ข้อคิดจากชาดก
นฬปานชาดก
ชาดกว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา
สถานที่ตรัสชาดก
ณ ป่าใหญ่ในหมู่บ้านนฬปาน แคว้นโกศล
สาเหตุที่ตรัสชาดก
ครั้งหนึ่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปถึงหมู่บ้านนฬปาน แคว้นโกศล พร้อมด้วยพระภิกษุสามเณรจำนวนหนึ่ง พระภิกษุทั้งหลายได้ลงไปอาบน้ำในสระน้ำ เห็นต้นอ้อขึ้นอยู่มากมาย จึงให้สามเณรไปตัดมาทำกล่องเข็ม
เมื่อสามเณรตัดต้นอ้อขึ้นมาดู ก็รู้สึกแปลกใจ เพราะต้นอ้อไม่มีปล้องเลย เป็นรูกลวงตลอด จึงพากันไปแจ้งพระภิกษุ พระภิกษุทั้งหลายจึงนำต้นอ้อไปเพื่อกราบทูลถามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทอดพระเนตรแล้ว ทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ แล้วตรัสว่า
“ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ต้นอ้อที่เธอเห็นเป็นรูกลวงตลอดนี้ เกิดขึ้นเพราะแรงอธิษฐานของเราแต่ชาติปางก่อน”
แล้วพระพุทธองค์ทรงเล่า นฬปานชาดก ดังนี้
เนื้อหาชาดก
พญาวานรตัวหนึ่งคุมบริวารประมาณแปดหมื่นสี่พันตัวเข้าไปหากินในป่าทึบแห่งหนึ่ง แต่ก่อนที่จะเข้าไปในป่านี้ พญาวานรสั่งบริวารทั้งหลายว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ในป่านี้เรายังไม่เคยไป ฉะนั้นอย่าประมาท อย่าชะล่าใจ จงระมัดระวังตัวตลอดเวลา ถ้าเห็นอะไรผิดสังเกตให้รอถามเราก่อน ถ้าเห็นผลไม้แปลกๆ อย่าเพิ่งกิน น้ำสระไหนยังไม่เคยดื่ม อย่าเพิ่มดื่ม เพราะเราอาจจะเผลอกินผลไม้มีพิษ หรือดื่มน้ำในสระที่มียักษ์หรือผีเสื้อน้ำเฝ้าอยู่ก็ได้”
วานรบริวารรับคำ แล้วพากันออกเดินทาง จนกระทั่งเข้าไปในป่าลึกและกันดาร ไม่มีน้ำดื่มเลย อีกทั้งผลไม้ก็หายาก วานรทั้งหลายมีความอดอยากหิวโหยมาก พญาวานรจึงให้บริวารแยกย้ายกันหาน้ำอยู่หลายวัน จนกระทั่งไปพบสระใหญ่แห่งหนึ่ง มีน้ำใสเต็มปรี่ จึงพากันกระโดดโลดเต้นส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่ไม่ต้องอดน้ำตายแน่แล้ว แต่วานรทั้งหลายก็ยังไม่ลงไปดื่มน้ำ เพราะนึกถึงคำเตือนของพญาวานร
เมื่อพญาวานรมาถึง จึงแสร้งถามเพื่อลองใจบริวารว่า
“อ้าว พวกเรา อดน้ำกันมาตั้งหลายวันแล้ว ทำไม่ยังไม่ดื่มอีกล่ะ”
วานรทั้งหลายจึงตอบว่า “พวกเราคอยหัวหน้าก่อนจ้ะ”
พญาวานรกล่าวชมเชยบริวารทั้งหลายที่เชื่อฟัง แล้วเดินไปรอบๆ สระน้ำ สังเกตเห็นรอยเท้าของสัตว์ต่างๆ แต่แปลกที่มีแต่รอยเดินลง ไม่มีรอยเดินขึ้นมาเลย จึงกล่าวกับบริวารว่า
“สระนี้มี อมนุษย์เฝ้าอยู่ มันจะจับผู้ที่ลงไปดื่มน้ำกินเป็นอาหาร”
