ความรู้สึกจากใจที่ได้อุปัฏฐากหลวงพ่อ

วันที่ 01 เมย. พ.ศ.2557

 
 
 
 
 ความรู้สึกจากใจที่ได้อุปัฏฐากหลวงพ่อ

(ถ่ายทอดโดย ... อุบาสกสมพงษ์ สุวโรพร : อุปัฏฐากในพระเทพญาณมหามุนี) 
 
 
 หากจะกล่าวถึงคุณธรรมของหลวงพ่อ   ก็เหมือนกับ
คนที่เห็นขุนเขา ที่เห็นได้เพียงแค่แนวสันเขา สี แสงเงา
ของขุนเขา แต่ไม่รู้เลยว่า ภายในขุนเขานั้น ประกอบด้วย
อะไรบ้าง ความใกล้ชิดกับครูบาอาจารย์ แม้อยู่ใกล้ แต่ก็
รับรู้ได้เพียงแค่การเห็นขุนเขาอย่างนั้น ที่จะกล่าวถึงก็เป็น
เพียงการเห็นแค่ภายนอก ด้วยกำลังสติปัญญาเท่าที่มีอยู่
เพียงเท่านี้

 
 
 ก่อนหน้าที่หลวงพ่อจะลงให้กับโรงเรียนอนุบาล
ฝันในฝันวิทยาอย่างเช่นปัจจุบันนี้  เราคงพบว่าหลวงพ่อ
ไม่ได้ลงทุกวัน   เพราะอะไรหลายอย่างที่ยังไม่ลงตัว 
โดยเฉพาะการเห็นผลจากการเทศน์สอนว่ามีผลต่องาน
เผยแผ่พระศาสนามากเพียงใด 
 
 
 แต่เมื่อโรงเรียนเปิดไปได้ระยะหนึ่ง เราก็จะสังเกตว่า
หลวงพ่อลงทุกวัน แม้วันที่ไม่สบายเป็นหวัด  ไม่เจ็บป่วย
มากนักท่านก็จะลง   

 
 
 วันหนึ่งหลวงพ่อไปที่อาศรมบัณฑิต เพื่อพบกับ
หลวงพ่อทัตตะ ก่อนจะกลับจำเนื้อหาที่ท่านพูดได้  แต่
จำคำพูดได้ไม่ทั้งหมดนะครับ  ท่านพูดกับหลวงพ่อทัตตะ
ว่า   ถ้าไม่เจ็บป่วยใกล้ตาย  ก็จะลงเทศน์สอนทุกวัน  
จะทำให้คนในรุ่นหลังได้รู้ว่า  ถ้าเป็นงานพระศาสนาแล้ว
อะไรก็ได้  
 
 
 คำว่า “ อะไรก็ได้ ” ในความหมายของท่านก็คือ
แม้ชีวิตก็สละได้ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่า   หลวงพ่อ
ทุ่มเทกับโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันเป็นอย่างมาก
 
 
 ทุกวันกิจวัตรกิจกรรมของหลวงพ่อเป็นไปเพื่องาน
เผยแผ่อนุบาลฝันในฝันฯ  ท่านเคยพูดในตอนฉันเช้าว่า  
จะทำไว้ให้เป็นมรดกกับคนในรุ่นหลังๆ หลวงพ่องดรับแขก
ไม่มีการรับเจ้าภาพเป็นพิเศษเหมือนสมัยก่อน  สิ่งที่ได้รับ
เป็นพิเศษสำหรับเจ้าภาพในขณะนี้ก็คือ  การได้มาถวาย
ปัจจัยที่ข้างรถ   ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับจาก
บ้านคุณยายฯ หลังการสอนในโรงเรียนอนุบาลฯแล้ว
เท่านั้น  นี้เป็นความพิเศษที่ถือว่า  พิเศษสุดๆแล้ว  
นอกนั้นก็เป็นการถวายปัจจัยในงานบุญวันอาทิตย์
ตามปกติ

