สิกขาบทสุราเป็นชีวิต
ศีลสุราสิกขาบทนี้ท่านวางหลักไว้เทียบด้วยคชสาร ช้างตัวหนึ่ง มีเท้า ๔ มีงวง ๑ และช้างนั่นมันเป็นอยู่ด้วยงวงมัน ถ้าว่าเมื่องวงมันมีอยู่ตราบใดละก็ งวงนั่นมันเลี้ยงชีพของมัน มันฉุดหญ้ามาเลี้ยงร่างกายมัน ใส่ปากมันได้ ถ้าไม่มีงวงละก็ ช้างมันจะก้มกินอย่างกับโค อย่างกับกระบือ อย่างไรล่ะ มันสูงมันก้มไม่ถึงนี่ จะต้องนอนลงละซี ทำลำบาก
เหตุนี้งวงจึงเป็นตัวสำคัญ เป็นชีวิตของช้างทีเดียว ศีลทั้ง ๕ สิกขาบท สุราเป็นชีวิตทีเดียวหนา ถ้าเลิกสุราไม่ได้ละก็ มารักษาศีลมันลำบากนักละเพราะว่าได้แต่ที่ ห้าไม่ได้
ถ้าล่วงสุราเสียสิกขาบทเดียวเท่านั้นแหละ อีก ๒ สิกขาบทรักษาอยู่ไม่ได้สลายหมดล้มละลายหมดสุราสิกขาบทเดียว
เขาจึงได้ตั้งว่า พระนครแห่งหนึ่งมีประตู ๕ แห่ง
ถ้าออกประตูที่ ๑ จะต้องฆ่าสัตว์
ออกประตูที่ ๒ จะต้องลักทรัพย์สมบัติ
ออกประตูที่ ๓ จะต้องล่วงกาม
ออกประตูที่ ๔ จะต้องพูดปด
ออกประตูที่ ๕ จะต้องดื่มสุรา จะออกประตูไหน
ถ้าออกไประตูที่ ๑ ต้องฆ่าสัตว์ ก็ล่วงสิกขาบทเดียวเท่านั้น ถ้าออกประตูที่ ๒ จะต้องลักทรัพย์สมบัติ ล่วงสิกขาบทเดียวเท่านั้น ถ้าออกประตูที่ ๓ จะต้องล่วงกาเมสุมิจฉาจาร ก็ล่วงสิกขาบทเดียว เท่านั้น
ถ้าออกประตูที่ ๔ จะต้องพูดปด ออกประตูที่ ๕ จะต้องดื่มสุรา จะออกประตูไหน
ถ้าออกที่ ๑ ต้องฆ่าสัตว์ ก็ล่วงสิกขาบทเดียวเท่านั้น
ถ้าออกประตูที่ ๒ จะต้องลักทรัพย์สมบัติ ล่วงสิกขาบทเดียวเท่านั้น
ถ้าออกประตูที่ ๓ จะต้องล่วงกาเมสุมิจฉาจาร ก็ล่วงสิกขาบทเดียวเท่านั้น
ถ้าออกประตูที่ ๔ จะต้องพูดปด ก็ล่วงสิกขาบทเดียวของตามประตูนั้นๆ
ถ้าออกประตูที่ ๕ จะต้องล่วงสุรา ดื่มสุราละก็หมดทั้ง ๔ สิกขาบท ๕ สิกขาบท ล้มหมดทีเดียวท่านวางหลักไว้อย่างนี้
จากพระธรรมเทศนาเรื่อง "ศีลเบื้องต่ำและศีลเบื้องสูง"
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๙