อรรถกถา วานรินทชาดก
ว่าด้วย ธรรมของผู้ล่วงพ้นศัตรู
นิทานชาดกเรื่องนี้เล่าถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้า ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงใช้เพื่อสอนภิกษุ โดยเชื่อมโยงกับความพยายามของพระเทวทัตที่คิดร้ายต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องในอดีตเพื่อแสดงให้เห็นว่า ความมุ่งร้ายของพระเทวทัตมิใช่เรื่องใหม่ และความฉลาดรอบคอบผนวกกับคุณธรรมสามารถเอาชนะภัยได้เสมอ เรื่องราวมีดังนี้
ในอดีตกาล
สมัยที่พระเจ้าพรหมทัตครองเมืองพาราณสี มีลิงตัวหนึ่งซึ่งแข็งแกร่งสมบูรณ์ราวลูกม้า เปี่ยมด้วยพลังกาย มันใช้ชีวิตโดดเดี่ยวตามแนวฝั่งแม่น้ำ ใกล้แม่น้ำนั้นมีเกาะเล็ก ๆ อุดมด้วยผลไม้ เช่น มะม่วงและขนุน ลิงตัวนี้มีพลังมาก
มันจะกระโดดจากฝั่งแม่น้ำไปยังแผ่นหินใหญ่กลางน้ำ แล้วกระโดดต่อไปถึงเกาะเพื่อกินผลไม้ ช่วงเย็นก็กระโดดกลับมาด้วยวิธีเดียวกัน มันทำเช่นนี้เป็นประจำทุกวัน
ในแม่น้ำนั้น มีจระเข้ตัวหนึ่งอาศัยอยู่กับเมีย วันหนึ่งเมียจระเข้ซึ่งกำลังตั้งท้องเห็นลิงกระโดดไปมาเกิดอยากกินหัวใจของลิง มันบอกสามีว่า “ฉันอยากได้หัวใจของลิงตัวนี้” จระเข้รักภรรยา จึงรับปากและวางแผนจับลิง โดยไปนอนรอบนแผ่นหินใหญ่ตอนเย็น คิดว่าลิงจะกระโดดลงมาแล้วมันจะงับได้
ลิงตัวนี้ฉลาดและช่างสังเกต วันนั้นเมื่อถึงเวลาเย็น มันยืนที่ขอบเกาะและมองไปยังแผ่นหิน มันสังเกตว่าแผ่นหินดูสูงขึ้นผิดปกติ มันคิดในใจว่า “แปลก น้ำในแม่น้ำไม่ได้สูงขึ้นหรือลดลง แล้วทำไมหินถึงดูสูงกว่าเดิม? หรือว่าจะมีอะไรซ่อนอยู่?” ลิงจำระดับน้ำและความสูงของหินได้ดี จึงสงสัยว่าอาจมีอันตราย
เพื่อทดสอบ ลิงแกล้งตะโกนคุยกับหินเหมือนเป็นเพื่อนว่า “เฮ้ แผ่นหิน วันนี้ทำไมไม่ตอบข้าเลย?” มันตะโกนซ้ำสามครั้ง แต่หินเงียบ (เพราะหินพูดไม่ได้) จระเข้ที่ซ่อนอยู่คิดว่า “ปกติหินคงตอบลิงได้ วันนี้ข้าจะตอบแทน” มันเลยพูดขึ้นว่า “ว่าไง ลิง?”
ลิงถามทันควันว่า “เจ้าเป็นใคร?”
จระเข้ตอบว่า “ข้าเป็นจระเข้”
ลิงถามต่อ “มานอนที่นี่ทำไม?”
จระเข้ยอมรับว่า “ข้าอยากได้หัวใจของเจ้า”
ลิงรู้ทันทีว่าต้องระวัง มันคิดว่า “ไม่มีทางอื่นให้ข้ากลับฝั่งได้นอกจากผ่านหินนี้ ต้องหลอกจระเข้ให้ได้” ลิงจึงพูดว่า “ได้เลย จระเข้ ข้าจะยอมให้ร่างกายและหัวใจของข้า เจ้าจงอ้าปากรอ ข้าจะกระโดดเข้าไปในปากเจ้าเอง” ลิงรู้ว่าจระเข้อ้าปากเมื่อไหร่ ตาจะหลับทันที ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมัน
จระเข้หลงเชื่อ อ้าปากกว้างและหลับตารอ ลิงฉวยโอกาส กระโดดจากเกาะ เหยียบหัวจระเข้ แล้วพุ่งตัวไปถึงฝั่งอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า จระเข้ถึงกับตะลึง ทำอะไรไม่ทัน
จระเข้ประทับใจในความฉลาดของลิง จึงกล่าวว่า “ลิงเอ๋ย เจ้าช่างน่าทึ่ง บุคคลที่มีคุณธรรม 4 ประการย่อมเอาชนะศัตรูได้ และเจ้ามีครบทั้ง 4” คุณธรรมนั้นคือ:
1. สัจจะ (ความจริง) - ลิงบอกว่าจะกระโดดมาให้จระเข้ และมันก็กระโดดมาจริง ไม่หลอกลวง
2. ปัญญา (ความรอบรู้) - ลิงสังเกตความผิดปกติของหินและวางแผนหลอกจระเข้ได้
3. ความพยายาม (ธิติ) - ลิงไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค คิดหาทางแก้ไขจนสำเร็จ
4. การเสียสละ (จาคะ) - ลิงกล้าเสี่ยงเผชิญหน้ากับจระเข้ แต่ใช้ปัญญารอดพ้น
จระเข้ยอมรับความพ่ายแพ้และกลับไปที่อยู่ของมัน ส่วนลิงก็ปลอดภัย
สรุปท้ายเรื่อง
แม้พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทัต มิใช่เพื่อจะตะเกียกตะกายจะฆ่าเรา ในบัดนี้เท่านั้น ก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็ตะเกียกตะกายเหมือนกัน ดังนี้.
แล้วทรงนำพระธรรมเทศนานี้มา สืบอนุสนธิ ประชุมชาดก ว่า
จระเข้ในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระเทวทัต ในครั้งนี้
เมียของจระเข้ได้มาเป็น นางจิญจมาณวิกา
ส่วนวานรินทร์ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.
ข้อคิดจากเรื่องนี้
เรื่องนี้สอนให้เราใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา รู้จักสังเกตสิ่งรอบตัว พูดความจริง กล้าเผชิญหน้าแต่ไม่ประมาท และมีความพยายามไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค การมีคุณธรรมเหล่านี้จะช่วยให้เราก้าวข้ามความท้าทายในชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสง่างาม