ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ

วันที่ 09 กย. พ.ศ.2558

 

 

 ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ


             การสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้สร้างกันมาเพียงแค่วันสองวันหรือเป็นปีเป็นเดือน แต่พระองค์ทรงสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติ นับกันเป็นอสงไขย เป็นกัป ดังนั้นเมื่อการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้เวลายาวนานอย่างนี้ พระองค์จึงได้ทรงวางแผนทุกอย่างและในทุกเรื่อง เพื่อที่จะทำให้ความปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำเหล่าสรรพสัตว์ไปสู่ฝั่งพระนิพพานได้สำเร็จ โดยเฉพาะร่างกายที่เหมาะสมกับการมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องเป็นร่างกายที่เป็นทั้งต้นแบบและเหมาะสมต่อการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหมือนดังคำกล่าวที่ว่า ร่างกายที่สมบูรณ์ก็เหมือนรถที่มีตัวถังแข็งแรง เหมาะแก่การขับขี่ แต่ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ก็เหมือนกับรถที่มีตัวถังไม่แข็งแรง อ่อน ยุบ บู้บี้ เมื่อเป็นเช่นนี้พระองค์จึงทรงสร้างบารมีสั่งสมบุญอย่างมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่งร่างกายที่เหมาะสมแก่การมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นต้นแบบที่จะนำความรู้ที่ทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงมาสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายได้

 

             เพราะฉะนั้น ลักษณะมหาบุรุษ คือ สิ่งที่สุดยอดกว่าลักษณะทั้งปวง เป็นร่างกายที่ดีที่สุด เหมาะสมที่จะทำงานเพื่อความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างดี ซึ่งเป็นลักษณะของการเริ่มต้นของความรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งปวง และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้รู้เรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต กายลักษณะมหาบุรุษนี้จึงเป็นกายที่สำคัญมาก ที่จะทำให้พระองค์ตรัสรู้ได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริงด้วยพระองค์เอง กายมหาบุรุษเป็นกายที่เหมาะสมต่อการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีลักษณะที่งดงาม มีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพมาก และมีเรี่ยวแรงมากกว่ากายใดๆ ในโลกนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการสร้างบารมีของแต่ละพระองค์ที่จะสั่งสมมามากมายเพียงไรนั้นไม่เท่ากัน ถ้าพระองค์ใดสั่งสมบารมีมามากก็จะได้ความสมบูรณ์ของกายที่มากกว่า แต่ถ้าสั่งสมบารมีมาน้อยก็จะได้ความสมบูรณ์ของกายที่น้อยกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นกายที่เหมาะสมกับการสร้างบารมี เพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ผู้ได้ลักษณะมหาบุรุษ เป็นผู้ที่มีบุญอันสั่งสมดีแล้ว แม้ไม่ได้ออกบวชก็ย่อมถึงความเป็นใหญ่ในโลก ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ถ้าออกบวชก็จะได้ตรัสรู้ธรรมอย่างแน่นอน ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

 

            ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระมหาบุรุษผู้ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการ เหล่านี้ ย่อมมีคติเป็นสองเท่านั้น ไม่เป็นอย่างอื่น คือ ถ้าครองเรือน จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นธรรมราชามีมหาสมุทร 4 เป็นขอบเขต ทรงชนะแล้ว มีอาณาจักรมั่นคงประกอบด้วย รัตนะ 7 ประการ คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว ปริณายกแก้ว เป็นที่ 7 พระราชบุตรของพระองค์มีกว่าหนึ่งพัน ล้วนกล้าหาญ มีรูปทรงสมเป็นวีรกษัตริย์ สามารถย่ำยีเสนาของข้าศึกได้ พระองค์ทรงชนะโดยธรรม โดยเสมอ มิต้องใช้อาชญา มิต้องใช้ศัสตรา ครอบครองแผ่นดิน มีสาครเป็นขอบเขต มิได้มีเสาเขื่อน ไม่มีนิมิต ไม่มีเสี้ยนหนาม มั่งคั่งแพร่หลาย มีความเกษมสำราญ ไม่มีเสนียด ถ้าเสด็จออกบวชเป็นบรรพชิตจะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีหลังคา คือกิเลสอันเปิดแล้วในโลก14)

 

            ดังพุทธดำรัสข้างต้น จะเห็นได้ว่า ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการนี้ เป็นลักษณะของผู้นำทั้งทางโลกและทางธรรม คือ ถ้าไม่ได้บวช ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเท่านั้น แต่ถ้าออกบวชก็จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ดังตอนที่พระองค์จะออกบวชมีมารมาขัดขวางโดยให้รออีก 7 วัน ก็จะมีสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิเกิดขึ้นแก่พระองค์ แต่ที่ทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่า คติของกายมหาบุรุษย่อมเป็นหนึ่ง คือ ย่อมออกบวชและได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่นอน

 

            ดังนั้น การได้ลักษณะมหาบุรุษนั้น เป็นสิ่งที่ยาก เป็นกายสุดท้ายแห่งสังสารวัฏ เป็นกายที่สมบูรณ์แบบ จะต้องสั่งสมบุญบารมีให้มากมายมหาศาล เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยมก็จะได้มาซึ่งลักษณะมหาบุรุษ พร้อมที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้สมกับความปรารถนามาหลายภพหลายชาติแล้ว คือ การตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วสั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายให้รู้และเข้าใจในความรู้ที่พระองค์รู้ เพื่อหลุดพ้นไปสู่ฝั่งพระนิพพานเฉกเช่นพระองค์ ลักษณะมหาบุรุษมี 32 ประการ ดังนี้

1.มีพระบาททั้งสองเรียบเสมอกัน หมายความว่า มีพื้นเท้าสม่ำเสมอ ทำให้เวลาพระพุทธองค์เสด็จพระดำเนินไปในที่ต่างๆ ดูแล้วสง่างาม เดินตัวตรง นุ่มนวล เหมือนช้างทรงของพระราชา เวลาเดินส่วนบนจะไม่เคลื่อนไหว เดินเหมือนเหิน เนื่องจากเดินเบา ไม่ส่ายไปส่ายมา เพราะมีพื้นเท้าที่เสมอกัน ทำให้น้ำหนักที่ลงไปสู่เท้าเวลาเดินมีน้ำหนักเท่ากัน จึงทำให้พระพุทธองค์เดินดูแล้วสง่างามมาก

สาเหตุที่ทำให้พระองค์มีลักษณะเช่นนี้ เพราะในอดีตพระองค์ได้สร้างกุศลธรรมมาตลอดทั้งการประพฤติในกาย วาจา และใจ ตลอดจนการให้ทาน รักษาศีล บำรุงบิดามารดาและสมณพราหมณ์ เคารพต่อผู้ใหญ่ในตระกูลและเคารพในการบำเพ็ญอธิกุศล

 

2.พื้นใต้ฝ่าพระบาทมีลายกรงจักร มีซี่กำหนึ่งพันประกอบด้วยกงและดุม เพราะพระองค์เป็นผู้นำธรรมจักรให้หมุนไป ยังสรรพสัตว์ให้ได้บรรลุมรรคผลนิพพานนับไม่ถ้วน จึงทำให้พระองค์เดินได้อย่างคล่องแคล่ว เพราะพื้นเท้ามีความยืดหยุ่นดีในเวลาเดิน

สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะการที่พระองค์นำสุขมาให้แก่มหาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องเป็นผู้นำตั้งแต่ในครอบครัวถึงประเทศชาติ บรรเทาความสะดุ้งหวาดกลัว ปกครองโดยธรรมให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ทานพร้อมของบริวารอย่างสม่ำเสมอ

 

3.มีส้นพระบาทยาวสมส่วนพอดี ทำให้การรับน้ำหนักดีขึ้นและแรงกดที่ลงมาทั้งตัวเฉลี่ยแล้วมีความเท่ากัน จึงทำให้มีกำลัง เวลายืนจึงกระโดดได้ 40 ศอก และทรงร่างกายได้ผึ่งผายสง่างาม สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะการเว้นจากการทำปาณาติบาต

 

4.มีนิ้วมือและนิ้วเท้ายาวเรียวงามเหมือนลำเทียน หมายความว่า นิ้วมือของพระองค์แต่ละนิ้วมีความยาวเท่ากัน สมบูรณ์ด้วยพละกำลัง ทำให้พระองค์เดินได้สะดวก ไม่ปวดเมื่อยง่าย สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะการเว้นจากการทำปาณาติบาต

 

5.ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่มเหมือนปุยสำลี หมายความว่า ฝ่ามือและฝ่าเท้านุ่ม ไม่กระโดกกระเดก กระด้างแข็ง ลักษณะเช่นนี้แสดงว่า มีความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อดีมาก เปรียบเสมือนยางที่สามารถยืดตัวออกไปได้มากแค่ไหนก็สามารถที่จะกลับคืนตัวดังเดิมได้ ลักษณะเช่นนี้ก็แสดงถึงความมีพลังของเนื้อที่มีความยืดหยุ่นดีมาก ซึ่งทำให้พระองค์มีพละกำลังมาก เนื่องจากบุคคลที่มีเนื้ออ่อนนุ่มแสดงถึงความมีกำลังมาก เพราะคล่องตัวในทุกอิริยาบถ สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะได้สงเคราะห์มหาชนด้วยสังคหวัตถุ 4

 

6.ฝ่าพระหัตถ์และฝ่าพระบาทมีลายดุจตาข่าย โดยเป็นลายบางๆ จางๆ พอสังเกตออก เป็นเส้นสม่ำเสมอเป็นช่อง นิ้วมือและนิ้วเท้าทั้ง 4 ชิดสนิทกัน เสมอกัน (เว้นแต่นิ้วหัวแม่มือและเท้า) ลักษณะเช่นนี้หมายถึงว่า เป็นบุคคลที่มีฝ่ามือและฝ่าเท้าเต็ม และมีความอ่อนนุ่มด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มือและเท้านั้นมีกำลังมาก ไม่ว่าจะทำอะไรหรือเดินไปไหน จะพลิกตัวก็มีกำลังมากในการที่จะทำในสิ่งนั้นได้อย่างสะดวกสบาย สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะได้สงเคราะห์มหาชนด้วยสังคหวัตถุ 4

 

7.มีพระบาทเหมือนสังข์คว่ำ คือ กระดูกข้อพระบาทของพระองค์ตั้งลอยอยู่หลังพระบาท ไม่ติดกันกลับกลอกได้คล่อง เมื่อทรงดำเนินผิดกว่าสามัญชน หมายความว่า พระองค์มีข้อเท้าสูงกว่ามนุษย์ธรรมดาประมาณ 1 นิ้ว ส้นเท้ายื่นไปด้านหลังมากกว่ามนุษย์ธรรมดา พระองคุลีก็ยาวไปข้างหน้ามากกว่ามนุษย์ธรรมดาเช่นกัน หรืออาจจะหย่อนกว่ากันนิดหน่อย เพราะฉะนั้น จะยาวออกทั้งหน้า หลัง บน เมื่อยืนพระบาทจึงคล้ายสังข์คว่ำ คือนูน (ไม่บวม) อิ่ม (ไม่อืด, อวบ) ซึ่งทำให้ยืนได้อย่างมั่นคง เดินได้อย่างมั่นคง กระโดดได้ไกลและสูง เพราะสปริงดี คือ มีความยืดหยุ่น มีกำลังมาก สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะกล่าววาจาที่เป็นอรรถเป็นธรรม เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ นำประโยชน์สุขมาสู่มหาชน และเป็นผู้บูชาธรรม หมายถึง อยากได้คำแนะนำ อยากทราบวิธีปฏิบัติขนาดเอาชีวิตถวายให้

 

8.พระชงฆ์เรียวงามดุจแข้งเนื้อทราย คือ มีเนื้อหุ้มรอบแข้งเต็ม สัณฐานกลมงาม หมายความว่า มีแข้งเรียว กลม ยาว สวยและตรงด้วย ได้สัดส่วนรับกับข้อพระบาทที่สูง รับกับฝ่าพระบาทที่เต็ม รับกับหลังพระบาทที่อูมอิ่ม รับกับนิ้วพระบาทที่ยาว ส้นพระบาทที่ยาว รับกันสวยงามมาก อุปมาเหมือนลักษณะแข้งเนื้อทรายที่รัด แน่น เรียว งาม กลมกลืน ไม่เห็นเส้นเอ็นหรือกระดูก ซึ่งทำให้มีพละกำลังมาก ไม่ว่าจะเดินหรือขยับร่างกายในอิริยาบถไหนก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว สะดวก สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะได้ตั้งใจบอกศิลปศาสตรวิทยาโดยความเคารพ โดยตั้งใจให้ผู้เรียนรู้ได้เร็ว ปฏิบัติได้เร็ว ไม่ลำบาก โดยที่มิได้ปิดบังอำพรางสิ่งใดเลย แนะนำให้ทุกอย่าง

