เรื่องที่ ๓๘๓อัดคาเสา
แต่ก็ไม่อาจควบคุมได้จึงเผลอวูบไป จังหวะที่เผลอตัวหลับไปนั้นไม่รู้สึกตัวเลยว่าขับเร็วแค่ไหน
คุณสมศักดิ์ ละอองทอง ผู้ทุ่มเทให้กับงานพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งยวด |
คุณสมศักดิ์ ละอองทอง เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ เข้าวัดพระธรรมกาย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐ โดยมีพี่ชายเป็นกัลยาณมิตรคนแรก ซึ่งพี่ชายได้เข้ามาทำงานช่วยทางวัดเป็นเวลาประมาณ ๑๐ ปีมาแล้ว คุณสมศักดิ์ตัดสินใจเข้าวัดเพราะตอนนั้นมีปัญหาและเครียดจากที่ทำงานเดิม จึงได้มาสมัครเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่สำนักบริการกลางของวัดพระธรรมกาย พอเข้าวัดได้ฟังคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ รู้สึกประทับใจมาก ทำให้คลายความเครียดและความกังวลที่เคยมีอยู่ เริ่มสวดมนต์ รักษาศีล และเจริญภาวนา เท่าที่โอกาสจะอำนวย ใจสงบเบิกบานอยู่ในบุญตลอดเวลา คุณสมศักดิ์บอกว่าการที่เขาได้มาทำงานที่นี่เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และเต็มใจ ช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ถือเสมือนหนึ่งตนเองเป็นลูกหลวงพ่อ เป็นหลานคุณยาย คุณสมศักดิ์ได้ร่วมบุญสร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว และเมื่อได้รับองค์พระมหาสิริราชธาตุมาแล้วได้ห้อยคอไว้อยู่ตลอดเวลา และสวดสรรเสริญองค์พระมหาสิริราชธาตุอยู่เสมอ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต ทำให้เขามั่นใจและเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง เพราะหลวงพ่อท่านได้ช่วยให้รอดตายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คุณสมศักดิ์จึงยึดมั่น เชื่อว่าบุญบาปมีจริง และอยากให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มีศีล สมาธิ ปัญญา เช่นเดียวกับตนเองที่ยึดถือไว้ตลอดเวลา
คุณสมศักดิ์เล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงกับวันมาฆบูชา (๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒) ตามปกติแล้วจะทำงานเป็นกะ คือช่วงตั้งแต่เวลา ๐๔.๔๕ น. ถึง ๑๔.๐๐ น. ทุกวัน แต่วันนั้นเป็นงานบุญใหญ่ จึงอยู่ต่อถึงเวลา ๐๖.๐๐ น. ของวันรุ่งขึ้น หมดหน้าที่แล้วคุณสมศักดิ์ตัดสินใจอยู่ทำงานต่อในวันนั้นอีกโดยช่วยโบกรถและงานจราจรตลอด ๒๔ ช.ม. โดยไม่พักผ่อนเลย ในใจนั้นคิดแต่อยากช่วยงานบุญจนสุดตัว ทุ่มให้งานสุดๆ ไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อยของร่างกายเลย วันนั้นสาธุชนพากันหลั่งไหลมาที่วัดพระธรรมกายจนแน่นขนัดทั้งรถทั้งคน ทุกคนต่างก็เบิกบานและเก็บเกี่ยวบุญกลับบ้านกันไปด้วยความปีติใจ วันนั้นถึงแม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย ร่างกายนั้นออกอาการว่าอยากพักผ่อนเต็มที่ แต่จิตใจนั้นเบิกบานที่ได้รับบุญ เพราะวันนั้นเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา สาธุชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต่างเบิกบานและประทับใจกับภาพบรรยากาศของมาฆะประทีปที่จุดสว่างไสว ทั่วบริเวณธรรมกายเจดีย์
