ธรรมะเพื่อประชาชน พร้อมภาพประกอบ คติธรรม ข้อคิดสอนใจ

ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุข ดูก่อนท่านผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เราย่อมรู้ชัดผลแห่งบุญอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ที่เราเสวยแล้วตลอดกาลนาน

ชาดก : ธรรมะเพื่อประชาชน Dhamma for peopleรวมนิทานอีสปพร้อมภาพประกอบ  ข้อคิดสอนใจ

ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๖


ธรรมะเพื่อประชาชน : พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๖

Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน

DhammaPP169_01.jpg

พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๖

                คนส่วนใหญ่มักมองเห็นสิ่งที่ไร้สาระว่าเป็นสาระ เป็นกำไรของชีวิตทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งจอมปลอมเหล่านั้น ล้วนทำให้ขาดทุนชีวิตทั้งสิ้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก ดังนั้นน่ะเมื่อเราได้กายมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือนต้นทุนมาแล้ว ก็อยู่ที่ว่าใครจะใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากกว่ากัน จะกำไรหรือขาดทุนการขึ้นอยู่กับการดำเนิน ชีวิตของเรา เพราะฉะนั้นท่านผู้รู้ทั้งหลายจึงสั่งสอนแต่บุญกุศลอย่างเดียวบุญกุศลที่เพิ่มขึ้นทุกๆ วันถือเป็นกำไรชีวิตอย่างแท้จริงและจะกำไรอย่างสูงสุด ถ้าเราเข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน มีที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง ชีวิตก็จะปลอดภัยและได้ชื่อว่าได้บรรลุวัตถุประสงค์ของชีวิต อีกทั้งมีกำไรชีวิตอย่างมหาศาลอีกด้วยนะจ๊ะ

 


                  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สภิยสูตร ความว่า

                บุคคลใดงดเว้นจากบาปทุกชนิด ล่วงความทุกข์ในนรกได้แล้ว ดำรงอยู่ บัณฑิตยกย่องบุคคลนั้นว่า เป็นผู้มีความเพียร ผู้นั้นมีความแกล้วกล้า ผู้คงที่เห็นปานนั้น บัณฑิตกล่าวว่าเป็นนักปราชญ์

 


             ผู้ที่ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ไม่ใช่ฉลาดเพียงในการเอาตัวรอดในภพชาตินี้เท่านั้น แต่ต้องฉลาดในการเอาตัวรอดจากทุกข์ภัย ในสังสารวัฏนี้ด้วย โดยจะต้องงดเว้นจากบาปอกุศลทุกอย่าง จะได้ไม่พลัดไปเกิดในอบาย 

 


                 เหมือนเตมียราชกุมาร ผู้รู้จักเตือนตัวเองเมื่อเห็นภัยในนรกแล้ว จึงยอมอดทนที่จะต้องทำตัวเป็นประดุจคนง่อยเปลี้ย คนหูหนวก คนใบ้ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการเป็นพระราชา เรามาติดตามเรื่องราวต่อจากเมื่อวานนี้กันเลยนะจ๊ะ

 

 
                สืบเนื่องจากพระเตมียกุมาร ได้เห็นพระราชบิดาทรงรับสั่งให้ประหารชีวิจมหาโจร ด้วยวิธีการทารุณกรรม ก็ทรงสดุ้งพระทัยทรงนึกถึงความทุกทรมานที่ตนเคยเสวยวิบากในนรก จึงดำหริว่า  หากเราได้เสวยราชสมบัติสืบต่อจากพระราชบิดาก็คงไม่พ้นต้องทำบาปกรรม ให้สั่งประหารชีวิตผู้คนมากมายเช่นเดิม แล้วก็ต้องไปเสวยทุกข์ใหญ่ในนรกอีก 

 

 
                พระกุมาจึงได้แต่บรรทมกระสับกระส่าย ทรงรำพึงว่า ทำอยางไรหนอเราจึงจะพ้นไปจากพระราชมณเฑียรได้  ในขณะนั้นเทพธิดาซึ่งเคยเกิดเป็นพระมารดาของพระกุมาร ซึ่งสถิตอยู่เหนือเศวตฉัตร ก็ได้แนะนำว่า พ่อเตมียะ พ่ออย่ากลัวไปเลย หากต้องการจะพ้นไปจากพระราชมณเฑียรนี้  พ่อก็จงแสล้งทำตนเป็นคนง่อยเปลี้ย  แม้พ่อไม่ได้หูหนวกก็จงแสล้งทำเป็นคนหูหนวก แม้พ่อไม่ได้เป็นคนใบ้ก็จงแสล้งทำเป็นคนใบ้ และอย่าประกาศตนว่าพ่อเป็นคนฉลาด  จงปล่อยให้คนเข้าใจว่าเป็นคนเขลา ถ้าหากพ่อสามารถทำตามอุบายนี้ได้ ความปรารถนาก็จะสำเร็จอย่างแน่นอน


 
                พระเตมียกุมารได้สดับถ้อยคำที่เทพธิดาแนะนำ ก็ทรงทำตามแลได้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างแน่วแน่ว่า ต่อจากนี้ไปเราจะแสดงตนเป็นคนง่อยเปลี้ย เป็นคนหูหนวกและก็เป็นคนใบ้ เราจะทำอย่างนี้จนกว่าความปรารถนาของเราจะสำเร็จ นับจากนั้นมาพระราชกุมารก็มิได้ส่งเสียงหรือตรัสอะไรอีกเลย ไม่ทรงขยับพระหัตถ์และพระบาท  จึงดูผิดแผกจากกุมารทั่วไป แม้จะทรงเมื่อยล้าสักเพียงไร ก็ทรงอดกลั้นยึดมั่นในคำอธิษฐานนั้น ไม่ทรงกรรแสงไม่แสดงอาการว่าหิวนมเหมือนกุมารอื่น และทรงบรรทมอยู่ในพระอริยบทเดียว โดยไม่ไหวติงพระหัตถ์และพระบาทเลย 

 


                แม้จะเสวยน้ำนมก็จะเสวยแต่เฉพาะเวลาที่พี่เลี้ยงนางนมถวายเท่านั้น อาการผิดปกติของพระราชกุมาร ได้ทำความฉงนใจให้แก่เหล่าแม่นมทั้งหลายผู้ดูแล จึงพลอยเศร้าโศกแทนพระราชกุมาว่า ถ้าหากยังคงมีอาการง่อยเปลี้ยอยู่เช่นนี้ อนาคตของพระองค์จะเป็นเช่นไร โดยเฉพาะพระราชชนกชนนีนั้น เมื่อทรงเห็นพระราชโอรสทรงประทับนิ่งไม่ไหวติงเช่นนั้น ก็ทรงเสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง เพราพระราชกุมาร ไม่มีลักษณะของคนง่อยเปลี้ยให้เห็นเลย ทรงมีพระพลานนามัยสมบูรณ์ทุกอย่าง 

 


                พระเจ้ากาสิกราชทรงดำหริว่า พระกุมารของเราคงจะหงอยเหงา เพราะไม่มีเพื่อนเล่นกระมัง จึงได้แสดงอาการนิ่งเฉยเย็นชาเช่นนั้น ควรที่จะได้กุมาทั้ง ๕๐๐ คนมาเป็นเพื่อเล่นด้วย จึงมีรับสั่งให้นำกุมาทั้งหมด ที่เกิดในวันเดียวกันนั้นมาอยู่ในวัง เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับพระราชกุมาร แม้พระราชกุมาจะทรงทราบเรื่องราวทุกอย่างดี อยากจะทักทายหัวเราะเล่นด้วย ก็จำต้องอดทนทำเป็นไม่สนพระทัย กุมารทั้งหลายครั้นหิวเข้าก็ร้องไห้เพื่อจะดื่มนม แต่พระราชกุมารกลับบรรทมนิ่ง ได้ทรงนึกถึงภัยในนรก จึงสอนตนเองว่า เราจะไม่ร้องไห้เพื่อให้ไห้ดื่มนมเป็นอันขาดแม้ร่างกายของเราจะซูบผอมตายไป ก็ยังพระเสริฐกว่า ราชกุมารทรงเตือนตนเองโดยดำหริว่า จะยอมตายเช่นนี้แล้ว แม้กุมารอื่นๆ จะร้องไห้แล้วได้ดื่มน้ำนมส่วนพระราชกุมารก็ไม่ทรงกรรแสงแต่อย่างใด ยังคงทนนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิม

 


             พวกนางนมทั้งหลายเห็นอาการของพระราชกุมาร ผิดไปจากกุมารทั่วไปจึงทั้งสงสารและกังวลใจ จึงได้นำความนี้ไปกราบทูลพระนางเจ้าจันทราเทวีให้ทรงทราบ ยิ่งทำให้พระเทวีทรงกังวลพระทัยเพิ่มขึ้น พระนางได้เข้าไปกราบทูลพระราชสวามี ให้ทรงรับสั่งให้หาแพทย์หลวงมาถวายการรักษาโดยทันที แพทย์หลวงผู้เชี่ยวชาญที่สุดในพระนคร เมื่อได้ตรวจดูพระอาการโดยละเอียดแล้ว จึงกราบทูลว่า ขอเดชะพระราชกุมารมีพระอนามัยสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ไม่มีโรคทางกายแต่อย่างใด ถ้าจะมีก็คงเป็นโรคภายใน ที่ไม่ทรงสบายพระทัยอะไรสักอย่าง ขอพระองค์ทรงโปรดให้พราหมณ์ผู้ชำนาญ ในการดูลักษณะมาตรวจดูเถิดพระเจ้าข้า

 


 
                พระเจ้ากาสิกราชจึงรับสั่งให้พราหมณ์ ซึ่งเป็นโหรหลวงประจำราชสำนักเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามว่า ท่านพราหมณ์เหตุใดโอรสของเราจึงไม่ร้องไห้ เพื่อจะเสวยนมเหมือนกับกุมารอื่น ท่านจงช่วยตรวจดูทีเถิด พวกพราหมณ์ผู้ชำนาญในเรื่องการดูลักษณะ ได้ตรวจดูโดยถ้วนถี่ ไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติ จึงกราบทูลตามที่ตัวเองเห็นว่า ขอเดชะพระอาญามิพ้นเกล้า  ขอพระองค์อย่าได้ทรงกังวลพระทัยไปเลย ธรรมดาของผู้มีบุญญาธิการย่อมจะมีความอดทนมากกว่าคนทั่วไป น่าจะทดลองให้นางนมถวายนมโดยปล่อยให้ล่วงเวลาไปสักหน่อย เมื่อเป็นเช่นนี้เชื่อแน่ว่าพระราชกุมารจะทรงกรรแสง เพื่อขอเสวยนมเองพระเจ้าข้า 


 
                พระเจ้ากาสิกราชจึงทรงรับสั่งให้พวกนางนมทำตามนั้น แต่ก็ทรงผิดหวัง เพราะแม้จะทดลองให้เสวยนมผิดเวลา บางคราวนางนมได้ถวายนมวันละครั้ง  ปล่อยให้พระราชกุมารทนหิวไปเรื่อยๆ แต่พระราชกุมารก็กลับทรงนิ่งเฉย มิได้ร้องไห้สักนิดเดียว  พระองค์แม้ยังทรงเป็นทารกน้อย แต่ทรงมีขันติธรรมเป็นยอด เพราะทรงอดกลั้นต่อทุกขเวทนาเห็นปานนี้ได้ สมดังที่บัณฑิตทั้งหลายกล่าวไว้ว่า ความอดทนเป็นตบะธรรมอย่างยิ่ง    

 

     

                พระนางเจ้าจันทาเทวี ทอดพระเนตรเห็นพระราชกุมารไม่ทรงร้องไห้ ไม่ทรงคร่ำครวญ ไม่คู้พระหัตถ์และพระบาท ไม่เปล่งพระวาจา แม้ว่าจะต้องอดทนอดกลั้นต่อทุกขเวทนาอันเกิดจากความหิวก็ตาม ครั้นพระนางเห็นดังนั้นแล้ว ก็ไม่อาจจะทนดูอยู่ได้ จึงได้ตรัสว่า ลูกรักเจ้าคงหิวมากแล้ว ในเมื่อเจ้าหิว เหตุใดจึงยังนิ่งเฉยอยู่เล่า หากเจ้ายังคงนิ่งเฉย  ไม่ร้องไห้ ไม่พูดจา แล้วเจ้าจะให้แม่ทำอย่างไร ถึงกระนั้นพระกุมารก็ไม่ได้แสดงอาการตอบรับแต่อย่างใด ทำตนประดุจคนหูหนวก ไม่พูดจาเหมือนเดิม พระกุมารได้เลือกดำเนินตามวิธีการนี้ซึ่งจะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมากมาย

 


                เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ก็ให้มาติดตามรับฟังกันต่อในวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ สำหรับวันนี้ให้ลูกทุกคน อดทนในการสร้างบารมี เราตั้งใจจะทำความดีอะไรแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ เต็มกำลังและก็ทำให้สำเร็จ ความอดทนจะทำให้เราเจริญรุ่งเรืองในธรรมกระทั่งนำเราไปสู่จุดหมายปลายทางคือที่สุดแห่งธรรมได้นะจ๊ะ

 

พระธรรมเทศนา โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล