อรรถกถา ทัฬหธรรมชาดก
ว่าด้วย ความกตัญญู
พระศาสดา เมื่อเสด็จเข้าไปอาศัยเมืองโกสัมพี ประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม เอ่ยถึงช้างพังต้นชื่อภัททวดีของพระเจ้าอุเทน แล้วตรัสว่า ในวันหนึ่งช้างพังต้นเดินออกจากพระนคร ซึ่งในขณะนั้นช้างแก่เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าและคณะภิกขุเข้า จึงเดินตรงไปยังพระตถาคต หมอบลงทูลโดยมีใจความว่า
"ในอดีตหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าอุเทน พระองค์ทรงดูแลเป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปแก่ชราลงไม่สามารถช่วยงานได้ พระองค์ทรงงดการดูแลหมดทุกอย่าง จนตอนนี้ไม่มีที่พึ่ง ต้องหากินต้นลำเจียกในป่าเพื่อเลี้ยงชีพ ขอผู้มีพระภาคเจ้าพูดกับพระเจ้าอุเทนได้ไหม ให้กลับมาดูแลหม่อมฉันเหมือนอย่างเดิม"
"จากนั้นพระศาสดาตรัสว่า ได้สิ เราจะทูลพระราชา ให้กลับมาตั้งยศให้กลับเป็นเหมือนเดิม" จากนั้นได้เสด็จไปยังประตูวังด้านพระราชาได้ให้พระตถาคต เสด็จเข้าไปในพระราชนิเวศน์ของพระองค์ แล้วทรงถวายทาน ต่อมาพระศาสดาเสร็จกิจ แล้วได้ตรัสถามว่า "ดูก่อน พังต้นภัททวดีอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ" พระราชาทูลตอบว่า "ไม่ทราบพระพุทธเจ้าข้า"
"ดูก่อนพระองค์ ขึ้นชื่อว่าการพระราชทานยศแก่ผู้มีอุปการคุณ แล้วทอดทิ้งในเวลาแก่ ย่อมไม่ควร ควรจะเป็นผู้มีกตัญญูกตเวที พังต้นภัททวดี บัดนี้แก่ทรุดโทรมมาก เป็นสัตว์อนาถา หากินต้นลำเจียกในป่าประทังชีวิตอยู่ การทำให้เขาไร้ที่พึ่งในเวลาแก่ ไม่เหมาะสมแก่พระองค์เลย ขอพระองค์กลับมาดูแล พังต้น เหมือนเดิมได้ไหม" "ได้ขอรับ" "ขอบคุณท่านมาก" จากนั้นพระศาสดาและคณะ จึงเดินทางกลับไปยังที่พัก
จากนั้นข่าวลือได้กระจายไปทั่ว พระตถาคตเจ้าตรัสถึงคุณความดีของพังต้นภัททวดี แล้วให้พระราชาแต่งตั้งยศเก่าให้กลับคืนตามปกติ ภิกษุทั้งหลายพากันตั้งเรื่องสนทนากันในธรรมสภาว่า พระศาสดาตรัสถึงคุณความดีของพังต้นภัททวดี แล้วทรงให้พระเจ้าอุเทนทรงแต่งตั้งยศเก่าให้กลับคืนตามปกติ
ขณะเดียวกันพระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย "บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไรกัน?" เมื่อภิกษุกราบทูลว่าด้วยเรื่องชื่อนี้ แล้วตรัสว่า "ดูก่อนไม่ใช่ในเวลานี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ตถาคตก็กล่าวถึงคุณความดีของพังต้นภัททวดีนี้ แล้วให้พระราชาทรงแต่งตั้งยศตามปกติเหมือนกัน" ดังนี้ แล้วได้ทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล พระราชาทรงพระนามว่า ทัฬหธรรม เสวยราชสมบัติในนครพาราณสีพระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดในตระกูลอำมาตย์ เมื่อเติบใหญ่ ได้รับตำแหน่งเป็นมหาดเล็ก ต่อมาได้รับการเลื่อนตำแหน่งรัตนอำมาตย์
