อย่าท้อ
ให้นั่งไปเรื่อยๆ เหมือนเรานั่งรถไฟที่จะไปที่หมาย รถไฟ นั่นน่ะเสียงมันก็บอกอยู่เเล้ว ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ก็นั่งกันเรื่อยไป สุดท้ายก็ไปถึงปลายทางจนได้ เราก็ต้องนั่งเรื่อยไป ให้ทำให้มันได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน อย่าให้ขาดเลยเเม้เเต่เพียงวันเดียว ไม่ว่าเราจะทำงานหนัก เหน็ดเหนื่อย หรือนอนดึก ก่อนนอนเราก็ต้องนั่งธรรมะ หรือจัดสรรเวลาทำการบ้านที่มอบหมายเอาไว้ให้นั่นเเหละ สิ่งนั้นก็จะค่อยๆสั่งสมไป สั่งสมบุญ สั่งสมบารมี อินทรีย์ของเราก็ถูกบ่มให้มันสุกมันงอมขึ้นมา ถ้าเป็นการเรียนหนังสือเหมือนกับเราค่อยๆเก็บคะเเนนไปเรื่อยๆ สั่งสมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวบุญของเราก็มากขึ้นไปเรื่อยๆนั่นเเหละ พอถึงขีดถึงคราว มันก็พรึ่บขึ้นมา เป็นรางวัลให้เเก่เราในสมัยพุทธกาลก็มีอย่างนี้ เเม้เเต่ผู้ที่ใกล้ชิดพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งเป็นนักบวชก็มี ทั้งเป็นฆราวาสคฤหัสถ์ก็มีเหมือนกัน ที่ว่ากว่าจะเข้าถึงธรรมก็มีระยะเวลากับเขาเหมือนกัน บางคนก็เร็ว บางคนก็ช้า ขึ้นอยู่กับการสั่งสมบุญบารมีข้ามชาติมา ถ้าเราทำมามาก ขยันมามากชาติในการทำความเพียร สั่งสมบุญมาเยอะ สิ่งที่ยากในกาลก่อนมันก็มาง่ายในตอนนี้ มาพอฟังธรรมไม่กี่คำเท่านั้นเองก็บรรลุเเล้ว มันสว่างเเล้ว เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว ไอ้ที่ยากในปัจจุบัน ก็เพราะขี้เกียจในอดีตนั่นเเหละ ไม่ได้ตั้งใจทำกันจริงๆจังๆ เพราะฉะนั้นก็เลยมายากชาตินี้เเต่ไม่ยาก ก็ยากไม่มาก มันก็ยากพอสู้ เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปรู้ว่าเมื่อไหร่ เราจะเห็น ถ้าจะถามคำนี้ก็จะตอบได้ว่า เมื่อหยุดนั่นเเหละ เราถึงจะเห็น ทีนี้เรายากจะเห็นเมื่อไหร่ก็เเล้วเเต่เราน่ะ ถ้าหยุดตอนนี้มันก็เห็นตอนนี้ ถ้าหยุดพรุ่งนี้มันก็เลื่อนไปอีกวันหนึ่ง ถ้าหยุดอาทิตย์หน้ามันก็เป็นอาทิตย์ ถ้าทำหยุดๆก็อีกนาน ถ้าทำไม่หยุดก็เร็วหน่อย เดี๋ยวความหยุดมันก็จะเกิดขึ้นเเก่เรา เพราะฉะนั้นอย่าไปท้อ ให้ทำความเพียรกันต่อไปสม่ำเสมอ เพราะนี่คือกรณียกิจ เป็นกิจที่เเท้จริง หรือพูดภาษาชาวบ้านว่า เป็นงานที่เเท้จริงของชีวิตหนึ่ง ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา เเม้ไม่พบก็ตามชีวิตหนึ่งที่เกิดมาก็เพื่อกาลนี้ ถ้าพบพระพุทธศาสนาก็รู้เรื่องเร็ว ถ้าไม่พบพระพุทธศาสนาก็รู้เรื่องช้า เพราะว่าไม่มีใครมาสอนกันเรื่องเเบบนี้
ทบทวนโอวาทคุณครูไม่ใหญ่
https://www.youtube.com/watch?v=JLjgYs47ofY&list=PLiOB-4a80W913rg5Gtem7UUgoJFJ9L5wu&index=22