ลักษณะฝนรัตนชาติ

วันที่ 28 สค. พ.ศ.2567

2567%2008%2028%20b.jpg

 

ลักษณะฝนรัตนชาติ

2567%2008%2028b.jpg

         ปกติเวลาฝนจะตกท้องฟ้าต้องมืดครึ้ม  อากาศต้องอบอ้าว  แต่เวลาฝนรัตนชาติจะตกนั้นไม่เหมือนกัน  แทนที่อากาศจะอบอ้าวกลับเย็นสบาย ท้องฟ้าสดใสปราศจากหมู่เมฆมืดครึ้ม ไม่มีฟ้าแลบ ฟ้าร้อง เมื่อแหงนดูท้องฟ้าจะเห็นเหมือนท้องฟ้ากลวง ต่างจากท้องฟ้าธรรมดา


          บางท่านอาจสงสัยว่า  ฝนรัตนชาตินั้นตกแบบลูกเห็บหรือไม่  เพราะรัตนชาติมีขนาดใหญ่มาก  บางชิ้นใหญ่เท่าไข่เป็ด  จะทำให้บ้านเสียหายหรือไม่ตรงนี้ก็น่าคิด แต่ให้เรานึกถึงฝนดาวตกที่ดาวร่วงลงมาเป็นสายฝนระยิบระยับตกลงมาเป็นสายสวยงามมาก เป็นประกายสีรุ้งลงมา ผ่านอากาศทิพย์ทะลุหลังคาหมายความว่า หลังคาไม่กระเพื่อมเลย เข้าไปได้โดยอัศจรรย์ พอตกถึงพื้นก็เป็นรัตนชาติ ค่อยๆ ทับถมกันสูงขึ้นๆ มาท่วมตาตุ่ม หน้าแข้ง หัวเข่า บั้นเอว

          ในบางยุคมีฝนรัตนชาติตกลงมาแค่เอวเท่านั้น แต่ของมหาทุคตะไม่อย่างนั้น กองสูงถึงระดับท่วมศีรษะเต็มไปหมด ส่วนที่เข้าไปในบ้านก็เรียงรายจนเต็มบ้านไปหมด นอกจากนี้ยังตกกระจายไปทั่วบริเวณนั้น ถ้าเอามากองรวมกันแล้วจะสูงเท่ากับยอดตาลเลยทีเดียว

 

2567%2008%2028.b.jpg

          ฝนรัตนชาติที่ตกลงมานั้นมีลักษณะแตกต่างกัน  บ้างเป็นทรงกลม  ทรงรี  ทรงไข่  ทรงเหลี่ยม  บ้างก็เจียระไนแล้ว  สวยงามมาก  ส่องประกายวาววับเมื่อกระทบกับแสง แต่ละก้อนสะอาดมาก ปกติแล้วเพชรพลอยตามธรรมชาติจะมีมลทินอยู่ภายใน ต้องแก้ไขด้วยวิธีเร่งความสวย เช่น ใช้ความร้อน อาบรังสีหรือใส่สี การฉาบเคลือบผิวจะเคลือบบางๆ ประมาณ ๑ ไมครอน หรืออาบรังสีแล้วทิ้งไว้นานๆ เพื่อให้รังสีระเหยหายไปไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สำหรับการเร่งด้วยความร้อนจะทำให้มลทินหมดไป เนื้อจะสวยใสกว่าเดิม ไม่เป็นพิษภัยต่อมนุษย์

         รัตนชาติที่สะอาดหมดจดนั้นหายากและมีราคาแพงมาก การตรวจดูต้องอาศัยกล้องส่องที่มีกำลังขยายหลายร้อยเท่า บางครั้งมองดูด้วยตาเปล่าเห็นว่าสะอาดดี แต่เมื่อส่องด้วยกล้องขยายแล้วกลับพบว่าไม่เป็นเช่นนั้นแต่ถ้ารัตนชาติที่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพ ๓ อย่างมารวมกัน คือ ๑. บุญญานุภาพ ๒. เทวานุภาพ ๓. พุทธานุภาพ จะทำให้เกิดสิ่งที่เป็นอจินไตย เกินกว่าความนึกคิดของมนุษย์ทั่วไป

