พุทธพจน์เตือนใจ
"เมื่อเรือนถูกไฟไหม้แล้ว เจ้าของเรือนขนเอาภาชนะใดออกไปได้ ภาชนะนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่เขา ส่วนสิ่งของที่มิได้ขนออกไป ย่อมไหม้ในไฟนั้น ฉันใด โลก คือหมู่สัตว์ อันชราและมรณะเผาแล้ว ก็ฉันนั้น ควรนำออก ซึ่งโภคสมบัติ ด้วยการให้ทาน เพราะทานวัตถุที่บุคคลให้แล้ว ได้ชื่อว่านำออกดีแล้ว ทานวัตถุที่บุคคลให้แล้วนั้นย่อมมีสุขเป็นผล ที่ยังมิได้ให้ย่อมไม่เป็นเหมือนเช่นนั้น โจรยังปล้นได้ พระราชายังริบได้ เพลิงยังไหม้ได้ หรือสูญหายไปได้ อนึ่งบุคคลจำต้องละร่างกายพร้อมด้วยสิ่งเครื่องอาศัยด้วยตายจากไป ผู้มีปัญญารู้ชัด ดั่งนี้แล้ว ควรใช้สอยและให้ทาน เมื่อได้ให้ทานและใช้สอยตามควรแล้ว จะไม่ถูกติฉิน เข้าถึง สถานที่อันเป็นสวรรค์"
สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาแล้ว ล้วนถูกไฟ คือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เผาลนอยู่ทุกอนุวินาที ถึงเราจะไม่สามารถหลบหนีพ้น แต่เราทุกคนก็สามารถขนสมบัติที่หามาได้ด้วยความยากลำบากนี้ ให้ติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้ เพียงแต่ต้องทำให้ถูกหลักวิชชา ไม่ใช่เอาไปฝากธนาคาร หรือฝังดินไว้ ต้องตัดความตระหนี่ แล้วบริจาคทาน เปลี่ยนทรัพย์สมบัติหยาบ ให้เป็นทรัพย์ละเอียด คือ บุญ หากยังตัดความตระหนี่ไม่ได้ สมบัติที่เรามีอยู่ ก็จะใช้ในชาตินี้เพียงชาติเดียวเท่านั้น