วิธีทำลายความสงสัยเกี่ยวกับชีวิต

วันที่ 17 กพ. พ.ศ.2546

 

.....วิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำลายความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องชีวิตได้ ก็คือจะต้องรู้แจ้ง เห็นในเรื่องราวของชีวิต ซึ่งต้องเป็นความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้งเท่านั้น

 

.....การฝึกใจให้หยุดนิ่งเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่สำหรับชีวิตเราทีเดียว เพราะเป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะขจัดความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตของเราให้หมดสิ้นไปได้ และเป็นวิธีเดียวที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ทรงปฏิบัติกันมา

 

.....พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทรงเวียนว่ายตายเกิด สร้างบารมีมาเป็นเวลายาวนาน โดยมีวิตถุประสงค์จะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ เพื่อจะดับทุกข์แล้วพบสุขอันเป็นอมตะ พระองค์ทรงแสวงหาตลอดระยะเวลาที่มาเกิดในโลกมนุษย์ เพราะทรงค้นพบว่า ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไรก็ตาม ชีวิตล้วนแต่มีทุกข์ทั้งนั้น ครั้งเมื่อเป็นพระบรมโพธิ์สัตว์ บางพระชาติเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน บางชาติเกิดเป็นชนชั้นต่ำ เป็นชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง เศรษฐี มหาเศรษฐี ก็เคยเป็นมาแล้ว หรือแม้เกิดเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ก็เคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น และทรงเห็นว่าชีวิตอย่างนั้น ยังไม่พ้นทุกข์ ต่างมีทุกข์กันไปคนละแบบ ทุกข์ของยาจกเป็นทุกข์เพราะไม่มี ทุกข์ของเศรษฐีเป็นทุกข์เพราะไม่พอ ทำให้เกิดการแก่งแย่งชิงดี ทั้งทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ จึงเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา นอกจากทุกข์ประจำสังขาร คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วจนกระทั่งตายไป เป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลาเลย เมื่อเห็นอย่างนี้พระองค์จึงแสวงหาหนทางที่จะพ้นจากทุกข์ แล้วก็ทรงพบว่าวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำลายความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องชีวิตของพระองค์ได้ ก็คือจะต้องรู้แจ้ง เห็นในเรื่องราวของชีวิต ซึ่งต้องเป็นความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้งเท่านั้น

 

.....การที่จะเห็นแจ้งได้นั้น ต้องอาศัยแสงสว่างในดวงจิต เป็นความสว่างที่ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว หรือความสว่างใดๆ ในโลกทั้งหมด ที่ไม่มีสิ่งใดกำบังได้ แสงสว่างแห่งดวงจิตจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อจิตบริสุทธิ์ บริบูรณ์จริงๆ ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่เลย พูดง่ายๆ คือ ใจต้องใส บริสุทธิ์ ผุดผ่องจริงๆ ความสว่างจึงจะเกิดขึ้น ความบริสุทธิ์จะมีมาได้ ทั้งจากการทำทานรักษาศีล และเจริญภาวนา แต่โดยรวบยอดแล้ว ใจเราต้องหยุดนิ่ง ต้องพรากจากทุกสิ่ง ปล่อยวางหมด หยุดนิ่งอยู่ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นแกนกลางของกาย แก่นของชีวิต และเป็นทางเอกสายเดียวที่จะนำไปสู่ที่สุดแห่งธรรมได้

 

.....หากเราได้ศึกษาพระพุทธประวัติ จะเห็นว่าทุกชาติ พระบรมโพธิสัตว์จะต้องปลีกตัวออกมา แสวงหาที่สงัดกาย สงัดใจ ฝึกทำสมาธิ ทำใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งหมดอายุขัย เมื่อละโลกแล้วบางชาติเข้าไปเป็นเทวดาบางชาติเป็นพรหมอยู่ยาวนานทีเดียว แล้วก็ ต้องมาเกิดใหม่มาทำใจหยุดใจนิ่ง กลั่นใจให้บริสุทธิ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

.....จนกระทั่งภพชาติสุดท้ายเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีธรรมจักขุ มีญาณทัสสนะเกิดขึ้น หายสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปของชีวิต เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือ การทำจิตให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เกิดธรรมจักขุและญาณทัสสนะที่จะทำลายความสงสัยทั้งหลายที่มีอยู่นี้ เป็นสิ่งที่สำคัญและ ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด เพราะนี่คือหัวใจของนักสร้างบารมี ที่มีเป้าหมายจะไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.029015485445658 Mins