 

9.เมื่อยืนตรง พระหัตถ์ทั้งสองลูบจับพระชานุได้ หมายความว่า เมื่อพระองค์ทรงประทับยืน ก็ทรงลูบคลำถึงพระชานุด้วยฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองได้ โดยที่ไม่ต้องน้อมหรือย่อตัวลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ลักษณะรูปร่างของพระองค์ได้สัดส่วนเท่ากัน จึงทำให้พระองค์ดูสง่างามมากไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม และถ้าเหยียดแขนขึ้นไปข้างบนแล้วเอา 2 หาร จะได้ตรงกลางกาย คือศูนย์กลางกายฐานที่ 7 พอดี สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะรู้จักบุคคล ความแตกต่างของบุคคลว่าควรกับสักการะอย่างไรให้เหมาะสมกับบุคคลนั้น หมายความว่า ความเป็นธรรมตามกำลังบุญและฐานะ ว่าควรดูแลเกื้อกูลกันขนาดไหน อย่างไรให้เหมาะสมโดยไม่มีอคติ เช่น การถวายอาหาร ถวายพระก่อน แล้วไปสามเณร จนถึงอุบาสกอุบาสิกา หรือการต้อนรับแขก บางท่านเป็นกำลังหลักต้องให้เกียรติ ในทางปฏิบัติ คือดูคนเป็น ดูแลคนเป็น ว่าคนนี้เป็นอย่างไร เหมาะสมกับอะไรชนิดไหน นอกจากนี้ยังมีความเคารพนบนอบนับถือ ปฏิบัติตามโอวาทของพระอริยเจ้า

 

10.มีพระคุยหะเร้นอยู่ในฝัก หมายความว่า มีของลับเข้าฝัก ไม่ได้มีลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบดูก็อาจจะเหมือนช้างที่อวัยวะเพศของตัวผู้เข้าไปซ่อนอยู่ข้างใน มิได้ห้อยร่องแร่ง สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะทำให้ญาติมิตรสนิทกัน ที่จากกันไปนานให้ได้มาพบกัน

 

11.มีพระฉวีวรรณดุจทองคำเปล่งปลั่งผ่องใสอยู่เป็นนิตย์ คือมีผิวหนังประดุจหุ้มด้วยแผ่นทองคำ มองดูแล้วเป็นที่ดึงดูดตาดึงดูดใจของผู้ที่ได้พบเห็น ซึ่งทำให้ประสาทสัมผัสของร่างกายดี ไม่ปวดเมื่อยง่าย สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะบริจาควัตถุทานและอามิสทานต่างๆ กระทำสัมมัชชนกรรม คือ การกวาดลานพระเจดีย์ เป็นต้น ไม่พยาบาทระงับความโกรธ

 

12.มีพระฉวีละเอียด ฝุ่นไม่เกาะร่างกาย คือมีพระฉวีละเอียด ละอองธุลีจึงมิอาจติดอยู่ที่ผิว พระวรกายได้ ซึ่งทำให้การขับถ่ายทางผิวหนัง เช่น เหงื่อ ของเสียที่ขับออกมาทางร่างกายจะถูกขับออกมาดีมาก และถ้าเกิดเป็นแผลที่ผิวหนังก็จะทำให้หายง่ายเร็วกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้การยืดหยุ่นที่ผิวก็ดีด้วย ดังนั้นเวลาจะทำอะไรก็ตาม ทำให้ไม่เหนื่อยง่ายไม่เพลียง่าย สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะได้ถามสมณพราหมณ์ให้ทราบถึงสิ่งที่เป็นบาปบุญคุณโทษต่างๆ

 

13.มีพระโลมาชาติเส้นหนึ่งๆ เกิดในขุมละเส้น คือ ขุมขนแต่ละเส้นเสมอกันไปทุกขุมขน ไม่มีเล็กไม่มีใหญ่ สวยงามเหมือนกันหมด และขนเกิดขึ้นขุมละเส้น เส้นหนึ่งอยู่ขุมหนึ่ง ซึ่งทำให้การขับเหงื่อการระบายความร้อนในตัวเมื่อเวลาทำงานหนักระบายได้ดี แล้วก็มีประสิทธิภาพในการใช้อาหารในร่างกายให้เกิดเป็นพละกำลังต่อร่างกายได้ดีมาก สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นขาดจากการพูดเท็จ พูดแต่คำจริง มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน

 

14.มีพระโลมาชาติมีปลายช้อนขึ้นข้างบน มีสีเขียวเหมือนสีดอกอัญชัน ขดเป็นกุณฑลทักขิณาวัฏ คือ เส้นขนหมุนวนขวาเวียนประทักษิณ สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะกล่าววาจาสัตย์ เว้นจากมุสาวาท

 

15.มีพระวรกายตั้งตรงดุจท้าวมหาพรหม หมายความว่า ท่อนกายตั้งตรงไม่น้อมไปข้างหน้าหรือข้างหลังเหมือนกายของพรหม กายของพระองค์ตรง สง่าผ่าเผย ไม่คดไม่งอ เวลาเอี้ยวตัวจะงามพอดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กายของพระองค์ได้สมดุลน้ำหนักตัวทั้งซ้ายและขวาจะเท่ากัน จึงทำให้ยากที่จะเซหรือหกล้มได้ สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นขาดจากการทำปาณาติบาต วางศาสตรา มีใจเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย

 

16.มีพระมังสะอูมเต็มในที่ 7 แห่ง คือ หลังพระหัตถ์ทั้งสอง หลังพระบาททั้งสอง พระอังสาหรือที่บ่าทั้งสอง และที่ลำพระศอหรือที่ลำคอมีระหว่างพระอังสาเต็ม จะไม่มีเว้าแหว่งและมีพระศอเต็มกลมกลึงสวยงาม มีเนื้อเต็ม เป็นลักษณะที่อูมอิ่มไม่เหมือนอาการบวม หมายความว่า มีเนื้อเต็มพอดี ไม่ย่น ไม่เห็นกระดูก เส้นเอ็น มีบ่าอิ่มเต็มพอดี ไม่เห็นไหปลาร้า ลำคอกลม ไม่เห็นเส้นและลูกกระเดือก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การที่มีหลังพระหัตถ์และหลังพระบาทและพระอังสามีเนื้อเต็มพอดีนั้น ก็จะทำให้มีกำลังมีเรี่ยวแรงในการทำการงานหรือแม้แต่เวลาปฏิบัติธรรมก็จะไม่ปวดไม่เมื่อยง่าย สามารถนั่งได้นานๆ ส่วนลักษณะที่มีลำคอกลม ไม่เห็นลูกกระเดือก ซึ่งทำให้มีผลทางด้านเสียงที่จะทำให้เสียงดีมาก และมีผลทางด้านการกินอาหาร กลืนอาหาร สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะได้บริจาคอาหารอันประณีต มีรสอร่อยเป็นทานจำนวนมาก