         เรื่องอจินไตยปรากฏอยู่มากมายในพระไตรปิฎก เช่น เรื่องของพระอานนท์ที่ดำดินโผล่ขึ้นมาท่ามกลางมหาสมาคมของพระอรหันต์ เพื่อที่จะประชุมสังคายนารวบรวมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระวินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และอภิธรรมปิฎก รวมเป็นพระไตรปิฎก การดำดินของท่านเป็นอจินไตย คือ เหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมประกอบด้วยปาฏิหาริย์ ๓ คือ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์


        อิทธิปาฏิหาริย์  คือ  การแสดงฤทธิ์  อาเทศนาปาฏิหาริย์  คือ  การดักทายใจได้  ส่วนอนุสาสนีปาฏิหาริย์  คือ  การให้เหตุผลแบบปกติธรรมดาตามหลักวิชาตรรกะ ทำให้เห็นคล้อยเข้าใจตาม แต่บางอย่างก็ให้เหตุผลธรรมดาไม่ได้ ต้องอาศัยสิ่งที่เหนือกว่านั้นขึ้นไป คือ ต้องเห็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติ เรียกว่า อจินไตย ซึ่งบางคนไม่ค่อยเชื่อในสิ่งเหล่านี้ เพราะไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง

2567%2008%2028%20.b.jpg

     ฝนรัตนชาติตกลงมาอย่างมากมาย  ครั้นภรรยาและลูกของมหาทุคตะกลับมาถึงบ้านก็ตกใจสงสัยว่า  “เอ๊ะ...ทำไมเรามองไม่เห็นบ้าน” เมื่อเข้าบ้านไม่ได้จึงยืนดูกองรัตนชาติด้วยความงุนงง เพราะรัตนชาติมีอยู่รอบบ้านเต็มไปหมดลูก ๒ คนหยิบเอารัตนชาติมาโยนเล่นกัน ทั้งเพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม เพราะเด็กไม่รู้จักรัตนชาติ รู้แต่เพียงว่า เป็นหินสวยงามเท่านั้น รัตนชาติที่เด็กสามารถนำมาโยนเล่นกันนี้ มีขนาดใหญ่พอๆ กับมือของเด็กหรือใหญ่กว่านับว่าเป็นรัตนชาติขนาดใหญ่มาก ส่วนภรรยาเมื่อเข้าบ้านไม่ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อีกทั้งไม่ทราบว่าก้อนหินสวยงามนั้นคืออะไร มีค่าอย่างไร เนื่องจากไม่เคยเห็นมาก่อน

         ที่น่าแปลกคือ   รัตนชาติที่ตกลงมากองรวมกันสูงๆ   นั้นไม่มีรอยขีดข่วนเลย   โดยปกติแล้วของที่มากองรวมกันนี้  เมื่อกระทบกันอาจมีรอยขีดข่วนเกิดขึ้นบ้าง เพราะรัตนชาติที่แข็งกว่าจะสามารถขีดรัตนชาติที่อ่อนกว่าให้เป็นรอยได้แต่รัตนชาติที่ตกลงมานั้นไม่มีรอยขีดข่วนหรือตำหนิเลย ต่างจากเพชรพลอยตามธรรมชาติทั่วไปที่จะต้องมีตำหนิที่มองเห็นด้วยตาเปล่าบ้าง และแม้ดูด้วยตาเปล่าเห็นว่าไม่มีตำหนิ แต่เมื่อส่องด้วยกล้องขยายสักร้อยหรือพันเท่าก็จะเห็นว่าภายในยังมีตำหนิอยู่ รัตนชาติอันประณีตของมหาทุคตะนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะอำนาจแห่งบุญทั้งสิ้น

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.01693103313446 Mins