ฝ่าย ผีเสื้อน้ำ เมื่อเห็นว่าพญาวานรรู้ความจริงก็โกรธ รีบโผล่ขึ้นจากน้ำ พูดว่า
“เจ้าลิงเอ๋ย ข้าอยากจะรู้ว่าพวกแกจะยอมอดน้ำไปได้นานสักแค่ไหน”
พญาวานรจึงถามว่า “เจ้าเป็นผีเสื้อน้ำใช่ไหม”
ผีเสื้อน้ำตอบทันทีว่า “ใช่ ข้านี่แหละผีเสื้อน้ำ ไม่ว่าคนหรือสัตว์ที่ไหน ถ้าลงมาดื่มน้ำในสระนี้ละก็ ข้าเป็นจับกินหมด แม้แต่นกบินโฉบลงมา ข้าก็จับกินได้สบายมาก พวกแกก็เหมือนกัน ข้าจะจับกินเสียให้หมด”
พญาวานรจึงตอบว่า “อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีทางจับเราได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ อย่างไรเสียพวกแกก็ต้องลงมาดื่มน้ำอยู่แล้ว หรือคิดว่าพวกลิงอย่างแกจะไวกว่าข้า ก็ลองดู” ผีเสื้อน้ำท้า แต่พญาวานรตอบว่า
“ผีเสื้อน้ำเอ๋ย เราได้เห็นรอยเท้าเดินลง แต่ไม่เห็นรอยเดินขึ้นเลย ดังนั้น เราจักดูดน้ำมาด้วยลำอ้อ ท่านก็จะฆ่าเราไม่ได้”
ว่าแล้ว พญาวานรดึงต้นอ้อจากสระขึ้นมาต้นหนึ่ง แล้วอธิษฐานจิต ขออำนาจบุญบารมีที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ดลบันดาลให้ลำอ้อทะลุเป็นโพรงตลอด แล้วเป่าลงไปที่ปลายอ้อข้างหนึ่ง ลำอ้อนั้นก็ทะลุเป็นโพรงตลอดลำทันที จากนั้นจึงอธิษฐานให้ลำอ้อรอบๆ สระนั้นทะลุเป็นโพรงตลอดทุกๆ ด้าน
พญาวานรและบริวารทั้งแปดหมื่นสี่พันตัวจังใช้ลำอ้อดูดน้ำในสระได้อย่างง่ายดาย โดยที่ผีเสื้อน้ำได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ไม่อาจทำอะไรได้
ประชุมชาดก
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ต้นอ้อในสระนฬปานมีรูกลวงตลอดก็เพราะแรงอธิษฐานในครั้งนั้น แล้วพระพุทธองค์ทรงประชุมชาดกว่า
ผีเสื้อน้ำ ได้มาเป็น พระเทวทัต
วานรบริวาร พุทธบริษัท
พญาวานร พระองค์เอง
ข้อคิดจากชาดก
๑. ผู้สั่งสมบุญบารมีไว้มากในทุกภพทุกชาติ ย่อมได้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ มีศีลธรรม มีบริวารที่อยู่ในโอวาท และเป็นผู้อาจหาญทุกเมื่อ แม้ถึงคราวคับขัน บุญนั้นก็จะคุ้มครองตนเองและหมู่คณะให้รอดพ้นจากภัยพิบัติได้
๒. เมื่อจะตั้งสัตยาธิษฐาน ต้องประกอบด้วยเหตุ ๒ ประการ จึงจะสัมฤทธิผล คือ
๑. ต้องอ้างถึงความดีที่ตนทำมาแล้วอย่างอุกฤษฎ์
๒. ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแรงกล้าขอให้เป็นไปตามที่ตนต้องการด้วยอำนาจความดีขึ้น
๓. ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสำเร็จได้ด้วยใจ เพราะทุกอย่างมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน
ข้อคิดจากชาดก
นฬปานชาดก
ชาดกว่าด้วยการใช้ปัญญาพิจารณา