ปล่อยวางให้หมด
ปล่อยวางให้หมด : ปล่อยวาง คำนี้มันลึกซึ้ง ไม่ใช่ปล่อยวางธรรมดาๆ ต้องปล่อยวางจริงๆ ต้องทิ้งทุกสิ่ง ไม่ติดอะไรเลย ปล่อยวางจริงๆ คือ เราต้องทิ้งชีวิตไปเลย ชีวิตคือทั้งหมดที่เป็นเครื่องรองรับทรัพย์ อวัยวะ เรายังทิ้งได้ เพื่อไปเอาธรรมะ เราก็จะเข้าถึงตรงนั้นได้ แล้วการหยุดนิ่งจะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ระยะทางดูสั้นจากศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถึงปากช่องจมูก แต่จะครอบครองได้ก็ไม่ใช่ง่าย แล้วจะรุกคืบหน้าไปเรื่อยๆ ความนิ่งแน่นก็จะมา เพราะฉะนั้น "ปล่อยวางให้หมด" ไม่มีอะไรใหม่ในโลกใบนี้ เราผ่านมาหมดแล้วไม่มีอะไรเลย เราเกิดมาเพื่อการนี้ ณ ความละเอียดตรงนี้ เราก็เข้าใจแล้วว่า เรามาจากไหน เพราะฉะนั้น ต้องทำให้เป็นให้ทั้งเห็นและรู้ไปพร้อมๆกัน ความละเอียดเราจะได้มากขึ้น เยอะๆ ส่วนหยาบๆ ก็ปรับอินทรีย์ บริหารขันธ์ ภารกิจก็ทั้งหยุดนิ่งให้ละเอียดๆ นิ่งในนิ่งๆๆ ไปเรื่อยๆ ถ้านิ่งแน่นจริงๆ จะทันกัน หยุดในหยุดๆๆนิ่งในนิ่งๆๆ เราก็หยุดมาในระดับหนึ่งแล้ว มันก็หยุดเหมือนกัน แต่ว่าหยุดในหยุด ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ
ต้องสู้จึงจะชนะ : เอาให้ละเอียดๆ นิ่งในนิ่งๆๆๆ และให้สังเกตว่า "ตัวเราต้องบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น มีความสุขเพิ่มขึ้น ให้บริสุทธิ์เนื่องมาถึงหยาบเลย" ต้องปรับให้นิ่งแน่นขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก "เพราะฉะนั้น ต้องสู้จึงจะชนะ" ให้นิ่งในนิ่งๆ อย่างเดียว "หยุดนิ่ง" โดยอย่าลืมว่ามีมิเตอร์วัด คือ มีความสุข ความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นๆ ให้ปล่อยวางจากทุกสิ่งจริงๆ ให้หยุดนิ่ง นิ่งได้สนิทก็จะเร็วแรงมากขึ้น กายมนุษย์เหมือนหุ่น
ทำถูกหลักวิชชา : หลักวิชชาของการปฏิบัติธรรมนั้นมีอยู่ ถ้าปฏิบัติให้ถูกหลักวิชชาแล้วต้องเข้าถึงทุกคน ที่เข้าไม่ถึง เพราะความเกียจคร้าน หรือขยันแต่ทำไม่ถูกวิธี ถ้าหากว่ามีความเพียรสม่ำเสมอทุกวัน และทั้งวันแล้ว ก็ไม่มีข้ออ้าง ข้อแม้และเงื่อนไข ทำจิตให้บริสุทธิ์เป็นกุศล มีกุศลกรรมอยู่ในใจเสมอ จิตใจผ่องใสสว่างไสว ต้องเข้าถึงธรรมกายอย่างแน่นอน
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๒
คุณครูไม่ใหญ่