ชาดก 500 ชาติ
กักกรชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดเอาตัวรอดได้
ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุหนุ่มศิษย์ของพระสารีบุตรแล้วทรงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ครั้งนั้นมีศิษย์ของพระสารีบุตรรูปหนึ่ง ได้ยินว่าภิกษุรูปนั้นเป็นผู้ฉลาดในการดูแลสุขภาพของตนเอง ไม่ฉันของเย็นจัด ร้อนจัด เพราะเกรงว่าร่างกายจะไม่สบาย
ไม่ออกไปข้างนอกเพราะเกรงว่าร่างกายจะกระทบหนาวและร้อนไม่ฉันจังหันที่แฉะและเป็นท้องเลน “ ท่านนี่ดูแลตนเองดีจริงๆ ” “ สำหรับเราสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ สุขภาพแข็งแรงแบบเราต้องรู้จักดูแลตนเอง ”
ความที่ภิกษุหนุ่มนั้นเป็นผู้ฉลาดในการดูแลรักษาร่างกาย เป็นที่กล่าวถึงในหมู่สงฆ์ด้วยกัน ภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงเรื่องนี้ “ ศิษย์ของพระสารีบุตรรูปนั้น ช่างใส่ใจเรื่องสุขภาพโดยแท้ ”
“ ได้ยินว่าเพราะดูแลร่างกายดีก็เลยไม่อาพาธบ่อยๆ ” “ ฮะๆๆ อย่างท่านคงลำบากหน่อยล่ะ ก็เล่นฉันเลือกนี่น่า ” ระหว่างที่ภิกษุทั้งทั้งหลายสนทนากันในเทวสภานั้น พระศาสดาทรงเสด็จผ่านมาและทรงตรัสถามถึงเรื่องที่สนทนากันอยู่นั้น
“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอันอะไร ” “ พวกเรากำลังคุยถึงเรื่องความฉลาดในการดูแลร่างกายศิษย์พระสารีบุตรอยู่พระเจ้าค่ะ ” “ ภิกษุหนุ่มรูปนี้มิใช่ฉลาดในการรักษาร่างกายในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็เป็นผู้ฉลาดเหมือนกัน ”
พระศาสดาตรัสดังนี้แล้ว ทรงนำเรื่องราวในอดีตมาสาทกดังนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นรุกขเทวดาในป่าใหญ่ ครั้งนั้นมีพรานนกผู้หนึ่งเลี้ยงชีพด้วยการดักไก่ป่า
ในแต่ละวันนายพรานผู้นี้จะนำไก่ของตนไปต่อไก่ป่าเพื่อล่อให้ไก่ป่าติดบ่วง “ ฮ่าๆๆๆ นี่แน่ะ จับได้แล้ว ตัวโตแบบนี้ อิ่มไปหลายมื้อเลยทีเดียว ” ในบรรดาไก่ที่ใช้ในการต่อไก่ของนายพรานนั้น มีไก่ตัวหนึ่ง เป็นไก่ที่ฉลาด มันจดจำการวางกับดักของนายพรานไว้ได้ทั้งหมด
“ วันนี้ข้าโชคดีจริงๆ ได้ไก่มาหลายตัวเลย ” “ หึๆๆๆ บ่วงแร้วและวิธีการจับดักของนายพราน ข้าจำได้หมดแล้ว ทีนี้ก็รอเวลาแค่การหนีเท่านั้น ” วันหนึ่งขณะที่พรานผู้นี้ กำลังนำไก่ของตนมาต่อไก่ป่าอยู่นั้น ไก่แสนรู้ของนายพราน ได้โอกาสก็ดิ้นหลุดจากมือนายพรานหนีไปได้
