การบริหารพลังภายใน
พลังภายในเป็นพลังงานที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนชีวิต เพื่อเอาชนะอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ ตลอดเส้นทางอันยาวไกลในวัฏสงสาร หากเรามีความรู้ในการบริหารพลังภายในเราก็จะขับเคลื่อนชีวิตไปได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยโดยไม่ต้องหวั่นว่าชีวิตจะเกิดวิกฤติพลังงาน
การบริหารพลังภายในประกอบด้วยหลัก 4 ประการคือ
ประการที่ 1 หมั่นเอาใจจรดที่ศูนย์กลางกาย แหล่งแห่งพลังภายในอยู่ที่ศูนย์กลางกายของทุกคนและเมื่อใดก็ตามที่เอาใจมาจรดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย เมื่อนั้นกำลังใจจะบังเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ยิ่งถ้าเรามีการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ พลังใจของเราก็จะเพิ่มพูนตลอดเวลา กำลังบุญก็ยิ่งหนุนส่ง จะหยิบจับอะไรก็สำเร็จราบรื่นด้วยดี ในทางตรงกันข้ามถ้าห่างเหินการปฏิบัติธรรมพลังงานภายในก็จะลดลงเหมือนแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานโดยไม่มีการชาร์จไฟเพิ่ม ชีวิตของเราก็เช่นกัน ยิ่งเราเหน็ดเหนื่อยเพียงใดยิ่งต้องหมั่นปฏิบัติธรรม เอาใจเข้าถึงแหล่งพลังภายในที่ซึ่งสามารถจ่ายพลังงานให้เราใช้อย่างไม่มีวันหมด
ประการที่ 2 เราจะต้องมีเป้าหมายในชีวิต เป้าหมายชีวิตเป็นสิทธิส่วนบุคคล ที่ทุกคนสามารถกำหนดได้ตามแต่ใจปรารถนา แต่การที่คนเราจะสามารถตั้งเป้าหมายชีวิตได้อย่างถูกต้อง และมีคุณค่านั้นจะต้องอาศัยความรู้ในทางพระพุทธศาสนาที่สอนถึงเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตเมื่อใดก็ตามที่คนเราสามารถตั้งเป้าหมาย ที่เรามีความปรารถนาอันแรงกล้า ที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ เมื่อนั้นพลังใจของเราจะกล้าแกร่ง พร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรคยิ่งถ้าเป็นเป้าหมายที่สูงส่ง นึกถึงครั้งใด ก็จะมีปีติหล่อเลี้ยงใจ ให้มีพลังสดชื่นเบิกบาน และถ้าเป้าหมายนั้นได้รับการตอกย้ำจนปรากฏเป็นภาพที่ชัดเจนเมื่อใด เมื่อนั้นใจก็จะมีพลัง ไม่หวั่นไหว คนที่มีเป้าหมายชีวิต จึงมีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยพลังเห็นถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ และเห็นถึงคุณค่าของตนเอง ซึ่งตรงข้ามกับคนที่ไม่มีเป้าหมาย ที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปอย่างน่าเสียดาย และที่อันตรายที่สุดก็คือ ในยามที่ต้องประสบกับปัญหาอุปสรรค พลังภายในที่มีอยู่น้อยนิดนั้นก็จะยิ่งอ่อนล้าลงไปยิ่งมองไม่เห็นคุณค่าของตนเอง ไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็อาจคิดสั้น ตัดสินใจลาจากโลกนี้ไปอย่างน่าสลดใจ
การมีเป้าหมายไม่เพียงแต่มีผลในชีวิตของแต่ละคน แต่ยังมีผลต่อส่วนรวมด้วย ในสังคมใดที่ผู้คนตั้งเป้าหมายร่วมกันสังคมนั้นก็จะเป็นสังคมที่มีพลังขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโต พัฒนาเพราะมีเส้นชัยที่ท้าทายรออยู่ข้างหน้าร่วมกันส่วนสังคมใดที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย สังคมนั้นก็จะอ่อนแอ
