ทบทวนบุญ ๒
เรื่อง : จันทร์ซีโร่
โอวาทพระธรรมกิตติวงศ์ (ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต)
เจ้าอาวาสวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
เนื่องในพิธีจุดประทีปบูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี (สด จนุทสโร)
ณ สนามกีฬาเทพหัสดิน วันพุธที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕
วันนี้ เรามาสร้างประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร ของพระพุทธศาสนา และของประเทศไทยกัน คือ มาร่วมมีส่วนในการทำสิ่งอัศจรรย์ที่ทำได้ยาก ไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้น ในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นับแต่สร้างกรุงมา คือ มีพระสงฆ์จำนวน ๑,๕๐๐ กว่ารูป เดินธุดงค์เข้ามาพักกลางกรุง ในถิ่นที่เจริญรุ่งเรือง ในถิ่นที่มีจราจรแออัดคับคั่ง บางท่านอาจจะเกิดความคิดขัดแย้งในใจว่า
![]() |
ทำไมมีแต่ข่าวว่า ธุดงค์มักจะไปในป่า นี้ทำไม ธุดงค์เข้าเมือง ความจริงแล้วเรื่องธุดงค์ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้เป็นข้ออนุญาต ไม่ใช่ข้อบังคับ พระสงฆ์ที่มีจิตศรัทธาย่อมสามารถทำได้ และการถือปฏิบัติธุดงค์นั้น ก็ทรงบัญญัติไว้ถึง ๑๓ ข้อ มีเพียงข้อเดียวที่กำหนดว่าต้องอยู่ป่า อีก ๑๒ ข้อ อยู่ที่ไหนก็ได้ ไปที่ไหนก็ได้ อยู่กับที่ก็ได้ เดินก็ได้ เข้าเมืองก็ได้ ถ้าสมมุติว่ากลางกรุงนี้เป็นป่า อย่างที่มีคนชอบพูดกันว่าป่าคอนกรีต ก็แสดงว่าท่านก็เดินธุดงค์ในป่าเหมือนกัน คือป่าคอนกรีต ตึกรามบ้านช่องก็ถือว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ บริเวณนี้เป็นสนามกีฬาก็เท่ากับเป็นลานโล่ง อยู่ในลักษณะของธุดงค์อีกข้อหนึ่ง ก็คือ ไม่อยู่ในร่มเงาของชายคา ไม่อยู่ในร่มเงาของต้นไม้ อันนี้ก็ถูกต้องตามพระบัญญัติ ไม่ได้ผิดอะไร ที่จะแปลกหน่อยก็คือจำนวนเท่านั้น
![]() |
ปกติเรา เห็นพระธุดงค์องค์สององค์เดินตามท้องถนน แบกกลด เราก็ไม่รู้สึกอะไร แต่นี้พันกว่าองค์ ก็เลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก ไม่เคยเห็น ใช่ คนที่มีบุญย่อมเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ส่วนผู้ที่ไม่มี บุญ แม้ไม่เคยเห็นก็คงไม่เห็นตลอดชาติ ตลอดไป อันนี้ก็เป็นปกติธรรมดา เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายได้ชื่นใจเถิดว่า ท่านได้มาเห็นสิ่งอัศจรรย์ สิ่งที่ไม่เคยเห็น สิ่งที่ไม่เคยพบ และก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายร้ายแรง เป็นเรื่องดีเรื่องงามที่นำความชื่นใจมาให้