ฮวงจุ้ย
ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ของชาวจีนที่สืบทอดกันมาช้านาน ว่าด้วยเรื่องของการจัดอาคารสถานที่ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุข และความเป็นสิริมงคล แม้ว่าในปัจจุบัน ชาวจีนจะละลดความเชื่อถือในศาสตร์ฮวงจุ้ยลงไปมาก เนื่องจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้พยายามล้มล้างวัฒนธรรมความเชื่อเก่าๆ ของประชาชนภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่น่าแปลกที่ว่า ชาวตะวันตกซึ่งเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ กลับหันมาสนใจเรื่องของฮวงจุ้ยอย่างมาก แม้แต่บุคคลระดับผู้นำ เช่น บิลคลินตัน เมื่อเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยังได้จัดหาซินแสผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย มายังทำเนียบขาวเพื่อมาจัดโอวอลออฟฟิศ ซึ่งเป็นห้องทำงานของประธานาธิบดีให้ถูกหลักฮวงจุ้ย
แท้จริงแล้วเรื่องของฮวงจุ้ยน่าเชื่อถือหรือไม่ และมีผลต่อชีวิตของคนเราอย่างไร
คำว่า ฮวงจุ้ย เป็นภาษาแต้จิ๋ว
ฮวง แปลว่า ลม
จุ้ย แปลว่า น้ำ
อาจกล่าวได้ว่าฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของพลังธรรมชาติ ที่สัมพันธ์กับการจัดอาคารสถานที่ โดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งทางด้านกายภาพ และด้านอารมณ์ความรู้สึก ในด้านกายภาพนั้น หลักฮวงจุ้ยจะให้ความสำคัญต่อทิศทางของพลังต่างๆ เช่น ทิศทางลม ทิศทางแสงแดดเป็นต้น เช่น ในประเทศไทยถ้าสร้างบ้านที่มีระเบียงหันหน้าไปทางทิศใต้ ตามหลักฮวงจุ้ยจะถือว่าไม่ค่อยเหมาะ เพราะจะถูกแสงแดดส่องตลอดวัน เนื่องจากประเทศไทยอยู่ทางซีกโลกด้านเหนือ เส้นทางโคจรของพระอาทิตย์จากตะวันออกไปตะวันตก จึงค่อนไปทางทิศใต้ แต่ถ้าสร้างบ้านที่มีระเบียงหันไปทางทิศเหนือ ตัวอาคารจะช่วยบังแดดให้ กับระเบียง ส่งผลให้มีความร่มเย็น สามารถนั่งเล่นที่ระเบียงได้ทั้งวัน จึงจัดว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดี
ส่วนในเรื่องทิศทางลมนั้น ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน ในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน ลมจะพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ จากแถบมหาสมุทรอินเดีย ในทิศนี้จึงต้องมีหน้าต่างคอยรับลม บ้านจึงจะมีความเย็นสบาย ตรงข้ามหากไปสร้างห้องน้ำไว้ทางทิศนี้ ลมจะพัดพากลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งบ้าน อย่างนี้ผิดหลักฮวงจุ้ย ส่วนในหน้าหนาว ลมจะพัดมาจากแถบไซบีเรียคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ กรณีนี้ไม่ค่อยเกิดปัญหาเท่าใด เพราะอากาศหนาวอยู่แล้ว เราจึงไม่ต้องการลมมากนัก
การสังเกตทิศทางลมเพื่อออกแบบอาคารสถานที่ให้เหมาะสม จะช่วยให้มีกระแสลมเคลื่อนตัวอยู่ในอาคาร เป็นการระบายอากาศให้ปลอดโปร่ง อาคารบ้านเรือนที่ออกแบบถูกหลักฮวงจุ้ยย่อมมีความเย็นสบาย ฮวงจุ้ยจึงไม่ใช่ศาสตร์ลี้ลับ แต่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ โดยอาศัยความช่างสังเกต และความเข้าใจในหลักการของพลังงานต่างๆ
นอกจากนี้หลักฮวงจุ้ยยังให้ความสำคัญในเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ดังจะเห็นได้จากการที่ซินแสฮวงจุ้ยทั้งหลายชื่นชอบทำเลที่เรียกว่า “ แชเล้งแปะโฮ่ว ” หรือแปลเป็นไทยว่า “ มังกรเขียวเสือขาว ” แชเล้ง หรือมังกรเขียว หมายถึง การมีภูเขาสีเขียวอยู่ด้านหลัง ส่วนแปะโฮ่วหรือเสือขาวหมายถึงการมีธารน้ำอยู่ด้านหน้า ซึ่งทำเลใดที่มีภูเขาอยู่ด้านหลังและมีธารน้ำอยู่ด้านหน้า จะถือว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยม เพราะการที่หลังพิงภูเขาให้ความรู้สึกมั่นคง ไม่มีวันโยกคลอน ส่วนน้ำที่อยู่ด้านหน้าก็ทำให้เกิดความเย็นสบาย และอุดมสมบูรณ์ ทำเลมังกรเขียวเสือขาว จึงเป็นทำเลที่มีราคาแพงมาก เพราะให้ทั้งความรู้สึกมั่นคงมั่งคั่ง และอยู่เย็นเป็นสุข