 
 
 ตารางเวลากิจกรรมของหลวงพ่อจะลงตัวทุกวัน  
หลังฉันเช้าก็จะเดินออกกำลังกาย   แล้วให้เวลากับการ
รักษาขาของท่าน  หลังจากนั้นก็นั่งธรรมะไปถึงเพล  
หลังฉันเพลเสร็จ  ก็ไปที่พุทธศิลป์ ตรวจงานที่จะใช้ใน
การสอนในโรงเรียนฝันในฝัน  กลับมานั่งธรรมะค้น
case study แล้วนำมาเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ
ด้วยตัวของท่านเอง 
 
 
 คิดดูว่า  ผู้มีอายุวัย 60  ต้องเตรียมการสอนทุกวัน
เรียบเรียงเรื่องราวทุกวัน คุณครูที่ต้องเตรียมการสอน
จะเข้าใจดีว่า  การเตรียมการสอนสำหรับการสอนวันละ
2 ชั่วโมงทุกวัน  โดยให้มีเนื้อหาเป็นที่น่าสนใจนั้น
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   โดยเฉพาะในวัย 60  ที่สายตาท่าน
ก็ไม่ได้ดีเหมือนในวัยหนุ่ม  สุขภาพขาก็ไม่แข็งแรง
ถ้าได้มาเห็นก็จะซาบซึ้งในความเมตตาที่ท่านมีต่อลูกๆ
ทุกคน

 
 
 หลังจากนั่งธรรมะไปถึง 17.30 น.ท่านก็ไปพุทธศิลป์
ตรวจดูงานที่จะใช้ในโรงเรียนอีกครั้ง 1 ทุ่มก็เดินทางไป
ถึงโรงเรียน  กว่าจะเสร็จจากการสอน แล้วกลับของที่พัก
ในอาคารภาวนาก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มทุกวัน

 
 
 เมื่อกลับมาถึง ยังต้องให้การรักษาขา  ควบคู่ไปกับ
การติดตามผลการรับฟังจากศูนย์ต่างๆ  ทั้งในประเทศ 
และต่างประเทศทั่วโลกว่า สิ่งที่หลวงพ่อสอนนั้นเป็นที่
เข้าใจกับผู้ฟังมากน้อยเพียงใด มีสิ่งใดต้องปรับปรุง  
หลวงพ่อเล่าขำเป็นเรื่องตลกไปหรือเปล่า  มีเรื่องใดที่ฟัง
แล้วไม่เข้าใจบ้าง  บรรยากาศแต่ละที่ ชอบฟังเรื่องอะไร 
เจ้าของเคสฟังแล้วรู้สึกอย่างไร  มีสิ่งใดที่ยังสงสัยอยู่
ก็จะได้นำไปเล่าเพิ่มเติมในวันต่อไป
 

 หลวงพ่อรักษาขา  พร้อมกับฟังผลการรับฟังอยู่ถึง
เกือบห้าทุ่ม แล้วนั่งธรรมะต่อ  กว่าจะได้จำวัตรก็
เกือบเที่ยงคืนทุกวัน
 
 
 การที่หลวงพ่อตรวจสอบผลการรับฟังของนักเรียนนั้น 
ถือเป็นคุณธรรมประการใหญ่ของท่านอย่างหนึ่ง ที่แสดง
ให้เห็นถึงความอ่อนน้อม  เคารพในการสอนธรรมะ 
เป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อเป็นบุคคลที่สูงส่งมีความเข้าใจใน
ธรรมะที่ลึกซึ้ง หลวงพ่อสามารถจะหยิบยกเรื่องราวใดๆ
ก็ได้มาสอน   แล้วเป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่จะต้องพัฒนา
ตนเอง ทำความเข้าใจให้รู้ในเรื่องราวที่ท่านสอนให้ได้
แต่หลวงพ่อก็เมตตา  พร้อมที่จะพัฒนาปรับปรุงรูปแบบ
การสอนในทุกๆ รูปแบบที่จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียน
อนุบาลฝันในฝันมากที่สุด
 

 คุณธรรมในการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นนั้นมีอยู่
มากมายในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ สังเกตได้จากเวลา
การสั่งงาน ท่านมักจะพูดอยู่เสมอๆ ว่าต้องช่วยกันคิดนะ 
ดูให้รอบคอบ  ช่วยหลวงพ่อคิดหน่อย   อย่างนี้เป็นต้น
 
 
 หลวงพ่อไม่ได้เป็นผู้มีอำนาจที่คิดว่า ท่านทำถูกทุก
อย่าง ท่านพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นแล้วนำไป
ปรับปรุง  เรื่องของเนื้อหาในบทเพลง การก่อสร้าง 
การจัดงาน พิธีกรรมทุกๆ อย่าง  ท่านพร้อมที่จะรับฟัง
ความคิดเห็นของทุกคน การมาทำงานกับท่านจะมีความ
ชัดเจนว่า  สิ่งใดที่ท่านสั่งแล้วต้องทำ สิ่งใดที่ท่านหารือ
ขอความคิดเห็น

 
 
 หลวงพ่อเป็นผู้ที่แสวงหาความรู้อยู่เสมอ  เราจะ
สังเกตว่าคำสอนของหลวงพ่อนั้นใหม่สดอยู่ตลอดเวลา  
ในวัยย่าง 60  หลวงพ่อยังไม่เคยหยุดการเรียนรู้  
เรื่องของธรรมะภายในนั้นยกไว้   เพราะท่านแสวงหา
ความรู้ภายในอย่างสม่ำเสมอเป็นปกติอยู่แล้ว   

 
 
 แต่การศึกษาภายนอกให้ทันสมัยนั้น  หลวงพ่อท่าน
พร้อมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา   นิตยสาร
ต่างๆ เนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค  หรือหนังสือที่ให้ความรู้
ในเมือง  ประเทศต่างๆ ในโลก วัฒนธรรมประเพณี 
เดี๋ยวนี้ความรู้ผ่านจากอินเตอร์เนต ที่หลวงพ่อสั่งให้
หลายๆ คนแปลส่งมาให้ท่าน ก็เป็นสิ่งที่ท่านอ่านอย่าง
สม่ำเสมอ   คุณสมบัติคุณธรรมอย่างนี้ ยากที่จะหาได้   
เป็นบุคคลในระดับโลกเท่านั้นจะพึงมี  แต่ถ้าพูดถึง
การเรียนรู้ธรรมะภายในด้วยแล้ว   คงไม่อาจสรรหาคำ
มายกย่องท่านว่าเป็นบุคคลในระดับใด

 
 
 ความอดทนเป็นเลิศที่ท่านมีนั้น เป็นความอดทนบน
พื้นฐานของความสุข จะเห็นได้ว่าหลวงพ่อมักพูดถึงอยู่
เสมอในโรงเรียนอนุบาลว่า  หลวงพ่อไม่แข็งแรง   ก็เป็น
อย่างนั้นจริงๆ สุขภาพท่านไม่แข็งแรง  แต่อดทนต่อ
สุขภาพร่างกายของท่าน   แล้วยังต้องอดทนต่อการสอน
อีก   ท่านไม่เบื่อหน่ายที่จะสอน    คำพูดเดิมๆ  พูดซ้ำๆ
กันมาหลายสิบปี ไม่ใช่ไม่มีอะไรจะสอน   แต่เพราะเป็น
หลักการที่สำคัญ  พูดย้ำๆ  ซ้ำๆ  อย่างไม่รู้เบื่อ คำๆ เดิม 
ทุกครั้งที่เราฟัง เราก็ยังมีความรู้สึกน่าฟัง  น่าทำตาม 
เหมือนอย่างเดิมทุกครั้งไป เป็นเพราะความรู้สึกภายในที่
ท่านไม่เบื่อหน่ายในการสอนเลย  ครั้งหนึ่งท่านพูดกับผู้ที่
ท่านมอบหมายให้ไปสอนธรรมะว่า พูดคำเดิมๆ ซ้ำๆ กัน
ทุกๆ วัน  ถ้าไม่มีเมตตาเป็นพื้นฐานจริงๆ แล้ว  ยากที่จะ
ทำได้
 

