ธรรมะคลายใจ

วันที่ 04 สค. พ.ศ.2558

 

ธรรมะคลายใจ


    ก่อนที่เราจะคุยกันเรื่องเอาชนะความเครียด เรามาดูกันก่อนว่าความเครียดเกิดจากอะไร โดยหลักความเครียดมักจะเกิดจากการที่เราได้พบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทาว่าร้ายแล้วเกิดทุกข์นั่นเอง


สาเหตุความเครียด
    ความเครียดที่เกิดจากการ “ เสื่อมลาภ ” เช่น มีหนี้สิน กำลังจะตกงาน หรือธุรกิจกำลังย่ำแย่ก็เกิดความทุกข์ในใจ ส่วนความเครียดที่เกิดจากการ “ เสื่อมยศ ” เช่น ยศตำแหน่งหน้าที่การงานของเราไม่ก้าวหน้าอย่างที่หวังไว้ หรืออาจถูกย้ายจากตำแหน่งหน้าที่มีอำนาจมากไปสู่ตำแหน่งที่มีอำนาจน้อยลง แค่นี้ก็ทำให้เกิดความเครียดได้แล้ว บางคนเครียดถึงขั้นป่วยเข้าโรงพยาบาลเลยก็มี
    ความเครียดที่เกิดจาก “ คำนินทา ” เช่น เมื่อได้ยินคนอื่นพูดถึงเราในทางไม่ดีเรารู้สึกไม่ชอบใจแล้วเกิดความเครียด รวมทั้งความเครียดที่มักจะเกิดจากสุขภาพร่างกายที่ไม่ปกติบ้าง ภัยอันตรายต่างๆ ที่มาคุกคามเราบ้างเป็นต้น


    เมื่อต้องการจะเอาชนะความเครียด ก่อนอื่นเราควรตระหนักชัดว่าความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่อยู่คู่โลก ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ไม่มีใครได้ลาภอย่างเดียวไปตลอดชีวิต และคนที่ไม่มีทางเสื่อมลาภตลอดชีวิตนั้นไม่มี ขนาดบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกมั่นคงมาเป็น 100 ปี บางปีก็ได้ผลกำไรมาก บางปีก็ได้ผลกำไรน้อย มีขึ้นมีลงตามจังหวะของมัน ความเสื่อมยศก็มีขึ้นมีลงเช่นเดียวกัน ไม่มีใครสมหวังเรื่องยศตำแน่งตลอดทุกครั้งยกเว้นเขามีบุญมากพอ ส่วนคำนินทานั้นยิ่งหนีไม่พ้น ไม่มีใครได้รับคำชมในส่วนเดียว ดังคำที่ว่า “ แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสู้คนนินทา ”
    ยิ่งเป็นคนที่อยู่สูงเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก หรือเป็นถึงผู้นำประเทศ นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี หรือผู้นำโลกก็ยิ่งจะมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบมากมายตามไปด้วย เพราะฉะนั้น นี่คือเรื่องธรรมดาของโลก รวมทั้งความทุกข์ ความป่วยไข้ กระทั่งภัยอันตรายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์เจอด้วยกันทั้งนั้น


“ ความเสื่อม ” ธรรมดาของโลก
    เริ่มต้นเราต้องเข้าใจความจริงก่อนว่า สิ่งที่เรากำลังประสบอยู่นั้นเป็นของคู่โลกที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้พ้น พอเข้าใจอย่างนี้แล้วเราจะได้เลิกเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองด้วยการเอาแต่พูดว่า “ ทำไมถึงต้องเป็นเรา ” แล้วเลิกรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก เพราะคิดอย่างนี้แล้วก็จะทำให้ยิ่งกลัดกลุ้มใจ
    พอเราเข้าใจว่ามันเป็นธรรมดาอย่างนี้เอง ใครๆก็ต้องเจอกับความทุกข์เหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น เราเจอแบบนี้คนอื่นเจอแบบนั้น ความทุกข์มันมีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป พอคิดได้อย่างนี้เราจะเริ่มทำใจได้ ใจจะคลายลงระดับหนึ่ง พอใจโปร่งโล่งขึ้นไม่นานใจก็จะมีอานุภาพในการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นให้เราหาโอกาสสวดมนต์นั่งสมาธิ เครียดเมื่อใดหรือกลุ้มใจเมื่อใดก็ให้มีทางออก คือสวดมนต์ทำวัตรเช้า – วัตรเย็น สัก 15-20 นาที พอใจสบายใจก็จะโปร่งโล่งขึ้น แล้วให้เรานั่งสมาธิต่อไป ใจคนเรานั้นแปลก เมื่อใดก็ตามที่เราได้นั่งสมาธิเอาใจมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 พอเอาใจอยู่นิ่งๆตรงนี้เมื่อใดใจของเราจะคลายตัว ไม่ว่าเครียดมากหรือเครียดน้อยก็คลายลงแล้วใจเราก็สบายขึ้น


