แค่มองหน้า..ก็รู้ทั้งหมด !!!
ลูกชื่อ ดุษฎีวรรณ เพ็ชรน้ำสิน หรือ ตุ้ม เจ้าค่ะ
หลวงพ่อคะ..ก่อนลูกจะเข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ในวัด ลูกทำงานอยู่ธนาคารแห่งหนึ่ง ตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าส่วนสินเชื่อ มีหน้าที่ดูแลลูกค้าต่างประเทศทั้งหมดค่ะ ซึ่งช่วงที่ทำงานอยู่ ลูกก็ได้มาทำบุญที่วัดพระธรรมกายในปี 2523ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ลูกได้มีโอกาสไปกราบคุณยายฯที่ห้องรับแขกครัวยามา ซึ่งครั้งนั้นอยู่ๆ..ท่านก็พูดลอยๆ ด้วยอาการนิ่งๆ ว่า..“ห้องที่ไม่ได้อยู่..ก็ถูด้วยนะ” ซึ่งพอลูกฟังประโยคนี้จบ ลูกก็เข้าใจว่า..ท่านคงพูดสั่งงานคนอื่นที่นั่งอยู่ข้างหลังลูกแน่ๆ เพราะลูกเองก็เพิ่งมากราบท่านครั้งแรก ท่านคงยังไม่ให้ลูกมาถูโห้งถูห้องอะไรหรอก แต่พอลูกหันควับไปดูข้างหลัง ก็ปรากฏว่า..ไม่มีใครนั่งอยู่หลังลูกเลยค่ะ
แล้วสักครู่..ภาพห้องในบ้านของลูกที่คุณพ่อคุณแม่ของลูกเคยอยู่ แต่ท่านกลับต่างจังหวัดไปหลายเดือนแล้วก็ปรากฏขึ้นในใจลูกทันที!!!ทำให้รู้สึกสะดุ้งปนอายว่า..เอ๊ะ..คุณยายฯรู้ได้อย่างไรว่า ลูกไม่เคยกวาดถูห้องนี้เลยตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ ทั้งๆที่ลูกก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้คุณยายฯหรือใครๆฟังเลยงานนี้..ลูกต้องขอร้องโอ้โห..เพราะท่านแค่มองหน้าลูก ก็สามารถล่วงรู้ไปถึงความเป็นอยู่ในบ้านของลูกได้อย่างเหลือเชื่อ!!! และจากการที่คุณยายฯท่านเมตตาสอนอย่างนี้ลูกจึงปรับปรุงนิสัยให้กลายเป็นคนขยัน และรักความสะอาดมาตั้งแต่บัดนั้นหลวงพ่อคะ..ความทรงอภิญญาของคุณยายฯ ซึ่งนอกจากจะแค่มองหน้าก็เห็นไปถึงบ้านแล้ว ลูกยังเจอสิ่งที่ต้องอึ้งไปกว่านั้นอีกค่ะเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งลูกก็ได้สนทนาธรรมกับเพื่อนเรื่องลักษณะมือของพระโพธิสัตว์ เขาก็บอกลูกว่า มือพระโพธิสัตว์ต้องไม่มีเส้นเลือด ต้องเต็มอูม ไม่มีข้อไม่มีปล้อง! ซึ่งลูกก็เถียงเขาว่า อย่างนี้..ก็เหมือนมือผู้หญิงนะสิ จะเป็นมือพระโพธิสัตว์ไปได้อย่างไร?