ดังเช่นประเทศที่มีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจมักเกิดปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง กล่าวคือ ในช่วงก่อนที่เศรษฐกิจของประเทศจะพัฒนาประชาชนยังลำบากยากจนผู้คนจะตั้งใจทำมาหากินเพื่อให้มีปัจจัย 4 มาหล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งยังมีเป้าหมายพัฒนาตนเองให้มีความเจริญก้าวหน้า และพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น แต่ครั้นมาถึงยุคที่เศรษฐกิจดีขึ้น เจริญขึ้นแล้ว พลังชีวิตของคนกลับลดลงดังเช่นประเทศสหรัฐอเมริกาช่วงหลังสงครามโลก ระบบเศรษฐกิจเจริญขึ้นจนเป็นอันดับหนึ่งของโลก ผู้คนมีชีวิตที่พรั่งพร้อมสะดวกสบายทางวัตถุ แต่กลับไม่ค่อยมีความสุข หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าจะนำพาชีวิตตนเองไปทางไหน ในคนรุ่นหลังก็ยิ่งเคว้งคว้างจนนำไปสู่การเกิดขบานการฮิปปี้ หรือที่เรียกเก๋ๆว่าบุปผาชน คือกลุ่มคนที่พากันใช้ชีวิตอิสระไม่แคร์สังคม ปล่อยผมยาวรุงรัง ทั้งปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการแสวงหาความสุขและความหมายของชีวิตอย่างผิดๆ ดังที่มีหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่หันเข้าหายาเสพติด จนกลายเป็นปัญหาของสังคมอย่างมาก แม้ประเทศชาติจะมีความเจริญทางเศรษฐกิจ แต่ถ้าประชาชนขาดความรู้ในเรื่องเป้าหมายชีวิต สังคมก็จะอ่อนแอ การพัฒนาเศรษฐกิจกับจิตใจจึงต้องไปด้วยกัน
ดังนั้นความรู้ในเรื่องเป้าหมายชีวิตจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งแม้บางคนจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิตมากมายนัก แต่ถ้าหากว่าได้ตั้งเป้าหมายชีวิต คิดได้ว่าตนเองอยู่เพื่ออะไร ก็ยังมีพลังใจสูงกว่าคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตเลย ขณะเดียวกันคนที่หยั่งรู้ถึงเป้าหมายชีวิตของตน จนสามารถตั้งเป้าหมายข้ามภพข้ามชาติ ทั้งเป้าหมายชาตินี้ เป้าหมายชาติหน้า และเป้าหมายอย่างยิ่ง คือการหมดกิเลสเข้าพระนิพพาน ก็จะยิ่งเป็นผู้มีพลังใจสูงส่งอย่างยิ่ง
ประการที่ 3 เราต้องเพิ่มปัจจัยด้านบวก การเพิ่มปัจจัยด้านบวกมีอยู่มากมายหลายวิธี เช่นการมีกัลยาณมิตรเป็นต้น แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงปัจจัยด้านบวกที่อาจถูกมองข้ามไป นั่นคือการเพิ่มพลังภายในด้วยการสร้างความสำเร็จแม้ในงานเล็กๆน้อยๆ เพราะทุกๆครั้งที่ความสำเร็จเกิดขึ้น จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นความภาคภูมิใจ ซึ่งก็คือพลังภายในที่เพิ่มพูนขึ้นนั่นเอง เมื่องานชิ้นหนึ่งสำเร็จ จึงมีผลต่อเนื่องถึงความสำเร็จในงานชิ้นอื่นด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเราทำงานอะไรก็ตาม จะเป็นงานเล็กงานใหญ่ขอให้ใส่ใจทำให้ดีที่สุด อย่าดูเบา อย่าประมาท