อรรถกถา อัฏฐานชาดก
ว่าด้วย สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ณ พระวิหารเชตวัน วันหนึ่งพระศาสดาได้ตรัสกับภิกษุผู้กระสันรูปหนึ่งว่า ดูก่อนภิกษุนั้นว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า "เธออยากจะสึกจริงๆใช่ไหม?" "จริงพระเจ้าข้า" "เพราะเหตุไร?" "เพราะอำนาจกิเลส พระเจ้าข้า"
"ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่า มาตุคามมักอกตัญญู ประทุษร้ายมิตร ไม่น่าไว้วางใจ บัณฑิตทั้งหลายในครั้งก่อน แม้ให้ทรัพย์วันละพัน ก็ไม่สามารถจะให้มาตุคามยินดีได้ นางนั้นพอไม่ได้ทรัพย์พันหนึ่งเพียงวันเดียวเท่านั้น ก็ได้ให้คนลากคอบัณฑิตเหล่านั้นไปเสีย มาตุคามไม่รู้คุณคนอย่างนี้ เธออย่าตกอยู่ในอำนาจกิเลส เพราะเหตุมาตุคามนั้น ดังนี้แล้ว" ได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี พระโอรสของพระองค์มีพระนามว่าพรหมทัตกุมาร และบุตรของเศรษฐีพระนครพาราณสี มีชื่อว่ามหาธนกุมาร กุมารทั้งสองเป็นสหายกันมาแต่เล็กๆ เรียนศิลปะในตระกูลอาจารย์เดียวกัน จนกระทั่งพรหมทัตกุมารได้ครองราชสมบัติ เมื่อพระราชบิดาสวรรคต บุตรเศรษฐีนั้นได้อยู่ในราชสำนัก
ซึ่งลูกของเศรษฐีผู้นั้น ชอบเข้าไปหาผู้หญิงนางหนึ่ง ซึ่งอยู่ในนครโสเภณี มีรูปร่างสะโอดสะอง ผิวขาวเนียน ความงามของเธอนั้นทำให้ลูกเศรษฐีหลงใหลให้ทรัพย์แก่เธอวันละหนึ่งพัน นอกจากนั้นก็มักจะอยู่กับเธอทุกวัน จนกระทั่งหลายปีผ่านไป เมื่อพ่อได้ตายลงเศรษฐีท่านนั้นก็ไม่ทิ้งนางไป คงยังให้ทรัพย์วันละพันเฉกเช่นวันแรกที่ได้รู้จักกัน
อยู่มาวันหนึ่ง ท่านเศรษฐีได้เข้าเฝ้าพระราชา ทั้งสองพูดคุยกันจนกระทั่งค่ำ ครั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ท่านเศรษฐีเดินออกมาจากพระราชวัง มีความคิดว่าจะไปหานางที่นครโสเพณี แต่ว่าเวลาไม่พอที่จะเดินทางกลับบ้านไปเอาเงิน เลยให้บ่าวของตนเดินทางไปเอาเงินแล้วค่อยตามมา ส่วนตนนั้นเดินทางตรงยังเรือนของหญิงสาวทันที
"ก๊อกๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงนครโสเภณีเห็นท่านเศรษฐีเข้า แล้วกล่าวว่า "ท่านนำทรัพย์พันหนึ่งมาหรือเปล่า?" เศรษฐีกล่าวว่า " วันนี้พี่ไม่ได้เอามา พอดีพูดคุยกับพระราชานานไปหน่อย กว่าจะเสร็จก็มืดแล้ว แต่พี่ให้บ่าวเข้าไปเอาเงินมาแล้วนะ เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ให้ สองพันเลยก็ได้"
หญิงสาวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พลันความคิดแว๊บขึ้นมากระทันหัน "ถ้าวันนี้เราให้โอกาสชายผู้นี้คงจะได้ใจ วันอื่นคงจะมามือเปล่าแน่ๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว" จึงกล่าวกับบุตรเศรษฐีว่า "ท่านพี่เจ้าขาไม่ได้หรอก น้องนั้นคือ นางวรรณทาสี แห่งนครโสเพณีซึ่งตามกฎเเล้ว ผู้ที่จะมาใช้บริการจะต้องจ่ายเงิน แล้ววันนี้พี่มามือเปล่าหยอกเย้าน้องเช่นนี้ ได้อย่างไรกัน"
"น้องหญิง แต่พี่นั้นมาหาเจ้าทุกวัน แค่วันนี้พี่ติดธุระนิดหน่อยเอง" ชายหนุ่มพยายามใช้มือแตะไปที่ตัวนาง แต่ก็ถูกปัดออก เจ้าตัวพยายามอ้อนวอนแต่ก็ไม่เป็นผล จึงให้คนดูแลลากออกมานอกตึก ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง "ปั้ง" ใส่หน้าท่านเศรษฐีทันที