รถป๊อกเล็กสีเขียว
ที่ขับชนเสาไฟฟ้าอย่างแรง จนหน้ายุบ |
คุณสมศักดิ์ อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. เสร็จแล้วได้ขับรถอีซูซุ ไปที่ บ.ก.ร.ป.ภ. ตรงจุดข้างมุมสภาธรรมกายสากล เพื่อเอาเครื่องดื่มไปบริการเพื่อน ร.ป.ภ. ตามจุดต่างๆ แต่เกิดเปลี่ยนใจให้เพื่อนขับรถคันดังกล่าวไปแจกเครื่องดื่มแทน ส่วนตัวเองไปขับรถป๊อกสีเขียวของสำนักบริการกลาง ที่จอดอยู่ที่ บ.ก. เพื่อไปตามเก็บงานตามจุดต่างๆ บริเวณรอบสภาธรรมกายสากล ช่วงนั้นคุณสมศักดิ์ขับรถไปเรื่อยๆ เก็บจักรยานที่จอดหลงอยู่ตามเต้นท์ เก็บรถจักรยานได้ ๓ คัน เพื่อนำไปเก็บไว้ที่สำนัก พอถึงจุดสุดท้าย จึงกลับรถและวิทยุไปบอกเพื่อนที่ศูนย์วิทยุว่าจะนำรถไปเก็บที่สำนัก ขณะนั้นรู้สึกว่าตนเองง่วงนอนและเพลียจัด เพราะตามเก็บงานอยู่ประมาณ ๓ ชั่วโมง เกิดอาการง่วงนอนจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งๆ ที่พยายามประคองตัวว่าอย่าให้หลับก่อนถึงสำนัก แต่ก็ไม่อาจควบคุมได้จึงเผลอวูบไป จังหวะที่เผลอตัวหลับไปนั้นไม่รู้สึกตัวเลยว่าขับเร็วแค่ไหน
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่รถพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าอย่างจัง ตรงบริเวณทางเข้าที่ ๔ ของสภาธรรมกายสากล แรงกระแทกทำให้ตัวถังด้านหน้ารถยุบเข้ามาอัดร่างคุณสมศักดิ์คาพวงมาลัย ตอนนั้นคุณสมศักดิ์ไม่ได้สลบ มีสติสัมปชัญญะครบบริบูรณ์ จังหวะที่รถชนเสาไฟฟ้าและอัดร่างคุณสมศักดิ์อยู่ข้างในรถนั้น อยู่ๆ คุณสมศักดิ์รู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมายกเขาลอยออกมายืนอยู่นอกรถ รู้สึกตัวเบาเหมือนนุ่น ลอยออกมายืนอยู่ข้างนอกรถ ซึ่งคุณสมศักดิ์ประหลาดใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ว่าตนเองออกมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ประตูรถเปิดไม่ออก ตอนนั้นได้เดินไปปิดเครื่องรถและพยายามมองหาคนมาช่วย ขณะนั้นเวลาประมาณตีหนึ่ง บังเอิญโชคดีมากที่มีเจ้าหน้าที่ประจำวัดขับรถผ่านมาพบพอดี และรีบพาส่งยังสถานพยาบาลของวัด เนื่องจากคุณสมศักดิ์มีอาการจุกแน่นหน้าอกไปหมดถึงกับทรุดลงนั่ง ทางสถานพยาบาลจึงรีบนำตัวไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ระหว่างทางคุณสมศักดิ์ไม่พูดไม่จา นอนนิ่งๆ มือกุมพระมหาสิริราชธาตุไว้ตลอดเวลา พร้อมกับอธิษฐานจิตและทำสมาธิไปด้วย ขอให้หลวงพ่อคุ้มครอง อย่าได้ตายเสียก่อน มือกุมองค์พระท่านนอนนิ่งๆ อย่างนั้น จนคุณหมอคิดว่าตายไปแล้ว รีบเขย่าตัวแล้วเรียก "คุณๆ" คุณหมอพยายามจะดึงมือคุณสมศักดิ์ออก พร้อมกับถามว่า กำอะไรอยู่ คุณสมศักดิ์ตอนนั้น จิตใจจดจ่ออยู่แต่องค์พระ ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น คุณหมอจึงนำตัวเข้าไปเอ็กซ์เรย์ ผลออกมาก็เป็นที่อัศจรรย์ใจ หมอก็แปลกใจว่า ตัวอัดกับพวงมาลัยอย่างแรง แต่แปลกที่ระบบภายในไม่เป็นอะไรเลยปกติทุกอย่าง ในที่สุดคุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้าน
สภาพภายในรถ ดูแล้วไม่น่าจะรอด
แต่ก็ปลอดภัยอย่างอัศจรรย์ |
คุณสมศักดิ์บอกว่าตนเองก็ยังงงๆ กับเหตุการณ์ว่ารอดมาได้อย่างไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจมากคือต้องเกิดจากอานุภาพของพระมหาสิริราชธาตุ และด้วยบุญกุศลที่ทุ่มเทช่วยงานพระศาสนาในวันนั้นนั่นเอง
ชีวิตของ คุณสมศักดิ์ นับว่าเป็นคนโชคดี มีบุญเก่าอยู่ไม่น้อย เมื่อพบมรสุมชีวิตยังมีพี่ชายซึ่งทำงานอยู่ในวัดเป็นกัลยาณมิตร ช่วยแนะทางเดินชีวิต ทำให้แก้ปัญหาได้ จึงถือว่าเป็นโชคดี ยิ่งเมื่อได้มาทำงาน ได้พบเห็นแต่บุคคลากรที่ดีในองค์กรของวัด ทั้งพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เพื่อนร่วมงาน ล้วนแต่เป็นกัลยาณชน สนใจแต่เรื่องบุญกุศล จึงเท่ากับพบโลกใหม่ จิตใจย่อมซึมซับสิ่งดีๆ เป็นกุศลมโนกรรม ชำระล้างความทุกข์ร้อนที่ผ่านมาให้ผ่อนคลายลงไป
คนเราเมื่อสนใจประกอบการบุญกุศล รู้ค่าของบุญ เรื่องเงินก็จะลดความจำเป็นลงไป ทำงานใดๆ แม้ไม่ได้เงินเลย แต่ได้บุญก็จะเต็มใจทำ ในกรณีของรายนี้ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อออกจากเวรยามตามหน้าที่แล้ว แม้จะเป็นเวลาดึกดื่น ยังเกิดกุศลจิตช่วยขับรถขนของเก็บงานให้วัดในคืนวันมาฆบูชา เป็นน้ำใจทำงานกุศลที่แท้จริง แต่คนเราไม่ใช่เครื่องจักร ร่างกายรู้จักเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย ทำให้ขับรถหลับในจึงเกิดอุบัติเหตุดังที่กล่าวแล้ว โชคดีที่ชนกับเสาไฟฟ้าภายในวัด ถ้าชนกับรถคันอื่นที่วิ่งสวนมา แรงกระแทกจะเป็นอันตรายมากกว่านี้
ยามคับขันเจ็บป่วย สติที่นึกถึงพระมหาสิริราชธาตุ กำท่านไว้ในมือตลอดเวลา เป็นพุทธานุสติ อำนาจพุทธคุณไม่มีประมาณ จึงปลอดภัยอย่างไม่น่าเชื่อ
ด้วยเหตุนี้คนเราทุกคนจำเป็นต้องมีหลักศาสนาเป็นที่พึ่งทางใจ อย่างน้อยยามมีปัญหาชีวิต ยังมีคำสอนทางพระศาสนาให้ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติ หรือแม้แต่เห็นตัวอย่างของผู้ปฏิบัติตามคำสอนได้ ก็จะพบความสบายใจไปส่วนหนึ่งแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงควรปฏิบัติตนตามคำสอนของศาสนาไว้เสมอ อย่ารอให้พบปัญหาก่อน