เกิดบ่อยๆเพื่อให้ได้มรรคผล
ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จบิณฑบาต ณ ที่อยู่ของพราหมณ์ พราหมณ์นั้นไม่มีศรัทธาแต่ก็ใส่บาตร พราหมณ์ใส่บาตรในวันแรกและวันที่สองแล้ว มิได้พูดอะไร พระพุทธองค์ก็มิได้ตรัสอะไรเช่นกัน แต่ในวันที่สามพราหมณ์มิอาจอดกลั้นไว้ได้จึงกล่าวว่า “ พระสมณโคดมนี้ติดในรสอาหาร จึงเสด็จมาบ่อยๆ ”
พระพุทธองค์สดับฟังคำนั้นแล้วจึงตรัสว่า “ ท่านพราหมณ์ ท่านถวายบิณฑบาตเพียง ๓ วัน ยังมีความท้ออยู่ในโลกนี้มีธรรมอยู่๑๖ ประการที่ควรทำบ่อยๆ คือกสิกรย่อมหว่านพืชบ่อยๆ ฝนย่อมตกบ่อยๆ ชาวนาย่อมไถนาบ่อยๆ แว่นแคว้นย่อมบริบูรณ์ด้วยธัญชาติบ่อยๆ ยาจกย่อมขอบ่อยๆ ทานบดีย่อมให้บ่อยๆ ทานบดีย่อมให้บ่อยๆแล้ว ย่อมเข้าถึงสวรรค์บ่อยๆ ผู้ต้องการน้ำนมย่อมรีดนมบ่อยๆ ลูกโคย่อมเข้าหาแม่โคบ่อยๆ บุคคลย่อมลำบากและดิ้นรนบ่อยๆ คนเขลาย่อมเข้าถึงครรภ์บ่อยๆ สัตว์ย่อมเกิดและตายบ่อยๆ บุคคลทั้งหลายย่อมนำซากศพไปป่าช้าบ่อยๆ ส่วนผู้มีปัญญาถึงจะเกิดบ่อยๆ ก็เพื่อได้มรรคแล้วไม่เกิดอีก ”๑
เมื่อพระพุทธองค์ตรัสจบลง พราหมณ์บังเกิดความศรัทธาเลื่อมใส มีความปีติเบิกบานใจ ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต ท่านทานบดีทั้งหลาย แม้บุคคลที่ถวายทานแล้วมีศรัทธาเลื่อมใสในภายหลัง ยังบังเกิดความปีติถึงเพียงนี้ จะกล่าวไปไยถึงบุคคลที่ถวายทานด้วยความเลื่อมใสศรัทธาอยู่ตลอดเวลาเล่า ความปีติย่อมเพิ่มพูนทับทวี ซึ่งความปีติใจนี้เป็นทางมาแห่งบุญ จะคอยเกื้อหนุนให้ประสพแต่สิ่งที่พึงปรารถนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ ผู้ให้ของชอบใจย่อมได้ของชอบใจ ผู้ให้ของดีย่อมได้ของดี ผู้ให้ของเลิศย่อมได้ของเลิศ ผู้ให้ของประเสริฐย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ นรชนใดให้ของดี ให้ของเลิศ และให้ของประเสริฐนรชนนั้นจะไปเกิด ณ ที่ใดๆ ย่อมมีอายุยืน มียศในที่นั้น. ”๒
-----------------------------------------------------------------
๑ อุทัยสูตร มก. ๒๕/๒๖๕, มจ. ๑๕/๒๘๕
๒ มนาปทายีสูตร มก. ๓๖/๑๐๐, มจ. ๒๒/๖๙
หนังสือ " ร่าเริงบันเทิงใจ ด้วยสัมโมทนียกถา เล่ม๑ "
พระไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล และคณะ