“ ทางสะดวกแล้ว เสร็จไก่ล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ” “ เฮ เจ้าไก่ หยุดนะ อย่าหนีนะ กลับมานี่น่ะ ” “ เฮ้ย กลับให้ก็โง่นะสิ ข้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว ” “ หนอย หลุดไปซะได้ ไก่ป่าก็ไม่ได้ ไก่ที่เอามาก็ดันหนีไปอีก แหม นายพรานเซ็งไก่ ” วันต่อมา นายพรานก็นำไก่อีกตัวมา เพื่อดักไก่ของตนที่หลุดหนีไปได้เมื่อวันก่อน
เมื่อวางบ่วงและแร้วเป็นกับดักแล้ว ก็แอบซุ้มอยู่ “ คอยดูเถอะ จับได้ละน่าดู ” “ ฮ่าๆๆ มีความสุขจริงๆ อิสระนอกสุ่มไก่เนี่ย มันดีอย่างนี้นี่เอง ” เจ้าไก่นั้นรู้ทันกลลวง ด้วยคุ้นเคยกับบ่วงของนายพรานเป็นอย่างดี นอกจากมันจะไม่ยอมเข้าไปติดบ่วงแล้ว มันยังถอยหนีไปเรื่อยๆ
“ เฮ้ย มามุขเก่าแบบนี้ไก่ รู้ทันหรอกน่า ” “ หนอย เจ้าไก่นี่ ไม่ยอมเข้ามาซะที แถมยังเดินหนีห่างออกไปซะอีก ” “ เอ้าตามมา ตามเข้ามา อยากได้ไก่ก็ต้องตามไก่สิ ” เมื่อไม่สามารถล่อให้ไก่เข้ามาติดบ่วงได้ นายพรานจึงเอากิ่งไม้และใบไม้คลุมกำบังตนไว้ แล้วค่อยๆ เลื่อนคันแร้วและบ่วงตามไปด้วย
“ คราวนี้ล่ะ เสร็จข้าแน่ ” “ ลงทุนขนาดนี้เลยหรือเนี่ย ดีเหมือนกัน มาดูซิว่า คนกับไก่ ใครฉลาดกว่ากัน ” “ มามะ มาๆๆๆ เข้ามาสิเข้ามา กุ๊กๆๆๆ เฮ้ยอย่าไปทางนั้นสิ เข้ามาๆ ” “ นายพรานนี่คิดว่าข้าโง่หรือยังไง หนอย แบบนี้ต้องเดินล่อให้เหนื่อย ”
นายพรานถือคันแร้วและบ่วงตามไก่จนเหนื่อยก็หยุดพัก เมื่อไก่เห็นนายพรานหยุดตาม ก็คิดให้นายพรานเกิดความละอายใจ จึงพูดภาษามนุษย์ให้ได้ยิน “ เหนื่อยเลย ไอ้เจ้าไก่บ้า หลอกให้ข้าเดินตามทั้งวัน ไม่ยอมมาติดบ่วงซะที ”
“ นายพรานเอ่ย ต้นหูกวางและสมอพิเภกทั้งหลายในป่า ข้าเคยเห็นมาแล้ว แต่ต้นไม้พวกนั้นไม่มีต้นไหนเดินได้เหมือนท่านเลย เฮอะๆๆๆ ” เมื่อเจ้าไก่พูดจบนายพรานก็เกิดความละอายใจที่ไม่มีปัญญาจะจับไก่ได้ จึงเก็บคันแร้วและบ่วง แล้วเดินหนีจากไป
“ น่าอายจริงๆ ไก่ตัวนี้มันฉลาดเกินปัญญาเราซะแล้ว ไปจับไก่ตัวอื่นดีกว่า เห้ย เซ็งไก่เลย ” “ อ้าวไปซะแล้วเหรอ แหม ถอดใจเร็วจริงๆ ข้าว่าจะเล่นกับท่านอีกสักหน่อยนะเนี่ย ”
พระศาสดาทรงนำพระเทศนานี้แล้ว ทรงประชุมชาดก
พรานในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระเทวทัต
ไก่ กำเนิดเป็น ภิกษุหนุ่มผู้ฉลาดการรักษาร่างกาย
รุกขเทวดา เสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า