ชายหนุ่มยืนขึ้นมองหน้าประตู "ตอนแรกคิดว่าจะ ยกสมบัติ แก่นางสัก ๘๐ โกฏิ แต่พอนางเห็นเรามือเปล่าเข้าวันเดียวก็ให้คนดูลากคอเราออกไปเสีย เฮ้อ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเป็นผู้ลามก หมดละอาย อกตัญญู ประทุษร้ายมิตร" เมื่อคิดได้ดังนั้น จากความรักก็แปรเปลี่ยน เป็นมองเห็นโทษของของกามขึ้นมาทันที จากความรักได้กลายเป็น เป็นเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที พลันความคิดก็แว๊บขึ้นมาในหัวทันทีว่า "การครองเรือนจะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา เราจะออกบวช ในวันนี้แหละ"
จากนั้นท่านเศรษฐีได้เดินออกจากพระนครเข้าป่า บวชเป็นฤๅษีสร้างอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้นมีเผือกมัน ผลไม้ป่าเป็นอาหารอยู่ ณ ที่นั่น
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตไม่เห็น มหาธนเศรษฐีเข้าเฝ้า จึงตรัสถามว่า "สหายของเราไปไหน?" เหล่าบริวารได้ตอบว่า "ออกบวชพะย่ะข้า" "ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น กระหม่อมว่าน่าจะเป็นเพราะ นครโสเพณีที่ท่านเศรษฐีนั้นชอบไปบ่อยๆ คนผู้นั้นไล่ท่านออกมาเนื่องจากวันนั้น ท่านไม่ได้เอาเงินไป" "แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร" "ก็มีข่าวลือแพร่ไปทั่วกระหม่อมได้ยินมา "
จากนั้นพระราชาก็รับสั่งให้เรียกหญิงนครโสเภณีมา ก่อนตรัสถามว่า "ข่าวลือที่เขาพูดกันนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า" "จริงเพคะ" เมื่อองค์กษัตริย์ทรงทราบความจริงจากปากของหญิงสาวแล้ว ถึงกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ "หญิงลามกเลวทราม เจ้าจงไปตามหาสหายของข้า แล้วพาเขามา ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ความตายนั้นคงเป็นเพียงคำตอบเดียวที่เจ้าจะได้รับ" เมื่อพระราชาเอ่ยจบ ความกลัว ก็พุ่งขึ้นสมอง นางจึงขึ้นรถออกจากพระนครไปพร้อมด้วยบริวาร เที่ยวเสาะแสวงหาที่อยู่ของฤๅษีผู้นั้น
จนกระทั้งก็พบเข้ากับที่อยู่ของท่านฤๅษี นางเข้าไปนมัสการพระคุณเจ้า พร้อมกับวิงวอน "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ขอท่านช่วยยกโทษให้กับการกระทำของดิฉันด้วยเถิดที่ ฉันจะไม่กระทำอย่างนี้อีกแล้ว" "ดีแล้ว เรายกโทษให้ไม่มีความอาฆาตในเธอ" "ถ้าท่านไม่เคืองโกรธ ขอจงขึ้นรถไปสู่พระนครด้วยกันเถิด เมื่อถึงพระนครแล้ว ดิฉันจะถวายทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในเรือนแก่ท่าน" พระฤๅษีได้ฟังคำของนาง แล้วกล่าวว่า "น้องหญิง บัดนี้ เราไม่อาจจะไปกับเจ้าได้" "ทำไมหรือเจ้าคะ" หญิงสาวเอ่ยอย่างสงสัย "ตอนนี้เราตัดขาดจากความวุ่นวายแล้ว เราจะไปกับเจ้าก็ต่อเมื่อ แม่น้ำคงคา เต็มไปด้วยดอกบัวสีขาว นกกาเหว่าเป็นสีขาวเหมือนสังข์ ต้นหว้าให้ผลเป็นลูกตาล เมื่อนั้น เราทั้งสองพึงอยู่ร่วมกันได้"
หญิงโสเภณี ยังคงพยายามถามหาคำตอบ แต่ท่านฤๅษีพยายามอธิบาย หญิงนครโสเภณีได้ฟังดังนั้นแล้ว ขอขมาโทษพระมหาสัตว์แล้วเดินทางกลับไปยังพระนคร แล้วกราบทูลแก่พระราชา แล้วทูลขอชีวิตของตนไว้
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้จบลงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่ามาตุคามมักอกตัญญู ประทุษร้ายมิตรอย่างนี้ ดังนี้แล้ว ทรงประกาศสัจจะ แล้วทรงประชุมชาดก.
ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสัน ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
พระทศพลทรงประชุมชาดก ว่า
พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระอานนท์
ส่วนพระดาบส ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.