 

17.มีพระสรีรกายบริบูรณ์ดุจกายท่อนหน้าของพญาราชสีห์ ไม่มีที่บกพร่อง คือ อกผายไหล่ผึ่ง มีความองอาจสง่างาม มั่นคงประดุจขุนเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อวัยวะช่องอก เช่น ปอด เป็นต้น หรือแม้กระทั่งตับก็มีพลัง มีกำลังในการทำงาน ทำให้มีสุขภาพที่ดีมาก สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะมีใจปรารถนาจะทำประโยชน์และคุณแก่มหาชนทั้งหลายเป็นจำนวนมาก

 

18.พระปฤษฎางค์ราบเต็มเสมอกัน หมายความว่า หลังเต็มบริบูรณ์ ตั้งแต่เอวขึ้นไปถึงคอ มีเนื้อเต็ม ซึ่งไม่ใช่แผ่นกระดานและไม่เป็นร่องด้านหลังเหมือนกับคนทั่วไป แสดงให้เห็นว่า กล้ามเนื้อหลังมีสปริงดีมาก มีความยืดหยุ่นดี สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะมีใจปรารถนาจะทำประโยชน์และคุณแก่มหาชนทั้งหลายเป็นจำนวนมาก

 

19.ส่วนพระกายเป็นปริมณฑล ดุลปริมณฑลของต้นไทร หมายความว่า กายกับวาของพระองค์เท่ากัน เมื่อกางแขนเหยียดออกทั้ง 2 ข้าง ก็จะมีความยาวเท่ากับความสูงของพระพุทธองค์ ซึ่งมนุษย์ทั่วไปที่มีความสูงเท่ากับความยาวของวาตนเองเท่ากันนั้นยากมาก ส่วนใหญ่ถ้าไม่ขาดก็เกิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เป็นสรีระร่างกายที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม ทำให้ร่างกายไม่ปวดไม่เมื่อยในเวลาปฏิบัติธรรม สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะทำทานด้วยความเคารพในสมณพราหมณ์และยาจกตามความเหมาะสม

 

20.มีลำพระศอกลมงามเสมอตลอด หมายความว่า ลำคอกลมเกลี้ยงงาม เมื่อเปล่งเสียงจะไม่เห็นเส้นที่ลำคอเลย ไม่มีลูกกระเดือกแหลมออกมา แล้วก็ไม่มีเหนียงยานลงมา แล้วก็ไม่เหี่ยวไม่ยาน ซึ่งทำให้เสียงของพระองค์ดีมาก แล้วโรคหวัดก็ไม่มี สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะมีใจปรารถนาให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุข

 

21.มีเส้นประสาทสำหรับรับรสพระกระยาหารอันเลิศ ซึ่งมีอยู่ 7000 เส้น รสของอาหารแม้เท่าเมล็ดงาก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างกายได้ หมายความว่า ลิ้นของบุคคลทั่วไปเป็นประเภทลิ้นชา เหมือนลิ้นจระเข้กินอะไรก็ไม่รู้รส หรือรู้รสแต่การดูดซึมของอาหารเข้าสู่ร่างกายไม่ค่อยดี แต่ของพระองค์มีประสาทรับรสอันเลิศ ทำให้การดูดซึมอาหารเข้าสู่ร่างกายดีมาก แม้กินอาหารน้อยก็ได้รับสารอาหารมาก เนื่องจากบุคคลทั่วไปที่กินอาหารก็ทำให้มีกากอาหารมาก ส่วนของพระองค์มีกากอาหารน้อย เพราะการรับรส การย่อยอาหารดีมาก ดังเช่นในตอนที่จะหาวิธีการเพื่อการตรัสรู้ พระองค์ได้อดอาหารจนกระทั่งผอมมาก ถ้าเอามือลูบท้องเหมือนกับโดนกระดูกสันหลัง เอามือลูบสันหลังเหมือนกับโดนหน้าท้อง แต่พระองค์ก็ยังไม่มรณภาพ แล้วเมื่อวันที่จะตรัสรู้ได้เสวยข้าวมธุปายาสของนางสุชาดา 49 ปั้น ทำให้พระองค์อยู่ได้ถึง 49 วัน สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพระไม่ได้เบียดเบียนฆ่าสัตว์ทั้งหลายด้วยฝ่ามือ ท่อนไม้ ก้อนหิน อาวุธหรือของมีคม

 

22.มีพระหนุดุจคางของราชสีห์ หมายความว่า พระหนุ คือ คางของพระองค์มีลักษณะมน สวย โค้งเหมือนวงพระจันทร์ ซึ่งอุปมาเหมือนคางของราชสีห์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ฟันของพระองค์แข็งแรงมาก ไม่โยกไม่หักง่าย สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะไม่ได้พูดคำเพ้อเจ้อ พูดถูกกาล

 

23.มีพระทนต์ 40 ซี่ คือ พระองค์มีฟัน 40 ซี่บริบูรณ์ ซึ่งทำให้ใบหน้าตึงและกล้ามเนื้อมุมปากเหมือนยิ้มแย้ม และยังทำให้เคี้ยวอาหารได้ละเอียดมาก จึงทำให้พระองค์ไม่ต้องสูญเสียพลังในการย่อยอาหารมาก ทำให้ร่างกายของพระองค์แข็งแรงมาก เพราะได้รับสารอาหารได้เต็มที่ สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากการพูดส่อเสียด

 

24.มีพระทนต์เรียบเสมอกัน คือ พระองค์มีฟันเรียงเป็นระเบียบสวยงาม การบดเคี้ยวอาหารทำได้ดีมาก ไม่เป็นโรคฟัน สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากมิจฉาชีพ

 