ในทางกลับกัน ทำเลที่ไม่ถูกหลักฮวงจุ้ย เช่น ทางสามแพร่ง ก็มีผู้เชื่อว่า จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยเกิดความเจ็บป่วย หรือไม่ค่อยมีความเจริญก้าวหน้า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผู้ที่มีบ้านอยู่บริเวณทางสามแพร่งนั้นเมื่อมีรถแล่นมา จะรู้สึกเหมือนกับว่ารถพุ่งเข้ามาในบ้าน ซึ่งถ้าเป็นเวลากลางคืนแสงไฟจากรถต่างๆ ก็ส่องเข้ามาในตัวบ้าน ราวกับรถจะพุ่งเข้าชนบ้านอยู่เรื่อยๆ ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้นรู้สึกไม่ปลอดภัย อึดอัดและขาดความเป็นส่วนตัว เหมือนมีใครเอาไฟมาส่องดูตลอดเวลา จนต้องหาวิธีการแก้ไขต่างๆ เช่น ปรับแก้อาคาร ปลูกต้นไม้บัง หรือแม้กระทั่งใช้กระจกสะท้อนพลังต่างๆออกไป
หลักฮวงจุ้ยไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญด้านอารมณ์ ความรู้สึก ที่เกี่ยวข้องกับตัวอาคารเท่านั้น แม้แต่สถานที่โดยรอบเช่น พื้นที่สวน ก็ต้องออกแบบให้สอดคล้องกัน ทั้งการเลือกสรรชนิดของต้นไม้และตำแหน่งที่จะปลูก หากทำได้ดีแม้มีพื้นที่เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างความสุขใจให้กับผู้อยู่อาศัยได้ นอกจากภายนอกอาคารแล้ว ภายในอาคารก็ต้องจัดแต่งให้มีความประสานกลมกลืนกัน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ ผ้าม่าน เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ล้วนสร้างอารมณ์และความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องลี้ลับอีกเช่นกัน สามารถนำความรู้ด้านศิลปะด้านต่างๆ มาใช้ประกอบได้
ดังที่ผู้คนมากมายขวนขวายหาความรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อจัดฮวงจุ้ยอาคารบ้านเรือน ที่จะให้ความสุขกายสุขใจ แต่ใครบ้างจะรู้ว่า ชีวิตจะมีความสุขกายสุขใจได้อย่างแท้จริงนั้น ต้องปฏิบัติให้ถูกหลักฮวงจุ้ยทางพุทธศาสตร์ นับจากภายในสู่ภายนอก
เริ่มจากใจ ซึ่งอยู่ภายยในตัวของเรา ฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดของใจ ก็คือตำแหน่งศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เพราะจุดนี้คือชัยภูมิของใจ เมื่อใจอยู่ในตำแหน่งนี้ทุกอย่างจะดีไปหมด ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูด หรือการกระทำของเรา ถัดมา คือ ตัวของเรา ต้องดูแล้วสบายตาสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นกิริยามารยาทที่เหมาะสม ผมเผ้าหน้าตาสะอาดสะอ้าน การแต่งกายถูกกาลเทศะ อีกทั้งมีรอยยิ้มและอัธยาศัยอันดี
ถัดจากตัวเราออกมาก็คือสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา นับตั้งแต่เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน เราได้จัดสิ่งต่างๆเหล่านี้ตามหลักฮวงจุ้ยหรือไม่ ข้าวของเครื่องใช้เป็นระเบียบเรียบร้อยไหม เพราะถ้าหากโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยเอกสารวางระเกะระกะ แค่มองดูก็เหนื่อนหน่ายหนักใจแล้ว แต่ถ้าเราจัดโต๊ะทำงานให้ถูกหลักฮวงจุ้ยอารมณ์ความรู้สึกของเราก็จะเปลี่ยนไปในทันที นอกจากนี้ขอให้ที่บ้านของเรามีห้องพระ หากว่าที่คับแคบ ไม่สามารถกั้นห้องพระได้ อย่างน้อยก็ขอให้มีหิ้งพระ จัดไว้ในมุมที่เหมาะสม เพื่อให้เราได้สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ นี่คือบ้านที่ถูกหลักฮวงจุ้ย เป็นบ้านแห่งสิริมงคล อยู่แล้วสบายอกสบายใจ มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง
----------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ " ทันโลกทันธรรม 5 "
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