คุณครับ...รักผมบ้างไหม
ภรรยาของผมเป็นชาวอิรัก นับถือศาสนาอิสลาม เธอเคร่งครัดในศาสนามากเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง ซึ่งก่อนแต่งงานทางพ่อแม่ได้หมั้นหมายเธอไว้ให้ผม กอปรกับเธอและผมก็รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน และเรายังเคยพูดคุยเรื่องแต่งงานด้วยกันในสมัยเด็ก ๆ ซึ่งในตอนนั้นเธอพูดกับผมว่า ฉันจะแต่งงานกับเธอคนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่มีเธอฉันจะไม่ยอมแต่งงานกับใครเด็ดขาดเลย คำพูดนี้ติดตรึงอยู่ในหัวใจของผม ไม่ลืมเลือน
ต่อมาเมื่อเธออายุ ๒๓ ปี ผมอายุ ๒๘ ปี ก็เข้าพิธีแต่งงานกันที่ประเทศอิหร่าน แต่เรามาอยู่กิน ด้วยกันที่ประเทศเดนมาร์ก มีลูกด้วยกัน ๓ คน หญิง ๒ คน ชาย ๑ คน
ภรรยาผมจิตใจเธออยากจะไปอยู่แต่ประเทศอิรัก ซึ่ง ๑ ปี เธอไปแค่ ๕ - ๑๐ ครั้งเป็นอย่างน้อย และเธอก็ให้เหตุผลกับผมว่าฉันเหงา ฉันคิดถึงพ่อแม่พี่น้อง ฉันอยากกลับอิรัก เพราะที่นั่นฉันอบอุ่น ทุกวันนี้เธอก็พาลูก ๆ ไปอยู่ที่อิรัก สลับกับมาอยู่กับผม ครั้งละประมาณ ๑ เดือนครึ่ง และผมก็คิดว่า จะปลูกบ้านที่อิรักให้เธอไว้อยู่ในช่วงที่เธอกลับไปแต่ผมจะอยู่ที่เดนมาร์กกับลูก ๆ เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือด้วย ซึ่งภรรยาผมก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
ภรรยาของผม เธอรักผมหรือไม่ แล้วทำไมเธออยากกลับไปอยู่กับญาติ ๆ ในอิรัก ทั้งๆ ที่มีสงคราม ผมกับเธอจะอยู่ด้วยกันได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่อย่างไรครับ
คุณครูไม่ใหญ่
ภรรยาของลูก ก็ยังรักตัวลูกอยู่ แหม ต้องมาถามครูไม่ใหญ่ ถามเธอสิจ๊ะ แต่ความผูกพันกับครอบครัวและแดนเกิดมันมีมาก จนยากที่จะห้ามใจไม่กลับไปถิ่นเดิมในสิ่งแวดล้อมที่พรั่งพร้อมไปด้วยหมู่ญาติ แม้จะเกิดภาวะสงครามก็ตาม เพราะว่าร่มเงาของหมู่ญาตินั้นร่มเย็นกว่าร่มไม้ใด ๆ ทั้งสิ้น ไปอยู่ตรงนั้นแม้อยู่ในภาวะสงครามก็มีความอบอุ่นซึ่งกันและกัน
ให้ลูกประคองรักนี้ไว้ให้ได้ตลอดไปด้วยการยินยอม ยืดหยุ่น ยิ้มแย้ม เยือกเย็น เชียร์เธอบ้าง อะไรบ้าง เพราะเธอก็เป็นคนดี เป็นภรรยาที่ดีของสามี เป็นแม่ที่ดีของลูก ลูกอย่ากังวลหรือเป็นทุกข์ใจเลย ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้มันก็เป็นไปตามวิบากกรรม
ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะไปอิรักหรือไม่ไป ก็ให้ลูกนั่งสมาธิ ทำใจใส ๆ แล้วก็นึกถึงบุญนี้ให้ไปคุ้มครองเธอและลูกให้ปลอดภัย
ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร
โดย คุณครูไม่ใหญ่
๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