ภาพนิมิตเลื่อนลอย
ถ้าความคิดเกิดขึ้นมาให้ไหลผ่าน |
อย่าต่อต้านก็จะหายถ้าไม่สน |
เหมือนกระจกคันฉ่องส่องใจตน |
ให้รู้ว่าดวงกมลเป็นอย่างไร |
บางช่วงใจของเราไม่ผ่องผุด |
แต่บางช่วงบริสุทธิ์แสนสดใส |
จงเฝ้าเพียรเรียนรู้ให้เข้าใจ |
จะมีสิ่งใหม่ใหม่ให้เราดู |
ตะวันธรรม
เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ ส่วนท่านที่ตึงเป็นอาจิณ เป็นอาชีพเลย ก็ต้องแก้ไขด้วยการไม่เหลือบตามองไปที่กลางกายฐานที่ ๗ ให้ลูกนัยน์ตาเหลือกช้อนขึ้นไป ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น แล้วก็ปล่อยลูกนัยน์ตาเป็นปกติ ทำความรู้สึก ณ จุดที่เราสบาย จะนึกเป็นภาพก็ได้หรือจะไม่นึกถึงภาพก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่งนะ นึกอย่างสบาย ๆประคองใจให้หยุดนิ่งเรื่อยไป
หรือจะเริ่มต้นจากภาพที่เราคุ้นเคยก็ได้ แต่ต้องเป็นภาพที่นำมาซึ่งความบริสุทธิ์ผุดผ่องของใจเรานะ อย่าให้เป็นภาพที่นำมาซึ่งความกำหนัดยินดีในกาม ความขุ่นมัว ขัดเคืองใจ หรือคิดเบียดเบียนเขา ให้เป็นภาพที่ยกใจให้สูงขึ้น เช่นภาพดวงแก้ว องค์พระ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ วัดปากน้ำคุณยายอาจารย์ฯ เป็นต้น หรือจะเป็นภาพผลหมากรากไม้ที่เราค้าขายก็ได้ เอาอย่างเดียว
เมื่อภาพนิมิตเลื่อนลอยเกิดขึ้น
ทีนี้เมื่อทำไปเรื่อย ๆ บางท่านภาพนิมิตเกิด เกิดเป็นเรื่องเป็นราวก็มี ไม่เป็นเรื่องเป็นราวก็มี ถ้าเป็นเรื่องเป็นราวเราก็ดูเฉย ๆ แต่อย่าไปมีอารมณ์ร่วม อย่าไปมีคำถามในใจ เอ๊ะ ! อะไรจริงหรือไม่จริง มาจากไหน มาทำไม มายังไง อย่าไปตั้งคำถาม
จะเป็นภาพคน สัตว์ สิ่งของ หรือเป็นภาพเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน หรือสิ่งที่ผ่านมาแล้วในอดีต หรือสิ่งยังมาไม่ถึงในอนาคตก็ตามหรือเป็นภาพนรกก็มีภาพสวรรค์ก็มีสำหรับบางท่านนะ ไม่ใช่ทุกท่าน มันเป็นภาพนิมิตเลื่อนลอยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ใจเริ่มหยุดนิ่งในระดับหนึ่ง แต่ว่ายังไม่ใช่ของจริงจังอะไร
ไม่ต้องไปแสวงหาคำตอบ ให้ดูเฉย ๆ รู้แล้วไม่ชี้ ดูอย่างเดียว
ดูธรรมดา ๆ ด้วยใจที่เป็นปกติ ไม่มีอารมณ์ยินดียินร้ายเลย อารมณ์เป็นกลาง ๆ เฉย ๆ ไม่ต้องคิดอะไร เพราะเรายังเป็นนักเรียนอนุบาลอยู่ ยังไม่ต้องไปวิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ประสบการณ์ว่าเป็นอะไร มีหน้าที่ดูอย่างเดียว เหมือนดูภาพยนตร์ ดูทิวทัศน์อย่างนั้น
แต่ให้รู้ว่าสมาธิเราก้าวหน้ามาในระดับหนึ่งแล้ว ในระดับที่ภาพเกิด แต่ว่ายังเป็นนิมิตเลื่อนลอย ให้ดูไปเฉย ๆ อย่างสบาย ๆแล้วเดี๋ยวภาพนั้นก็จะเปลี่ยนไปเอง เราก็ดูการเปลี่ยนแปลงของภาพโดยไม่มีอารมณ์ร่วม ใจให้จืดสนิท อย่าให้มีความยินดี
ยินร้าย อยากรู้อยากเห็น อยากรู้เรื่องราวอะไรต่าง ๆ เฉย ๆดูไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไปถึงภาพสุดท้ายที่ใจเรามีความรู้สึกว่ามั่นคง นิ่งสนิท ใจใส ๆ บริสุทธิ์ ต้องทำอย่างนี้นะ
ถ้าเราติดภาพนิมิตเลื่อนลอย มันจะอยู่แค่นั้น มันไม่ไปไหน ยิ่งไปสนใจมากเข้า เดี๋ยวดับหายไปเลย พอหายไปเราก็จะเสียดายขึ้นมาเสียอีก เพราะฉะนั้นให้ทำเฉยๆ รู้ทำเป็นไม่ชี้ ทำเหมือนเด็กนักเรียนอนุบาล ดูไปเรื่อยๆ เหมือนเรานั่งรถดูทิวทัศน์ ดูท้องฟ้า ดูหมู่เมฆ ภูเขา ต้นไม้ ผู้คน แม่น้ำทะเล เราก็ดูไปเรื่อยๆ อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น สำคัญตรงนี้แหละ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ถ้าทำได้อย่างนี้ เดี๋ยวจะดี จะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อย ๆ
แล้วก็เหมือนทุกวันก็คือ ง่วงก็ปล่อยให้หลับในกลาง เมื่อยก็ขยับ ฟุ้งหยาบก็ลืมตามาดูพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ดูรูปคุณยายอาจารย์ฯ ดูดวงแก้ว องค์พระใส ๆ พอใจสบาย เราก็หลับตาใหม่ ค่อย ๆ หรี่ตาลงไป หรือจำให้ง่ายกว่านี้ก็คือทำตัวให้สบาย ทำใจให้สงบ เดี๋ยวจะพบแสงสว่างภายในจะพบดวงธรรม พบกายภายใน พบองค์พระ ต่างคนต่างทำกันไปเงียบ ๆ นะ
พระเทพญาณมหามุนี
วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ ๒๕๔๕
จากหนังสือ ง่ายเเต่ลึก เล่ม 2
โดยคุณครูไม่ใหญ่