มีศิษย์โง่ ครูมัวหมอง

วันที่ 15 ธค. พ.ศ.2558

มีศิษย์โง่ ครูมัวหมอง

    สาเหตุที่ตรัสชาดก ณ พระวิหารเชตวัน ภิกษุสนทนากันในธรรมสภาว่า พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรพยากรณ์ปัญหาที่พระทศพลตรัสโดยย่อได้โดยพิสดาร พระศาสดาเสด็จมาทรงทราบเรื่องนั้นตรัสว่า แม้ในกาลก่อนสารีบุตรก็พยากรณ์ได้แล้วเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกดังต่อไปนี้..

 

    ในอดีต ณ เมืองตักกสิลา มีบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งเรียนจบสรรพศาสตร์ จนฉลาดพอที่จะเห็นว่าศาสตร์ที่ร่ำเรียนมายังหาแก่นสารของชีวิตมิได้ จึงละเพศฆราวาสไปบวชเป็นบรรพชิต คิดหาความสุขสงบอันเลิศล้ำ ทำอภิญญา 5สมาบัติ 8 ให้เกิดขึ้นได้ ต่อมาหมู่มิตร หายและบริวารชนตามมาบวชด้วยกันมากมายนับได้ราว 500 คน

    อยู่มาไม่นาน ดาบสผู้อาจารย์เกิดป่วยหนักใกล้มรณภาพเต็มที พวกศิษย์ก็อยากรู้เต็มที่ว่าอาจารย์ปฏิบัติธรรมถึงขั้นไหน ศิษย์ทั้งหลายพากันเข้ามาถามคุณวิเศษของอาจารย์ว่า..


"ข้าแต่ท่านอาจารย์! ท่านได้คุณวิเศษชนิดไหนหรือครับ"
"ไม่มีแม้แต่น้อย!" อาจารย์ตอบจบก็สิ้นลมทันที


บรรดาศิษย์ได้ฟังดังนั้นก็ผิดหวังเป็นที่สุด พากันคิดว่า..
"โอ้! อาจารย์เราไม่มีคุณวิเศษอะไรเลยหรือนี่!"

    เหล่าศิษย์จึงไม่ทำความเคารพสักการะอาจารย์อีกต่อไป ยามนั้นเอง ศิษย์พี่ใหญ่ไปธุระเพิ่งกลับมาทราบเรื่องทั้งหมด แล้วเห็นศิษย์ไม่เคารพครูอาจารย์จึงกล่าวว่า..


"พวกเจ้านี่ไม่รู้อะไรในคำของอาจารย์เลย! อาจารย์พวกเราหมายความว่าท่านได้อากิญจัญญายตนสมาบัติแล้ว"

    แต่แม้ศิษย์พี่ใหญ่จะพูดอธิบายอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อเลย ขณะนั้นเอง ฤาษีอาจารย์ที่ละโลกแล้วไปเป็นอาภัสราพรหม ได้สอดส่องดูศิษย์ของตนก็ทราบความประพฤติของเหล่าศิษย์ เกิดสลดใจในความโง่เขลาของศิษย์ที่อุตส่าห์อบรมสั่งสอนมายาวนาน พลางคิดว่า..

 

    "เจ้าอันธพาลพวกนี้โง่แล้วยังไม่เชื่อคำพูดของศิษย์ผู้ใหญ่อีก เราจะช่วยให้สร่างโง่เอง!"พริบตานั้น พรหมได้ลงมาปรากฏบนอากาศกล่าวว่า..


"ถึงมีผู้ประชุมกันตั้งพันแต่พวกเหล่านั้นกลับไร้ปัญญา เหมือนพวกดาบสโง่เหล่านี้นี่เอง!แม้จะร้องไห้คร่ำครวญไปสักร้อยปีก็ตาม คนมีปัญญารู้แจ้งความนัยของเราคนเดียว ยังดีเสียกว่าพวกคนพาลปานนี้ตั้งพันคน"

 

    กล่าวจบแล้วก็กลับไปสู่พรหมโลกดังเดิม พวกดาบสเหล่านั้นสลดใจในความโง่ของตน ตั้งใจทำความเพียรคลายทิฏฐิมานะ หายอวดดื้อถือดีจนได้บรรลุฌานสมาบัติ ครั้นสิ้นชีวิตแล้วก็ไปเกิดในพรหมโลกกันทั้งหมด..

 

ประชุมชาดก
        พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า อันเตวาสิกผู้ใหญ่ในครั้งนั้นได้มาเป็นพระสารีบุตรส่วนมหาพรหมมาเป็นตถาคตแล


"จะมุ่งหาปัญญาอย่าดูหมิ่น ทิฏฐิเหม็นมานะเน่าเอาทิ้งเหว
สิ้นเคารพพบแต่หนทางเลว ชีวิตเหลวเพราะลบหลู่ครูอาจารย์"

 

    จากชาดกเรื่องนี้ หากบรรดาศิษย์มีความเคารพครูมากพอ ก็พอจะเอาคำครูมาตรองให้เข้าใจได้ แต่ถ้าหัวดื้อมีทิฏฐิมานะแล้ว ถึงให้ใครมาอธิบายให้ตายก็ไม่ยอมเชื่อ หากตรองแล้วไม่เข้าใจอาจยังไม่นับว่าเป็นพาล แต่เมื่อได้รับคำอธิบายแล้วยังหัวดื้อไม่ยอมตรองนั้นเป็นพาลแท้ จะเห็นว่าคนไร้ความเคารพ ล้วนมีทิฏฐิมานะและความเบาปัญญาเป็นของคู่กัน"นิสัยไม่ดูหมิ่นครู, เคารพครู, ตั้งใจฟังคำครู, ตรองตามคำครู, ไม่ดื้อรั้นยึดมั่นในทิฏฐิมานะและรับฟังคำอธิบาย" ทั้งหมดนี้จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในปัญญาบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0012710491816203 Mins