 เมื่อทบทวนคำสอนที่ท่านให้คำแนะนำไปกับผู้ที่ท่าน
มอบหมายสอนธรรมะนั้น  ก็จะพบว่าเมตตานั้นเป็น
พื้นฐานอันไม่มีประมาณอยู่ในใจท่านตลอดเวลา ท่านจึง
ไม่เบื่อหน่ายในการสอนธรรมะอย่างนี้
 

 การขบฉันอาหาร หลวงพ่อไม่เคยมีการฉันจุกจิกนอก
เวลา มีแค่อาหารเช้า เพล ปานะตอนเย็นตามเวลาเท่านั้น  
นี้เป็นพื้นฐานคุณธรรมอีกอย่างที่น่าทำตาม  การกินจุกจิก
ไม่ดีต่อสุขภาพด้วย  เพราะทำให้น้ำย่อยหลั่งไม่เป็นเวลา 
มีปัญหาทำให้เกิดโรคกระเพาะได้  กับทั้งการกินจุกจิก
ไม่เป็นภาพที่ดีต่อนักปฏิบัติธรรมด้วย     หลวงพ่อมักยก
คำสอนของแม่น้ำหอม (แม่ของพี่ถาวร) สอนพี่ถาวรว่า 
“หิวจงกิน   อยากอย่ากิน”  หยิบยกเอามาเล่าขำๆ
ให้ฟังอยู่บ่อยๆ 
 
 
 สายตาของหลวงพ่อก็ไม่ใช่จะดี   หลวงพ่อต้องใช้
ยาหยอดตาทุกเช้า  และกลางคืน  ติดต่อกันมาเป็นปีแล้ว 
สังขารของหลวงพ่อคงอยู่กับเราได้อีกไม่นาน   เหมือน
สังขารของคุณยายเช่นกัน  ในช่วงเวลานี้อยากจะใช้คำพูด
ที่คุณยายฯเคยพูดไว้ว่า ใครอยากจะเอาบุญกับยาย
ก็เอานะ  มาใช้ว่า  " ใครอยากจะเอาบุญกับหลวงพ่อ
ก็เอานะ "

 
 
 แม้สังขารร่างกายของหลวงพ่อจะร่วงโรยไป แต่การ
ทำงานสร้างบารมีของท่าน ตรงกันข้ามกับสุขภาพร่างกาย
ยิ่งรู้ว่าร่างกายจะใช้ได้อีกไม่นาน  ท่านยิ่งโหมงานแข่งกับ
เวลาชีวิตที่เหลืออยู่อีกไม่มาก
 
 
 อยากจะบอกกับทุกๆ คนว่า โค้งสุดท้ายของชีวิตท่าน
มีอยู่อีกไม่นาน  แม้ว่าเราอยากจะให้ท่านอยู่ถึงสองร้อย
ซาวปี๋ก็ตาม  หกสิบเป็นชีวิตที่เริ่มนับถอยหลัง เป็นเวลา
ของชีวิตที่ท่านจะสปีดทุกอย่าง  ทั้งงานเผยแผ่และงาน
ทำวิชชา ในช่วงเวลาเช่นนี้ถ้าใครกระพริบตา หย่อนการ
สร้างบารมีแม้เพียงชั่วคราว   บุญก็ต่างกันลิบลับแล้ว!
" ใครจะเอาบุญกับหลวงพ่อก็รีบเถอะนะครับ "
 
 

** หมายเหตุ : บทความนี้น่าจะเมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้ว **
 
 
 
 
 
 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0035819808642069 Mins