    แม้ในเวลาปกติที่เราไม่ได้เจอกับวิกฤตอะไรมากมาย แต่มันก็มีความเครียดเกิดขึ้นเหมือนกัน เช่น จากหน้าที่การงานที่กดดันเข้ามาบ้างบางเวลา เพราะความเสื่อมลาภนั้นไม่ได้มีแต่ความเสื่อมใหญ่โต แต่ยังมีความเสื่อมเล็กๆ น้อยๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราทุกๆวัน เหตุเพราะความเสื่อมนั้นอยู่คู่โลก คนทุกคนล้วนมีความเครียดอยู่ในใจทุกวัน แล้วพอเจอปัญหาต่างๆ หนักเข้ามันก็เกิดความเครียดหนักๆขึ้นมา
    ถ้าเราสวดมนต์นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เอาใจมาจรดที่ศูนย์กลางกาย ใจก็จะคลายตัวโปร่งโล่งเบาสบาย แม้กับบางคนที่มีความเครียดไม่มาก จนบางทีอาจยังไม่รู้สึกตัวเองว่าเครียดด้วยซ้ำไป แต่พอเขาได้เอาใจมาจรดที่ศูนย์กลางกายโดยทำจนชำนาญเพียง 5-10 นาที จนใจเริ่มคลายตัว ก็จะสัมผัสได้เลยว่า เมื่อสักครู่ใจของเรามันกระด้างเขม็งเกลียว แต่พอใจจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกายมันเกิดการคลายใจ แล้วเบาสบายจนรู้สึกว่าใจเรานุ่มนวลเพราะความเครียดหายไป จากนั้นสิ่งที่มาแทนที่คือ “ ความสุข ”


อานุภาพใจสร้างสติปัญญา
    “ กำลังใจ ” ทำให้เราปฏิบัติหน้าที่การงานได้ดี สามารถใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาได้อย่างเต็มที่ ถ้าใจเครียดเกร็ง พอเราจะทำอะไรก็ไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร แต่ถ้าใจโปร่งสบาย ใจจะมีอานุภาพ บุญก็หล่อเลี้ยง สติปัญญาเกิดจนสามารถคลี่คลายปัญหาทุกอย่างได้ดี
    พอปัญหาทุกอย่างคลี่คลายกลายเป็นวงจรบวกทำให้แรงกดดันลดลง ใจเราก็ยิ่งโปร่งสบายมากขึ้น บุญหล่อเลี้ยงมากขึ้น สามารถใช้สติปัญญาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น แล้วทุกอย่าง จะดีขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้น เราชาวพุทธทุกคนถือว่ามีบุญมาก โชคดีมากที่เรามียาวิเศษอยู่กับตัว คือ “ การปฏิบัติธรรม ” ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเราไว้
    ดังนั้น เมื่อเราเจออุปสรรคปัญหาก็อย่ามัวเครียด แต่ให้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นคือของคู่โลกที่ใครๆ ก็ต้องเจอ แล้วใช้วิธีคลี่คลายด้วยสติ ปัญญา และสมาธิ ให้ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตถ้วนหน้ากัน บางครั้งบางเรื่องเราควบคุมไม่ได้เพราะฉะนั้นอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด แล้วให้ทำใจว่าสุดท้ายนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา เมื่อถึงคราวเราทิ้งกายนี้ไปแล้วเราจะไปเกิดที่ใด อยู่ในภาวะแบบไหนเราเป็นคนกำหนดเองเพราะขึ้นอยู่กับว่าเราออกแบบชีวิตไว้อย่างไร สร้างบุญสร้างบารมีไว้มีมากมายเพียงใด พอเราตายไปสิ่งที่เป็นปัญหาติดค้างอยู่นั้นไม่ได้ติดตัวเราไปด้วยเลย แต่ว่าสิ่งที่เราจะไปเจอในภพหน้านั้นคือ สิ่งที่เราได้ทำไว้ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่นั่นเอง
    

--------------------------------------------------------------------

" หนังสือ เนรมิต จิตใจ "
ปลดล็อกความเครียด รู้ทันความเสื่อม สร้างสุข สลัดทุกข์หยุดโกรธ
โดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.045092900594076 Mins