พระราชาทรงมีช้างพังต้น เชือกหนึ่งชื่อว่า โอฏฐิพยาธิ มีกำลังวังชามาก วันหนึ่งเดินทางได้ร้อยโยชน์ ทำหน้าที่นำสิ่งของไปถวายพระราชา นอกจากนั้นพังตันยังทำหน้าที่ทำสงครามยุทธหัตถี ย่ำยีศัตรู ในฐานะที่พังตันนั้นทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม พระราชาจึงพระราชทานเครื่องอลังการทุกอย่าง แล้วได้พระราชทานการบำรุงทุกเป็นอย่างดี
ภายหลังเวลาพังต้นนั้นแก่แล้วหมดกำลัง ทรงยึดยศทุกอย่างคืน ต่อแต่นั้นมา พังตันก็กลายเป็นช้างอนาถา หากินหญ้าและใบไม้ในป่าประทังชีวิต
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อถ้วยจานชามไม่พอใช้ จึงรับสั่งให้หาช่างมาเข้าเฝ้า แล้วตรัสว่า "ดูเหมือนว่าภาชนะไม่พอใช้เพราะเหตุใดกัน" "เพราะกระหม่อมใช้โคเทียมเกวียนเข็นขนหมอไม่ได้ พระเจ้าข้า". พระราชาทรงสดับรับฟังแล้ว จึงตรัสถามว่า "พังต้นโอฏฐิพยาธิของเราอยู่ที่ไหน?" อำมาตย์จึงทูลว่า "อยู่ที่โรงช้างพระเจ้าข้า" จากนั้นพระองค์ได้พระราชทานพังต้นเชือกนั้นแก่ช่างหม้อ "ต่อแต่นี้ไปจงเทียมพังต้นเชือกนั้นแทน"
หลายวันต่อมา พังตันเดินทางออกจากพระนคร ระหว่างนั้นเห็นพระโพธิสัตว์กำลังเข้าพระนคร จากนั้นหมอบแทบเท้าของท่าน โอดครวญพลางกล่าวว่า "ข้าแต่นาย พระราชาทรงรู้ฉันว่ามีทำความดีมามาก พระองค์ทรงพระราชทานยศสูง พอแก่ตัวลง งดหมดทุกอย่าง แม้แต่การคิดถึง ฉันไม่มีที่พึ่ง จึงเที่ยวหากินหญ้าและใบไม้ประทังชีวิตอยู่ บัดนี้ได้พระราชทานให้ช่างหม้อ เพื่อเทียมเกวียน ตอนนี้ไม่มีที่พึ่งแล้ว มีแต่ท่านเท่านั้น ได้โปรด ขอให้ยศกลับคืนมาตามปกติเถิด"
พระโพธิสัตว์สดับถ้อยคำของเขาแล้วจึงปลอบใจว่า "เจ้าอย่าโศกเศร้าไปเลย ฉันจะทูลพระราชาแล้วให้พระราชทานยศตามเดิม" แล้วเข้าวังไป เมื่อรับประทานอาหารเช้าแล้วจากนั้นเข้าไปราชสำนัก ยกเรื่องขึ้นทูลถามว่า "ข้าแต่มหาราชเจ้า พระองค์ทรงมีช้างพังต้นชื่อโอฏฐิพยาธิ มิใช่หรือ?"เมื่อพระราชาฟังด้งนั้นก็ตอบกลับไปว่า "มี" "ช้างเชือกนั้น ช่วยพระองค์ในสงครามมามากมาย รวมถึงสงสารเดินทางไปไกลถึงร้อยโยชน์ แลัวตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนหรือพระเจ้าข้า?"
พระราชาตรัสตอบว่า "เราได้ให้พังตันแก่ช่างหม้อ เพื่อเทียมเกวียนไปแล้ว" ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์จึงทูลพระองค์ว่า "พระองค์ การพระราชทานแก่ช่างหม้อนั้นไม่สมควรเลย"
พระมหาสัตว์ได้ให้โอวาทแก่พระองค์ทั้งหมด จากนั้นพระราชาได้ทรงแต่งตั้งยศให้ช้างพังต้นโอฏฐิพยาธิตามปกติ พระองค์ทรงดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์แล้ว ทรงบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ตลอดกาลนานแล้ว ได้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า
พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกไว้ว่า
ช้างพังต้นชื่อโอฏฐิพยาธิในครั้งนั้น ได้แก่ พังภัททวดี ในบัดนี้
พระราชา ได้แก่ พระอานนท์
ส่วนอำมาตย์ ได้แก่ เราตถาคต ฉะนี้แล.