มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

วันที่ 12 พย. พ.ศ.2565

ข้อคิดจากชาดก  มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่
 

ข้อคิดจากชาดก

มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

 

สถานที่ตรัสชาดก  มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

เชตวันมหาวิหาร นครสาวัตถี

 

สาเหตุที่ตรัสชาดก มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

        ชายผู้หนึ่งได้ฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส จึงขออนุญาตภรรยาบวชในพระพุทธศาสนา ฝ่ายภรรยาก็อนุญาตแม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม

        เมื่อชายผู้นี้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว นางผู้เป็นภรรยาก็มักนำอาหารที่ท่านเคยชอบมาถวายอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้น ทุกครั้งที่ไปหาพระภิกษุอดีตสามี นางจะแต่งตัวงดงาม ทั้งยังนำเรื่องครอบครัวมาพูดให้ท่านฟังเป็นประจำ ทำให้ภิกษุนั้นกระวนกระวายใจ ห่วงหาอาลัยใคร่จะสึกกลับไปครองเรือนตามเดิม

        เมื่อพระบรมศาสดาทรงทราบถึงความรู้สึกของพระภิกษุรูปนี้ จึงตรัสถาม ท่านก็ยอมรับแต่โดยดี พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณ ปรารถนาจะเตือนสติพระภิกษุนั้นให้เลิกล้มความตั้งใจที่จะหวนกลับไปเวียนว่ายอยู่ในกองทุกอีก จึงทรงระลึกชาติแต่หนหลังของพระภิกษุรูปนี้ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ พระพุทธองค์จึงตรัส มัจฉาชาดก ดังนี้

 

เนื้อหาชาดก มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

        ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี ณ คุ้งน้ำหน้าเมือง มีปลาใหญ่ตัวหนึ่งเกิดติดใจรักใคร่นางปลาสาว จึงว่ายน้ำติดตามหยอกเย้าเคล้าเคลียนางปลาไม่ยอมห่าง

        ขณะที่กำลังว่ายน้ำเคียงกันอยู่นั้น นางปลาได้กลิ่นแหที่ชาวประมงนำมาดักไว้ จึงว่ายหลบฉากออกไปทันที ฝ่ายปลาตัวผู้นั้นคิดแต่จะไล่ต้อนนางปลา ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จึงว่ายพุ่งเลยเข้าไปติดแห ชาวประมงรีบยกแหขึ้นจับเอาปลาใหญ่นั้นไป เมื่อจับได้แล้ว ชาวประมงก็โยนทิ้งไว้ริมฝั่งรวมกับปลาอื่นๆ ที่ถูกจับมาก่อนหน้านั้น แล้วเตรียมก่อไฟ ตั้งใจจะย่างกินให้อร่อย

        ปลาใหญ่นั้นดิ้นทุรนทุรายฟาดหัวฟาดหางอยู่บนตลิ่ง แต่แทนที่มันจะหวั่นกลัวความตายที่กำลังจะมาถึง มันกลับคร่ำครวญรำพันถึงนางปลา ทุกข์ใจเพราะคิดถึงนางปลา กลัวว่านางปลาจะเข้าใจผิด คิดว่าตนแอบไปติดพันนางปลาตัวอื่น

        ขณะนั้น พราหมณ์ปุโรหิตผู้หนึ่งของพระเจ้าพรหมทัต ซึ่งเป็นผู้รักษาสัตว์ทั้งหลาย กำลังเดินออกมาอาบน้ำพร้อมด้วยข้าทาสบริวาร ท่านเห็นปลาใหญ่กำลังดิ้นทุรนทุรายคร่ำครวญอยู่ ก็คิดสงสารคิดว่าถ้าปลาตัวนี้ตายขณะที่มีจิตใจเร่าร้อนอยู่ด้วยกามราคะ มันจะต้องไปเกิดในนรกอย่างแน่นอน ท่านจึงคิดหาทางอนุเคราะห์ปลาใหญ่นั้น

ท่านปุโรหิตจึงเดินเข้าไปหาชาวประมงเจ้าของปลาซึ่งคุ้นเคยกันดี กล่าวทักทายปราศรัยกันพอสมควร แล้วท่านจึงขอปลาใหญ่กับชาวประมง

        เมื่อได้ปลามาแล้ว พราหมณ์ปุโรหิตก็นำไปที่ท่าน้ำแล้วกล่าวสั่งสอนปลาว่า เพราะความรักใคร่ติดพันนางปลา ทำให้เจ้าเกือบจะต้องตายถ้าไม่บังเอิญมาพบท่านเสียก่อน ต่อไปนี้เจ้าต้องหมั่นสำรวมระวัง อย่าปล่อยให้อำนาจกิเลสเข้าครอบงำ อย่ามัวหลงติดอยู่ในกามอีกเลย กล่าวเสร็จแล้ว ก็ปล่อยปลาลงน้ำ ณ ท่าน้ำนั้นเอง

 

ประชุมชาดก มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส มัจฉาชาดก จบแล้ว ทรงแสดงอริยสัจ ๔ โดยนัยต่างๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง พระภิกษุรูปนั้นฟังพระธรรมเทศนาแล้ว ก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ณ ที่นั่นเอง

 

จากนั้นพระพุทธองค์ทรงประชุมชาดกว่า

        นางปลา ในครั้งนั้น ได้มาเป็นภรรยาเก่าของภิกษุผู้อยากสึก

        ปลาใหญ่ ได้มาเป็นภิกษุผู้อยากสึกรูปนี้

        พรหมณ์ปุโรหิต ได้มาเป็นเป็นพระองค์เอง

 

ข้อคิดจากชาดก มัจฉชาดก ชาดกว่าด้วยความรักใคร่

        ๑. ผู้ตกอยู่ในอำนาจของความรัก มักใช้เวลาส่วนใหญ่หมกหมุ่นครุ่นคิดถึงแต่ความรักจนจิตใจฟุ้งซ่านไม่เป็นสมาธิ หากเกิดแก่ผู้ที่อยู่ในวัยเรียน การเรียนจะตกต่ำลง เพราะสมาธิในการเรียนเสียไป

        ๒. คนที่กำลังจะตาย หากยังมีใจเร่าร้อนและหมกมุ่นอยู่กับความโลภ โกรธ และหลง เมื่อละโลกไปแล้ว อำนาจบาปนั้นจะชักนำให้ไปสู่นรก

        เมื่อการเกิดเป็นคนนี้แสนยาก ดังนั้น ก่อนจะตายพึงรู้จักทำใจให้ดี เพื่อเตรียมตัวตาย ไม่ควรทำจิตใจให้ขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นอันขาด มิฉะนั้น จะตกนรกหรือไปเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานอย่างน่าเสียดาย วิธีเตรียมตัวตายที่ดีที่สุด ได้แก่ การฝึกสมาธิให้มากๆ ใจจะได้ผ่องใส ตายเมื่อไรก็ไปดีเมื่อนั้น

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0081475496292114 Mins