เพียรทำให้สำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกท้อแท้หรือพลังภายในลดลงขอให้เราแข็งใจทำงานสักชิ้นหนึ่งให้สำเร็จให้ได้ แล้วผลงานชิ้นเล็กๆนั้นจะช่วยจุดประกายความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา ยิ่งถ้าเราปรารถนาความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ยิ่งต้องหมั่นเพิ่มพูนพลังภายใน ด้วยการสั่งสมความสำเร็จในทุกๆชิ้นงาน สั่งสมจนเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง ดังพญาราชสีห์ซึ่งเป็นเจ้าแห่งสัตว์ทั้งหลาย เมื่อจะตะปบสัตว์ใหญ่เช่นช้างก็จะตะปบด้วยความระมัดระวัง เมื่อตะปบสัตว์เล็กเช่นกระต่าย ก็ตะปบด้วยความระมัดระวังเช่นกัน กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เป็นสัตว์ที่ล่าได้โดยยากหรือง่าย พญาราชสีห์ก็จะล่าเหยื่อด้วยความระมัดระวังทั้งสิ้น นี่คือวิสัยของพญาราชสีห์ เราเองก็เช่นกัน จะทำงานชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ สำคัญมากน้อยเพียงใด ก็ขอให้ทำด้วยความไม่ประมาท ด้วยความใส่ใจ สุขุมรอบคอบ แล้วความสำเร็จที่เกิดขึ้น จะเพิ่มพูนความเชื่อมั่น จนกระทั่งเราทุกคนเป็นเสมือนหนึ่งพญาราชสีห์ผู้องอาจสามารถ ด้วยพลังภายในเต็มเปี่ยม
ประการที่ 4 เราต้องขจัดความคิดด้านลบที่บั่นทอนพลังในตัวเรา เวลาที่เรามีความคิดด้านลบ เช่น คิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม เราจะรู้สึกน้อยใจ เซ็ง เครียด เบื่อ กลุ้ม แสดงว่า เกิดกระบวนการบั่นทอนพลังในตัวเราแล้ว สังเกตได้จากเราจะรู้สึกหมดแรง ไม่อยากจะทำอะไร แม้เป็นคนดีมีความสามารถ แต่ถ้าปล่อยให้ความคิดด้านลบเข้าครอบงำก็ยากที่จะพบความสุขและความสำเร็จในชีวิต ส่วนการขจัดความคิดด้านลบควรทำอย่างไรนั้น ขอให้เราดูแบบอย่างจากบุคคลผู้เป็นเลิศในการบริหารพลังภายใน คือคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
คุณยายอาจารย์มีเป้าหมายที่จะศึกษาธรรมปฏิบัติอย่างจริงจัง ท่านจึงเพียรพยายามที่จะหาทางให้ได้ไปยังวัดปากน้ำภาษีเจริญในที่สุดท่านก็มีโอกาสได้ไปกราบมหาปูชนียาจารย์ คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี ( สด จนฺทสโร ) ซึ่งครั้งนั้นพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้บอกกับคุณยายว่า “ เอ็งมาช้าไป ” แล้วสั่งให้คุณยายเข้าไปปฏิบัติธรรมในสถานที่ปฏิบัติธรรมขั้นสูงที่เรียกกันว่า “ โรงงานทำวิชชา ” ในทันที เพราะพระเดชพระคุณหลวงปู่ทราบดีว่า คุณยายมีบุญบารมีมาก และการที่ท่านบอกว่าคุณยายมาช้า ก็เป็นเพราะท่านรออยู่นั่นเอง
โดยปกติ การที่จะเข้าไปศึกษาธรรมปฏิบัติขั้นสูงในโรงงานทำวิชชานั้น จะต้องผ่านกระบวนการฝึกฝนและทดสอบธรรมปฏิบัติครั้งแล้วครั้งเล่า จึงจะผ่านเข้าไปได้ การที่คุณยายสามารถเข้าสู่โรงงานทำวิชชาโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนใดๆ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ที่มาอยู่ก่อนอย่างมาก จึงเป็นเหตุให้คุณยายไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนัก นับตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านได้รับ ไปจนถึงอากัปกิริยาที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อท่าน
