อรรถกถา มหิสชาดก
ว่าด้วย ลิงกับควาย
ณ กรุงสาวัตถี มีลิงตัวหนึ่งชอบเข้าไปในโรงเลี้ยงช้างเป็นประจำ มักจะนั่งบนหลัง และถ่ายอุจจาระปัสสาวะเป็นประจำ เนื่องด้วยเจ้าช้างนั้นใจเย็น ไม่ได้ถือสาส่งผลให้เจ้าลิงทำแบบเดิมเรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง มีลูกช้างเข้ามาแทนที่ เจ้าลิงกระโดดขึ้นไปบนช้าง ก่อนจะฉี่ใส่ ผ่านไปไม่นาน "โครมมม" เสียงเหมือนสิ่งของกระทบพื้นดังขึ้น งวงใหญ่คว้าหมับ ก่อนจะเหวี่ยงลงไปบนพื้น ตามด้วยเท้าหน้าเหยียบร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่ปราณี
เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีหมู่พระภิกษุสงฆ์ได้เห็นเข้า ต่อมาถูกยกเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ขึ้น ขณะนั้นพระศาสดาได้เสด็จผ่านมาพอดีแล้วตรัสถามว่า พวกเธอนั่งประชุมกันเรื่องอะไร เมื่อทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ไม่ใช่บัดนี้เท่านั้นในอตีดก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาเล่า
ในอดีตกาล ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในกรุงพาราณสี มีกระบืออยู่ตัวหนึ่ง รูปร่างสง่างาม ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เขายาวโค้งสวยงาม อาศัยอยู่ในป่าเขตหิมวันตะ ควายป่ามักจะท่องเที่ยวไปตามเชิงเขาและป่าทึบเพื่อหาอาหาร จนกระทั้งวันหนึ่งได้เจอต้นไม้ต้นหนึ่งที่อุดมไปด้วย พืชพันธุ์
"โอ้วันนี้เราโชคดีจัง" พร้อมกับปรี่ตรงไปยังเป้าหมาย กินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่ออิ่มแล้ว ควายป่ายังคงยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ
ขณะเดียวกันมีลิงตัวหนึ่งปีนลงจากต้นไม้ แล้วขึ้นไปบนหลังของพระโพธิสัตว์ พร้อมกับเอ่ยทักทาย "โอ้สวัสดีเจ้ากระบือ มาหาของกินแถวนี้หรอ" "ใช่ แล้วทำไมเจ้าถึงขึ้นมาบนหลังข้าล่ะ" "ก็ข้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศดู ไม่ได้หรือ" ควายป่าไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงแค่ยืนเฉย
"เอ้...เจ้านี่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยรึ" เมื่อเห็นดังนั้นจึงเริ่มพูดจากวนประสาท เมื่อไม่มีปฏิกริยาใดๆจากควายตัวนั้น จึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะรด แล้วจับเขาทั้งสองข้างโหนไปมา "ฮ่าๆ สนุกจังเลย เจ้านั้นช่างโง่จริงๆ ยืนเฉยอยู่ได้ ไม่รำคาญบ้างหรอ" แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ เมื่อแกล้งยั่วโมโหไม่สำเร็จ เจ้าลิงแสบนั้น จึงปีนต้นไม้กลับไปเหมือนเดิม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวนซ้ำไปซ้ำมา
จนกระทั่งวันหนึ่ง เทวดาที่สิงอยู่ที่ต้นไม้ ทนดูไม่ได้ถึงกับเอ่ยปาก "ดูก่อนพระยากระบือ เพราะเหตุไร ท่านจึงอดกลั้นการดูหมิ่นของลิงชั่วนี้ได้ ข้าผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดยังทนต่อการกระทำเช่นนี้ ไม่ได้เลย เจ้าลิงนั่นกลับกลอก ประทุษร้ายมิตร ท่านกำจัดเจ้านั่นเถิด ถ้าไม่ทำเช่นนี้ ก็จะถูกเบียดเบียนร่ำไป"
"ท่านรุกขเทวดา ถ้าเราจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าลิงตัวนี้ ถ้าไม่อดกลั้นโทษของลิงตัวนี้ไซร้ ความปรารถนาของเราจักถึงความสำเร็จได้อย่างไร"
เมื่อรุกขเทวดาได้ยินคำตอบของพระโพธิสัตว์แล้ว ถึงกับเกิดความนับถือใน พระยากระบือนี้
๒-๓ วันต่อมา มีกระบือตัวใหม่มายืนอยู่ที่โคนไม้ต้นนี้ เจ้าลิงชั่วเคยตัวกระโดดขึ้นหลังควายตัวนั้นพร้อมเอ่ยทักทาย "ฮ่าๆ มาอีกแล้วหรือเตรียมตัวให้ดี ข้าจะฉี่ใส่เจ้าแล้วนะ" ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะทำธุระเสร็จ "ตุ๊บ" เสียงเหมือนอะไรตกมาที่พื้นอย่างรุนแรง "โอ้ย ข้าเจ็บนะ" เจ้าลิงยังไม่ทั้นจะตั้งตัว กระบือตัวนั้นวิ่งเข้าหาอย่างเต็มแรง เขายาวเเทงเข้าไปที่ท้องพร้อมกับกระชากออกอย่างรุนแรง "อ้ากกก" เสียงร้องด้วยดวามเจ็บปวดดังลั่น พร้อมกับเลือดสีสาดกระเซ็นตามแรงกระบือ เปื้อนไปทั่ว "เจ้าลิงชั่ว" กีบเท้าที่แข็งแรงกระทืบไปที่ร่าง "ป้าบบบๆๆๆ" เสียงกระทืบพื้น ดังขึ้นเป็นจังหวะ เศษเนื้อกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
"เฮ้อ...ไม่น่าเลย" รุกขเทวดาที่อยู่ใกล้ ใช้มือทั้งสองข้างปิดตาพร้อมกับ แง้มมือออกเล็กน้อย เพื่อดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า "ซวยๆเจ้าลิงเฮ้ย" ตายเพราะนิสัยตัวเองแท้ๆ
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย แล้วทรงประชุมชาดกว่า
กระบือดุร้ายในครั้งนั้น ได้เป็น ช้างดุร้ายตัวนี้ในบัดนี้
ลิงชั่วช้าในครั้งนั้น ได้เป็น ลิงตัวนี้ ในบัดนี้
ส่วนพระยากระบือในครั้งนั้น คือ เราตถาคต ฉะนี้แล.