25.พระทนต์เรียบสนิทมิได้ห่าง หมายความว่า ฟันไม่ห่างไม่โยกเก เรียบสนิทชิดกัน ไม่มีช่องว่าง ทำให้เศษอาหารไม่ติดฟัน สามารถควบคุมแบคทีเรียในปากได้ดีมาก และทำให้ฟันคงทนนานฟัน นอกจากนี้ยังหมายความว่า ฟันไม่ยื่นเขยิน คือ ฟันบนจะต้องยื่นเลยออกไปจากฟันล่างนิดหน่อย เพราะโดยการทำงานของฟันแล้ว การที่มีฟันบนยื่นเลยออกจากฟันล่างนิดหน่อย ก็จะทำให้เคี้ยวอาหารได้ดีและแหลกมาก ซึ่งทำให้กระเพาะอาหารตลอดจนลำไส้ทำงานไม่หนัก จึงทำให้ได้รับประโยชน์จากสารอาหารอย่างเต็มที่และมีกำลังเรี่ยวแรงมาก อายุยืน สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากการพูดส่อเสียด

 

26.เขี้ยวพระทนต์ทั้ง 4 ขาวงามบริสุทธิ์ มีรัศมีสว่างกว่าดาวประกายพรึกเหมือนมุก คือ มีเขี้ยวสีขาวงาม เป็นฟันที่สมบูรณ์มาก และฟันเขี้ยวนี้ใสมาก ซึ่งในขณะที่พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์ แสงแดดที่ส่องกระทบจะสะท้อนเป็นประกายวาว เหมือนแสงแดดที่ตกกระทบกระจกเงา สาเหตุที่ทำให้พระองค์มีลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากมิจฉาชีพ

 

27.มีพระชิวหาใหญ่และยาว หมายความว่า มีลิ้นอ่อนและกว้างยาวกว่าคนทั่วไป จนสามารถแลบลิ้นออกมาให้ถึงหูทั้ง 2 ข้างได้ และแลบออกมาปิดหน้าผากได้ จะทำให้กลมก็ได้ ทำให้แผ่ใหญ่ออกมาก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นลิ้นที่สมบูรณ์ ทำให้การรับรสอาหารและการซึมของสารอาหารที่เข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ดี เพราะมีปลายเส้นประสาทสำหรับรับรสอาหารได้ตั้งแต่ที่ลิ้น ซึ่งถ้าหากป่วยก็ทำให้ฟื้นไข้ได้เร็ว สาเหตุที่ทำให้พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นคำหยาบ กล่าวคำเป็นที่รัก

 

28.มีพระสุรเสียงดุจท้าวมหาพรหม ทุกครั้งที่พระองค์ตรัสเทศนา จะมีพระสุรเสียงน่าฟังไพเราะเหมือนเสียงนกการเวก สรรพสัตว์ทั้งมนุษย์และเทวดาต้องหยุดฟังทันที ซึ่งเสียงนี้ประกอบด้วยองค์ 8 อันได้แก่ เสียงสละสลวย เสียงรู้ได้ง่าย เสียงไพเราะ เสียงน่าฟัง เสียงหยดย้อย เสียงไม่แหบเครือ เสียงลึกและเสียงก้อง การที่มีเสียงไพเราะมากก็เพราะคอกลม ทั้งลิ้นทั้งฟันได้สัดส่วนหมดทุกอย่าง สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากคำหยาบ กล่าวแต่คำอันเป็นที่รัก

 

29.มีพระเนตรดำสนิทเหมือนสีนิล หมายความว่า นัยน์ตาของพระองค์มีสีดำเหมือนสีนิล คือ สีเขียวเข้ม เป็นนัยน์ตาที่คมแสดงถึงความสง่างามและความมีอำนาจ พร้อมทั้งแสดงถึงความมีเมตตากรุณาที่แฝงไว้ในดวงตา ซึ่งทำให้พระองค์เป็นที่น่าเคารพและเกรงขามมาก และยังทำให้เห็นได้ไกล ได้เร็วและชัดเจน แม้จะอยู่ในที่มืด สาเหตุที่ทำให้พระองค์ทรงมีลักษณะเช่นนี้ เพราะไม่ถลึงตาดู ไม่ค้อนตาดู ไม่ชำเลืองตาดู เป็นผู้ตรง มีใจตรง แลดูมหาชนด้วยตาน่ารัก

 

30.มีดวงพระเนตรแจ่มใสดุจตาลูกโคที่เพิ่งคลอด คือ ตาของพระองค์จะสุกใสมาก เป็นสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่มีมารยา อ่อนโยนและประกอบด้วยเมตตาธรรม เป็นมิตรกับทุกคน ทำให้น่าเข้าใกล้ สาเหตุที่พระองค์ได้ลักษณะเช่นนี้ เพราะแลดูมหาชนด้วยดวงตาที่เบิกบานมีอาการเป็นที่รัก

 

31.มีพระอุณาโลมเกิดระหว่างพระขนง คือ ที่กลางหน้าผากระหว่างคิ้ว จะมีขนสีขาวอ่อนๆ นุ่มเหมือนปุยสำลีเวียนขวาเป็นทักขิณาวัฏและมีปลายชี้ขึ้น ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเด่นสง่างาม เพราะจะรวบระหว่างคิ้ว หน้าผาก ทำให้กรอบหน้าดูแล้วสมส่วน ทำให้หน้าผากดูไม่สูงไป ใหญ่ไปหรือยาวไป สาเหตุที่ทำให้พระองค์มีลักษณะเช่นนี้ เพราะเว้นจากคำหยาบ เว้นจากการพูดเหลวไหล พูดแต่ คำจริง

 

32.มีพระเศียรงามบริบูรณ์ดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์ คือ มีเนื้อนูนตั้งแต่หูขวาปากขอบหน้าผากมาถึงหูซ้าย ศีรษะกลมงามบริบูรณ์นูนขึ้นเบื้องบน หมายความว่า พระองค์ทรงมีศีรษะรับกับกรอบหน้างามสมดุลได้สัดส่วน ทำให้ใบหน้าของพระองค์สวยได้สัดส่วนเท่ากัน 2 ซีก บนพระเศียรก็มี จอมกระหม่อมสง่างามมากเหมือนสวมมงกุฎ ดูสง่างามเด่นกว่าใครๆ กะโหลกศีรษะสวย พอเส้นผมขดทักษิณาวัฏเกาะติดศีรษะจะสง่างามมาก เส้นผมแนบสนิท สูง (หนา) กำลังดี ปลายช้อนขึ้น นับจำนวนได้ คือ กลุ่มผมนับเส้นได้ว่ามีกี่เส้นต่อหนึ่งขด กี่ขดต่อหนึ่งเศียร เป็นระเบียบ ไม่ยุ่งเหยิง สาเหตุที่ทำให้พระองค์ทรงมีลักษณะเช่นนี้ เพราะได้เป็นผู้นำในการชักชวนมหาชนสร้างกุศลให้ทำบุญต่างๆ และทำการกุศลก็มิได้ก้มหน้า เงยหน้าขึ้นด้วยใจที่ปีติยินดี

 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ ซึ่งเป็นลักษณะร่างกายของบุคคลที่มีรูปกายสมบูรณ์ที่สุดอย่างแท้จริง และยังเป็นรูปกายที่แข็งแรงที่สุด พร้อมไปด้วยลักษณะที่ได้สัดส่วนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่ละเอียดอีก ซึ่งเป็นลักษณะเสริมของลักษณะมหาบุรุษ ที่เรียกว่า อนุพยัญชนะ 80 อย่าง คือ

1.มีนิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทอันเหลืองงาม

2.นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทเรียวออกไปโดยลำดับตั้งแต่ต้นจนปลาย

3.นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทกลมดุจนายช่างกลึงเป็นอันดี

4.พระนขา คือ เล็บทั้ง 20 มีสีอันแดง

5.พระนขาทั้ง 20 นั้น งอนงามช้อนขึ้นเบื้องบนมิได้ค้อมลงเบื้องต่ำ ดุจเล็บแห่งสามัญชนทั้งปวง

6.พระนขานั้นมีพรรณอันเกลี้ยงกลมสนิทมิได้เป็นริ้วรอย

7.ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทซ่อนอยู่ในพระมังสะ มิได้สูงขึ้นปรากฏออกมาภายนอก

8.พระบาททั้งสองเสมอกัน มิได้ย่อมใหญ่กว่ากันมาตรว่าเท่าเมล็ดงา

9.พระดำเนินงามดุจอาการเดินแห่งกุญชรชาติ

10.พระดำเนินงามดุจสีหราช

11.พระดำเนินงามดุจดำเนินแห่งหงส์

12.พระดำเนินงามดุจอสุภราชดำเนิน

13.ขณะเมื่อยืนจะย่างดำเนินนั้น ยกพระบาทเบื้องขวาย่างไปก่อน พระกายเยื้องไปข้างเบื้องขวาก่อน

14.พระชานุมณฑลเกลี้ยงกลมงามบริบูรณ์ มิได้เห็นอัฏฐิสะบ้าปรากฏออกมาภายนอก

15.มีบุรุษพยัญชนะบริบูรณ์ คือ มิได้กิริยามารยาทคล้ายสตรี

16.พระนาภีมิได้บกพร่อง กลมงามมิได้พิกลในที่ใดที่หนึ่ง

17.พระอุทรมีสัณฐานอันลึก

18.ภายในพระอุทรมีรอยเวียนเป็นทักขิณาวัฏ

19.ลำพระเพลา คือ ขาทั้งสองงามดุจลำสุวรรณกัททลี คือ ลำต้นกล้วยสีทอง

20.ลำพระกร คือ แขนทั้งสองงามดุจงวงแห่งเอราวัณเทพยหัตถี คือ ช้าง 33 เศียร เป็นพาหนะของพระอินทร์

21.พระอังคาพยพ คือ อวัยวะใหญ่น้อยทั้งปวงจำแนกเป็นอันดี คืองามพร้อมทุกสิ่งหาที่ตำหนิมิได้

22.พระมังสะที่ควรจะหนาก็หนา ที่ควรบางก็บางตามที่ทั่วทั้งพระสรีระกาย

23.พระมังสะมิได้หดหู่ในที่ใดที่หนึ่ง

24.พระสรีระกายทั้งปวงปราศจากต่อมและไฝปาน มูลแมลงวันมิได้มีในที่ใดที่หนึ่ง

25.พระกายงามบริสุทธิ์พร้อมสมกันโดยตามลำดับทั้งเบื้องบนแลเบื้องล่าง

26.พระกายงามบริสุทธิ์สิ้นปราศจากมลทินทั้งปวง

27.ทรงพระกำลังมาก เสมอด้วยกำลังแห่งกุญชรชาติประมาณถึงพันโกฏิช้าง ถ้าจะประมาณด้วยกำลังบุรุษก็ได้ถึงแสนโกฏิบุรุษ

28.มีพระนาสิกอันสูง

29.สัณฐานพระนาสิกงามแฉล้ม

30.มีพระโอษฐ์เบื้องบนเบื้องต่ำมิได้เข้าออกกว่ากัน เสมอเป็นอันดี มีพรรณแดงงามดุจสีผลตำลึงสุก

31.พระทนต์บริสุทธิ์ปราศจากมูลมลทิน

32.พระทนต์ขาวดุจดังสีสังข์

33.พระทนต์เกลี้ยงสนิทมิได้เป็นริ้วรอย

34.พระอินทรีย์ทั้ง 5 มีจักขุนทรีย์ เป็นต้น งามบริสุทธิ์ทั้งสิ้น

35.พระเขี้ยวทั้ง 4 กลมบริบูรณ์

36.ดวงพระพักตร์มีสัณฐานยาวสวย

37.พระปรางค์ คือแก้มทั้งสองดูเปล่งงามเสมอกัน

38.ลายพระหัตถ์มีรอยอันลึก

39.ลายพระหัตถ์มีรอยอันยาว

40.ลายพระหัตถ์มีรอยอันตรง มิได้ค้อมคด

41.ลายพระหัตถ์มีรอยอันแดงรุ่งเรือง

42.รัศมีพระกายโอภาสเป็นปริมณฑลโดยรอบ

43.กระพุ้งพระปรางค์ทั้งสองเคร่งครัดบริบูรณ์

44.กระบอกพระเนตรกว้างและยาวงามพอสมกัน

45.ดวงเนตรกอปรด้วยประสาททั้ง 5 มีขาวเป็นอาทิผ่องใสบริสุทธิ์ทั้งสิ้น

46.ปลายเส้นพระโลมาทั้งหลายมิได้วอมิได้คด

47.พระชิวหามีสัณฐานอันงาม

48.พระชิวหาอ่อนบ่มิได้กระด้าง มีพรรณอันแดงเข้ม

49.พระกรรณ คือ หูทั้งสองมีสัณฐานอันยาวดุจกลีบปทุมชาติ

50.ช่องพระกรรณมีสัณฐานอันกลมงาม

51.ระเบียบพระเส้นทั้งปวงนั้นสละสลวยมิได้หดหู่ในที่อันใดอันหนึ่ง

52.แถวพระเส้นทั้งหลายซ่อนอยู่ในพระมังสะทั้งสิ้น มิได้เป็นคลื่นฟูขึ้นเหมือนสามัญชนทั้งปวง

53.พระเศียรมีสัณฐานอันงามเหมือนฉัตรแก้ว

54.ปริมณฑลพระนลาฏโดยกว้างยาวพอสมกัน

55.พระนลาฏมีสัณฐานอันงาม

56.พระโขนงมีสัณฐานอันงามดุจคันธนูอันโก่ง

57.พระโลมาที่พระโขนงมีเส้นอันละเอียด

58.เส้นพระโลมาที่พระโขนงงอกขึ้นแล้วล้มราบไปโดยลำดับ

59.พระโขนงนั้นใหญ่

60.พระโขนงนั้นยาวสุดหางพระเนตร

61.ผิวพระมังสะละเอียดทั่วทั้งพระวรกาย

62.พระสรีระกายรุ่งเรืองไปด้วยสิริ

63.พระสรีรกายมิได้มัวหมอง ผ่องใสอยู่เป็นนิจ

64.พระสรีรกายสดชื่นดุจดวงดอกปทุมชาติ

65.พระสรีรสัมผัสอ่อนนุ่มสนิท มิได้กระด้างทั่วทั้งพระกาย

66.กลิ่นพระกายหอมฟุ้งดุจกลิ่นสุคนธ์กฤษณา

67.พระโลมามีเส้นเสมอกันทั้งสิ้น

68.พระโลมามีเส้นละเอียดทั่วทั้งพระกาย

69.ลมอัสสาสะปัสสาสะลมหายพระทัยเข้าออกก็เดินละเอียด

70.พระโอษฐ์มีสัณฐานอันงามดุจแย้ม

71.กลิ่นพระโอษฐ์หอมดุจกลิ่นอุบล

72.พระเกสาดำเป็นแสง

73.กลิ่นพระเกสาหอมฟุ้งขจรตลบ

74.พระเกสาหอมดุจกลิ่นโกมลบุปผชาติ

75.พระเกสามีสัณฐานเส้นกลมสลวยทุกเส้น

76.พระเกสาดำสนิททุกเส้น

77.พระเกสากอปรด้วยเส้นอันละเอียด

78.เส้นพระเกสามิได้ยุ่งเหยิง

79.เส้นพระเกสาเวียนเป็นทักขิณาวัฏทุกๆ เส้น

80.วิจิตรไปด้วยระเบียบพระเกตุมาลา คือ จอมกระหม่อม กล่าวคือถ่องแถวแห่งพระรัศมีอัน โชตนาการขึ้น ณ เบื้องบนพระอุตมังคสิโรตม์ คือ กะโหลกศีรษะ หมายความว่า มีรัศมีเปล่งอยู่เหนือพระเศียรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

ทั้งหมดนี้คือ ลักษณะมหาบุรุษทั้ง 32 ประการและอนุพยัญชนะ 80 ประการ ที่เป็นลักษณะเสริมกับลักษณะ 32 ประการ ซึ่งทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความพิเศษจากบุคคลทั่วไปหลายอย่าง ทั้งนี้เพราะเกิดจากการปรุงแต่งด้วยกุศลกรรมทำให้เป็นกายที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นกายที่ใกล้เคียงกับกายธรรมภายในที่เป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรม เป็นกายแห่งมหาบุรุษผู้เพียบพร้อมทั้งสิ้นอย่างแท้จริง

ลักษณะมหาบุรุษ คือ ลักษณะที่สุดยอดกว่าลักษณะทั้งปวง เป็นกายที่ดีที่สุด เป็นกายของผู้รู้ เป็นกายของผู้ที่จะมาตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นลักษณะของการเริ่มต้นความรู้แจ้งในธรรมทั้งปวง เป็นร่างกายที่น่าชื่นชม เป็นกายที่มีเรี่ยวแรงมาก ซึ่งกว่าที่พระองค์จะได้ลักษณะอย่างนี้ ต้องสั่งสมบุญบารมีทุกอย่างมาหลายภพหลายชาติ โดยอย่างน้อยต้องสร้างบารมีมา 20 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งไม่ใช่พรหมลิขิตหรือสวรรค์ลิขิต แต่เกิดขึ้นเพราะบุญทั้งสิ้น บันดาลให้เกิดมาเป็นรูปกาย คือ ลักษณะมหาบุรุษ

 

ดังนั้น พระองค์จึงสั่งสมบุญบารมีมากมาย โดยมีเป้าหมายที่อยากได้กายมหาบุรุษ เพื่อการแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ แล้วนำความรู้นั้นมาสอนสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งมนุษย์และเทวดา เพราะเป็นกายที่เหมาะแก่การตรัสรู้ธรรม มีเรี่ยวแรงมากและยังเป็นกายที่เป็นต้นแบบของมนุษย์ทั้งปวง ทำให้มนุษย์และเทวดา ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายเคารพกราบไหว้บูชา ยังความเลื่อมใสมาสู่ใจของเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนทำได้ ถ้ามีความปรารถนาที่อยากจะได้กายนี้ ก็ต้องรีบสั่งสมบุญบารมีให้มากๆ ตั้งแต่วันนี้ แล้วในอนาคตไม่ไกล เราก็มีโอกาสจะทำได้กายมหาบุรุษอย่างแน่นอน โดยตั้งแต่ยุคต้นกำเนิด มนุษย์ทุกคนก็มีกายมหาบุรุษนี้เหมือนกันทุกคน แต่ด้วยอำนาจของกิเลส อันได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ ทำให้กายของมนุษย์ที่สมบูรณ์ถูกทำลายไป เปลี่ยนรูปไปอย่างมากจนแทบจะไม่เหลือกายมหาบุรุษให้เห็นกัน ฉะนั้นถ้าใครปรารถนาที่จะได้กายนี้ ก็เร่งสั่งสมบุญอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงกระทำมาแล้วในอดีต จนสำเร็จสมปรารถนาได้ในที่สุด อย่าได้ว่างเว้นจากการสร้างความดี ให้ทำบุญทุกบุญแล้วชักชวนผู้อื่นเป็นแสงสว่างให้กับชาวโลกให้เต็มที่กันทุกคน

 

บทสรุป

การที่บุคคลใดมีความปรารถนาที่จะสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ต้องสั่งสมบารมีอย่างยาวนานหลายชาติ จนกว่าบารมีจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ก็จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการที่บารมีจะเต็มบริบูรณ์ได้นั้น ขึ้นอยู่กับว่า ได้บำเพ็ญบารมีครบทั้ง 10 ประการครบถ้วนสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ซึ่งบารมีทั้ง 10 ประการ หรือที่เรียกว่า พุทธการกธรรม เป็นสิ่งที่ขัดเกลาให้พระองค์มีลักษณะนิสัยที่ดีเกิดขึ้นในตัว ที่จะทำให้พระองค์มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่มีวันที่จะถอยหลังกลับ ที่จะสร้างบารมีต่อไป เพราะพระองค์ได้ปลูกฝังนิสัยที่ดีเอาไว้อย่างมากมายหลายประการ จึงทำให้พระองค์ไม่ต้องไปเสียเวลาในการสร้างบารมีมากเกินความจำเป็น จะได้มีเวลาได้สร้างบารมีให้แก่รอบเต็มที่อย่างรวดเร็ว จนกว่าจะสำเร็จสมความปรารถนา

ด้วยเหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้สั่งสมบารมีครบถ้วนสมบูรณ์ จึงทำให้พระองค์มีนิสัยที่ดีเกิดขึ้นกับพระองค์เอง จนเรียกได้ว่า มีความสมบูรณ์พร้อมในด้านคุณธรรม และมีลักษณะนิสัยที่รักในการสร้างบารมีหรือที่เรียกว่า อัธยาศัย เกิดขึ้นในใจของพระองค์ พระองค์จึงมีความเป็นต้นแบบในการสร้างบารมี ที่รักการสร้างบารมียิ่งกว่าชีวิต แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อให้ได้มาซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณก็ยอม นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีนิสัยที่ดีรักในการสร้างบารมี เพื่อการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และได้มุ่งมั่นตั้งใจ เพียรพยายามอย่างยิ่งยวด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ถ้ายังไม่มีคุณสมบัติทั้ง 8 ข้อ ที่เรียกว่า ธรรม-สโมธาน ก็ไม่อาจที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะมีความตั้งใจเพียงใด ก็คงต้องสร้างบารมีต่อไป ปลูกฝังนิสัยที่ดี จนกว่าจะพร้อมด้วยคุณสมบัติทั้ง 8 ประการ เมื่อนั้นก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน

 

ด้วยเหตุนี้ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์สร้างบารมีกันมาอย่างยาวนาน และถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติตลอดจนคุณธรรมที่จะทำให้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยบุญบารมีที่มากมายที่สั่งสมมาตลอดเส้นทางในการสร้างบารมี ก็ทำให้ได้ลักษณะของกายที่สมบูรณ์ที่สุด สวยงามเหมาะสมกับตำแหน่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นต้นบุญต้นแบบของสรรพสัตว์ตลอดทั่วทั้งภพ 3 ซึ่งทำให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่เคารพ ศรัทธา เทิดทูนบูชา บุคคลใดเมื่อพบเจอก็เกิดจิตเลื่อมใสหาได้มีจิตปฏิพัทธ์ไม่ พระองค์จึงเป็นเอกบุคคลที่ไม่มีบุคคลใดทั่วทั้งภพ 3 เสมอเหมือนได้

การสร้างบารมีจึงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องสร้างกันทุกๆ วัน โดยไม่ให้มีการว่างเว้น ตั้งแต่การทำทานเรื่อยไปในทุกๆ บุญที่จะต้องสั่งสมกัน เนื่องจากเวลาที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้นั้นน้อยนิดมากเสมือนน้ำค้างบนปลายยอดหญ้า เมื่อใดที่ต้องแสงแห่งดวงตะวัน เมื่อนั้นก็ย่อมที่จะเหือดแห้งไป ชีวิตของมนุษย์ก็เช่นกัน มีเวลาแห่งชีวิตอันน้อยนิด ดังเช่นที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “    วันคืนล่วงไปล่วงไป บัดนี้เราทำอะไรอยู่” จึงเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาพิจารณากัน เพราะวันคืนที่ผ่านไปในแต่ละวันนั้น ไม่ได้ผ่านไปเฉยๆ แต่ได้เอาชีวิต คือ อายุ ความแก่ชรา และความเจ็บไข้ นอกจากนี้ยังนำเอาโอกาสที่ดีของเราในแต่ละวันไปอีกด้วย ซึ่งถ้าบุคคลใดต้องอยู่ในความประมาท ก็จะทำให้เสียเวลาของชีวิตไปอย่างน่าเสียดายและยังทำให้ชีวิตที่เกิดในแต่ละชาตินั้นหมดคุณค่าไป

 

เพราะฉะนั้น การเกิดมาเป็นมนุษย์ก็มาเพื่อการมาสร้างบารมี การเกิดมาเป็นมนุษย์จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างบารมี ซึ่งเมื่อใดที่เราเข้าใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ ก็จะทำให้อยากสร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงควรทุ่มเทสร้างความดีอย่างไม่หยุดยั้ง ก็จะได้ชื่อว่า เกิดมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ได้กระทำสิ่งที่แท้จริงของชีวิตในการเกิดมา คือ การสร้างบารมี เฉกเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อครั้งที่ยังคงสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ ก็ได้สร้างบารมีในทุกชาติที่เกิดมา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน เริ่มตั้งแต่ชาติแรกที่มีความคิดที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายไปพระนิพพาน พร้อมกับพระองค์

ดังนั้น เมื่อได้โอกาสที่ดี คือ การเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ควรที่จะเร่งสร้างบารมีกันอย่างยิ่งยวด อย่าเอาแต่ทำมาหากินหรือหาความสุขกันเพียงแต่ภายนอกเท่านั้น แต่ควรที่จะเอาเวลาของชีวิตมาสร้างบารมีสั่งสมความดีทุกอย่าง โดยหาโอกาสทุกวันทุกเวลาที่จะสร้างบารมีทำความดีให้ได้ตลอดชีวิต แล้วการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็จะไม่เสียเวลาไปเปล่า ทุกลมหายใจเข้าออกก็จะมีความสำคัญกับตัวเรามากและมีคุณค่าอย่างแท้จริง

-------------------------------------------------------------------

14) ลักขณสูตร, ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค, มก. เล่ม 16 หน้า 1.

GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0047532478968302 Mins