อีกทั้งระหว่างที่พระโพธิสัตว์กำลังสร้างบารมีในเมื่อบารมียังไม่เต็มบริบูรณ์ ก็ไม่น่าจะได้ลักษณะมือของมหาบุรุษ ซึ่งลูกเถียงกับเพื่อนเรื่องนี้นานเป็นอาทิตย์จนหงุดหงิดเลยค่ะ แล้วพอวันอาทิตย์ลูกก็มากราบทำบุญกับคุณยายฯที่ครัวยามาตามปกติ ซึ่งขณะที่ลูกนั่งฟังคุณยายฯพูดกับลูกศิษย์คนนั้นคนนี้อยู่เพลินๆ อยู่ๆ..คุณยายฯก็กวักมือเรียกลูกเข้าไปใกล้ๆ ซึ่งลูกก็งงมากค่ะว่าอยู่ๆ..คุณยายเรียกลูกไปทำไม เพราะท่านก็ไม่ได้คุ้นอะไรกับลูกเลย แต่พอลูกคลานเข้าไปเกือบถึงคุณยายฯ
ทันใดนั้น…ท่านก็บอกว่า..“มานี่ๆ มาดูมือยายฯ”จากนั้นท่านก็เอามือท่านให้ลูกดู ซึ่งตอนนั้นลูกก็ได้แต่งงว่า..ทำไมอยู่ๆ คุณยายฯมาเรียกให้ดูมือท่าน แล้วสักครู่..ลูกเลยแว็บขึ้นมาได้ว่า..อ๋อ..เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราเถียงกับเพื่อนเรื่องมือพระโพธิสัตว์ พอมาวันนี้..เมื่อลูกได้เห็นมือคุณยายฯ ลูกก็ได้คำตอบกระจ่างชัดดังชั๊วะในใจดัวยตัวเองเลยทันทีค่ะว่า..มือพระโพธิ์สัตว์เป็นอย่างไรหลวงพ่อคะ พอลูกเจอแบบนี้..ลูกก็ถึงกับอึ้ง เพราะคุณยายฯท่านรู้ได้อย่างไรว่า..วันๆ ลูกไปคุยกับใครเรื่องอะไรบ้างทั้งๆ ที่ลูกก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ใครฟังเลย คือ ท่านแค่มองหน้าลูก ก็สามารถล่วงรู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวลูกได้จึงทำให้ตัวลูกได้รู้ว่ามือของพระโพธิ์สัตว์เป็นอย่างไร แต่ความอัศจรรย์ของคุณยายฯที่ลูกเจอยังมีอีกนะคะ อย่างในครั้งที่ลูกจะไปนั่งสมาธิที่ดอยสุเทพ ลูกก็มากราบขอพรคุณยายฯ กะว่าจะให้คุณยายฯอวยพรว่า..ให้เข้าถึงธรรมอะไรประมาณนี้ค่ะ เพื่อลูกจะได้มีกำลังใจ แต่ที่ไหนได้..แค่คุณยายฯมองหน้าลูก ท่านก็พูดทันทีเลยค่ะว่า..“มาอยู่วัดได้แล้ว เพราะตอนยายอายุเท่าเรา ยายก็เข้าวัดแล้ว”
พอลูกฟังเสร็จก็นึกเถียงในใจทันทีค่ะว่า..แล้วคุณยายรู้ได้ยังไงว่า..ตอนนี้ลูกอายุเท่าไร เพราะปกติแค่มองหน้า..ก็ไม่มีใครทายอายุลูกถูกแบบเป๊ะๆ เลยสักคน เพราะลูกดูสวยและอ่อนกว่าวัยมากอีกทั้งหากใครเล่นทายอายุของลูกก็จะต้องคลาดเคลื่อนบ้างสัก 2-3 ปี และด้วยความคาใจ หลังจากที่ลูกกราบคุณยายฯเสร็จในวันนั้น ลูกก็เลยเดินไปถามประวัติคุณยายฯจากเจ้าหน้าที่วัดคนนั้นคนนี้ ซึ่งเขาก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณยายฯท่านเข้าวัดตอนอายุ 29 ปี ในปี 2481 เพราะคุณยายทองสุข พาท่านไปกราบหลวงปู่วัดปากน้ำ แล้วหลวงปู่ก็สั่งให้ท่านเข้าโรงงานทำวิชชาทันทีซึ่งพอลูกได้ยินคำว่า 29 ปี เท่านั้นเองค่ะ ลูกก็อึ้งแบบสุดๆ..เพราะตรงกับอายุลูกตอนนั้นแบบเป๊ะๆคือ 29 ปีค่ะจนลูกอัศจรรย์มากที่คุณยายแค่มองหน้า โดยไม่ถามอะไรสักแอ่ะ แถมลูกก็ไม่เคยเล่าประวัติอะไรให้ท่านฟังเลย แต่ถ้าคุณยายฯอยากทราบอะไร ท่านก็จะทราบทุกเรื่องด้วยญาณทัศนะที่แม่นยำของท่านเองและด้วยถ้อยคำที่คุณยายฯชวนลูกเข้าวัดสร้างบารมี
หลังจากลูกเคลียร์ภาระทางโลกเสร็จ..ลูกจึงได้ตัดสินใจเข้ามาเป็นอุบาสิกาค่ะลูกอยากจะบอกว่า..คุณยายฯท่านเป็นผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ใครทำบุญกับท่านก็จะได้บุญไปอย่างไม่มีประมาณ ดังนั้นลูกก็อยากเชิญชวนลูกหลานคุณยายฯทั่วโลกมาเอาบุญหล่อทองกับคุณยายฯกันเยอะๆ นะคะ