านั้นเพื่อประทังชีวิต แต่เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของมหาทุคตะผู้มีบุญเก่า ผู้โชคดีมีกัลยาณมิตร และสามารถพลิกชีวิตอย่างอัศจรรย์ด้วยการช่วยเหลือของพระอินทร์ถึง ๒ องค์
...อ่านต่อ

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร


ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล