คนเลี้ยงกุ้ง
โยมแม่ได้เคยร่วมลงทนุ ทำนาก้งุ กับ หมู่ญาติ ในช่วงแรกๆ กุ้งที่เลี้ยงเอาไว้ตัวอ้วนพีขายได้ราคาดี จนสามารถขายกุ้งได้แบบยกบ่อเลยครับ เงินทองก็ไหลมาเทมาเป็นกอบเป็นกำ
แต่ช่วงหลังๆ กุ้งที่เลี้ยงไว้กลับสามัคคีกัน ตายหมู่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตายเรียบยกบ่อ ทำให้สุดท้ายต้องเลิกกิจการ และขาดทุนยับเยิน พร้อมกับหนี้สินอีกมากมาย
เหตุใดอาชีพทำนากุ้งของโยมแม่ จึงร่ำรวยในช่วงแรก แต่ช่วงหลังกลับขาดทุน
ผมสงสัยว่า กุ้งที่ตายเองในบ่อเลี้ยง กับกุ้งที่ตายเพราะส่งขายให้เขาฆ่าเป็นอาหารผู้เลี้ยงกุ้งจะมีส่วนในวิบากกรรมนี้ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรครับ
ผู้ที่เลี้ยงกุ้งขาย จะได้รับวิบากกรรมทั้งในภพนี้และภพหน้าอย่างไรบ้าง จะแก้ไขวิบากกรรมนี้จากหนักให้เป็นเบาต้องทำอย่างไรครับ
คุณครูไม่ ใหญ่
นาก้งุ ของโยมแม่ ช่วงแรกร่ำรวย แต่ช่วงหลังขาดทุน เพราะทานบารมีในอดีตที่ทำในช่วงแรก แต่ไม่ได้อธิษฐานจิตล้อมกรอบเอาไว้จึงส่งผลให้มาร่ำรวย
แต่เนื่องจากทำบุญมาไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้ขาดทุนในภายหลัง อีกทั้งในชาตินั้น ต่อมาก็ได้อธิษฐานจิตว่า อย่าได้ทำบาปใดเลยดังนั้น บุญปนบาปนี้จึงได้ช่องส่งผลให้เลิกจากกิจการมิจฉาอาชีวะ
กุ้งที่ตายเองในบ่อเลี้ยงกุ้งก็จะส่งผลให้ผู้เลี้ยงกุ้ง ประสบภัยด้วยโรคระบาด เนื่องจากกุ้งตายเอง และผู้เลี้ยงกุ้งมีเจตนาน้อยกว่ากุ้งที่ส่งขายให้เขาฆ่า ซึ่งจะส่งผลให้อายุสั้น และ มีโรคภัยไข้เจ็บเหมือนกัน ต่างแต่ว่า กุ้งตายเองนั้นวิบากกรรมส่งผลน้อยกว่ากุ้งที่เลี้ยงแล้วส่งขายให้เขาฆ่าเป็นอาหาร
ผู้ที่เลี้ยงกุ้งขายจะได้รับวิบากกรรม คือ มีโรคภัยไข้เจ็บมาก และอายุขัยไม่ยืนยาวทั้งปัจจุบันและภพชาติต่อไป
จะแก้ไข ก็ให้หักดิบเลิกอาชีพนี้ แล้วสั่งสมบุญทุกบุญ ทั้งทาน ศีล ภาวนา ปล่อยสัตว์ปล่อยปลาบ่อยๆ แล้วอุทิศบุญกุศลไปให้กับสัตว์เหล่านั้น อีกทั้งต้องนั่งธรรมะให้เห็นพระในตัว
ที่นี่มีคำตอบ ฉบับมินิ เล่ม 5 อย่างงี้ บาปมั้ย
โดย คุณครูไม่ใหญ่
๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