ในส่วนของที่พัก ท่านได้รับเตียงนอนขาเกที่เก่าจวนพังท่านก็ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม จนแม้ใต้เตียงก็สะอาดเกลี้ยงแล้วท่านก็หาไม้มาประกบขาเตียง ซ่อมแซมจนสามารถใช้การได้ เครื่องนอนที่ท่านได้รับก็ทั้งเก่าทั้งสกปรก แม้ซ่อมแซมทำความสะอาดแล้วก็ยังเต็มไปด้วยตัวเรือดที่คอยออกมากัดอยู่ทุกคืน ท่านก็อาศัยไฟจากแสงเทียนไข ค่อยๆเก็บตัวเรือดใส่กระป๋องนมไว้ แล้วนำไปปล่อยในตอนเช้า ท่านทำอย่างนี้ทุกวันจนตัวเรือดหมดไป มุ้งเก่าขาดท่านก็หาผ้ามาปะ จนเมื่อปะได้ครบทุกรู ก็มองหาเนื้อมุ้งเดิมแทบไม่เจอ แต่เมื่อให้กันยุงได้ท่านก็ถือว่าแก้ปัญหาได้แล้ว
แม้ในเวลารับประทานอาหาร แม่ครัวจะตักข้าวใส่จานวาง กระแทกกับโต๊ะแล้วเสือกไสให้คุณยายก็รับด้วยอาการปกติพิจารณาอาหารนั้นว่า เป็นอาหารที่ได้รับจากความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงปู่ จะรับประทานเพื่อให้มีกำลังปฏิบัติธรรมศึกษาวิชชารับใช้พระศาสนาและพระเดชพระคุณหลวงปู่
ด้วยคุณธรรมของคุณยายในที่สุดท่านก็ได้รับการยอมรับนับถือจากทุกๆคน และแม้เตียงพักของท่านก็เป็นที่ที่ทุกคนมักจะแวะเวียนมานั่งพักเล่น เพราะชอบในความสะอาดตาสะอาดใจ และรักในคุณธรรมของคุณยายนั่นเองมักจะมีผู้ถามคุณยายเสมอว่า ท่านผ่านเรื่องราวนั้นมาได้อย่างไรโดยที่ยังสามารถรักษาใจให้ผ่องใส และมีผลการปฏิบัติธรรม ก้าวหน้าอย่างยิ่ง คำตอบของท่านก็คือ ยายไม่คิดอะไร นี่คือสูตรสำเร็จอันล้ำค่าที่ยายได้มอบให้กับเรา
ความคิดลบๆนั้นยิ่งมากพลังใจก็ยิ่งลดลง ยิ่งน้อยอกน้อยใจ เศร้าโศกเสียใจ พลังใจก็ลดลงไปเรื่อยๆ แต่สำหรับคุณยาย ยายไม่คิดอะไร เท่านั้นเอง ท่านก็สามารถตัดปัจจัยด้านลบออกไปทันที จึงไม่มีสิ่งใดที่จะบั่นทอนพลังภายในของท่านได้เลยสูตรสำเร็จในการป้องกันปัจจัยด้านลบของคุณยายก็คือ ยายไม่คิดอะไร จึงมีประสิทธิภาพยิ่ง ขอเพียงเราน้อมนำไปฝึกฝน ก็จะใช้ได้อย่างชำนาญ และใช้ได้ทันทีที่ความคิดลบนั้นเข้ามาในใจ แล้วเราก็จะเป็นผู้มีกำลังใจเข้มแข็ง สมกับเป็นลูกหลานของคุณยาย
ในการขับเคลื่อนชีวิตไปสู่เป้าหมาย ขอให้ยึดหลักวิธีบริหารพลังภายใน 4 ข้อ ดังกล่าวแล้วคือ
1. นำใจเราเข้าสู่แหล่งแห่งพลังภายใน คือหมั่นนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม
2. มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ตระหนักในคุณค่าของตนเอง
3. เพิ่มปัจจัยด้านบวก เช่นการทำงานทุกอย่างให้สำเร็จ ด้วยความสุขุมรอบคอบไม่ประมาท
4. ขจัดความคิดด้านลบด้วยสูตรสำเร็จ ยายไม่คิดอะไร ให้ทุกคนสามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆได้จนถึงจุดหมาย ด้วยพลังภายในอันไม่มีประมาณ
----------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ " ทันโลกทันธรรม 4 "
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