สรุปโอวาทการปฏิบัติธรรมที่ ๙๐
ปล่อยใจไปตรงกลาง : ต้องหลุดพ้นจากสิ่งที่เป็นอยู่ ที่เป็นภาพลวงตา ต้องไม่ติดอะไร นิ่งในนิ่ง ไม่มีบวก หรือลบ สบาย ๆ มีความสุขเหมือนเด็ก ๆ ดูเวลาให้เด็ก ๆ ดูพอถามก็ตอบเลยแบบ innocent เราโตเป็นผู้ใหญ่ มันก็มักจะผ่านขบวนการความคิด มีสิ่งมาปนเป็นโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น ต้องหยุดในหยุด นิ่งในนิ่ง จริงๆ แล้วก็ปล่อยใจไปตรงกลาง ภาษาประสบการณ์ภายในมันจะพอดี ๆ และเข้าใจ
หายสงสัยด้วยตัวของเราเอง : เราต้องดูให้แจ่มแจ้ง อย่าไปติดสัญญา ความทรงจำที่เราเคยศึกษามา รู้ญาณเราจะขยายกว้างมากขึ้น เราจะเกิดความมั่นใจ และหายสงสัยด้วยตัวของเราเอง เราจะเกิดความปลาบปลื้มปีติและภาคภูมิใจ เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้นความสงสัยทั้งปวงของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป ธรรมะก็คือความบริสุทธิ์ ความสว่าง พราหมณ์ก็คือผู้ฝึกฝนทำหยุดนิ่ง เพียรก็คือทำหยุดนิ่ง เพ่งก็คือหยุด เมื่อนั้นพราหมณ์ย่อมหายสงสัย
เราเป็นฐานทัพของพระนิพพาน : ความบริสุทธิ์จะเกิดเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งกาย วาจา ใจ เราจะเข้าใจเลยว่า เราเป็นฐานทัพของ
พระนิพพานจริง ๆ แล้วเราจะเห็นความสำคัญที่จะใช้เวลาทุกอนุวินาทีอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการที่เราเป็นฐานทัพของพระนิพพาน จะมีการดูแลตัวเองที่แตกต่างจากปัจจุบัน
เราต้องใจเย็น ๆ : เราต้องยอมรับความไม่ได้ดั่งใจ แล้วเราจะได้ดั่งใจทุกครั้ง ถ้าเราไม่ยอมรับความไม่ได้ดั่งใจ เราก็จะไม่ได้ดั่งใจทุกครั้ง นึกให้นิ่งไม่ได้ ต้องนิ่งโดยไม่ต้องนึก เราต้องใจเย็นๆ น้ำแข็งว่าเย็นแล้ว ลูกต้องเย็นกว่า ใจเย็น รอให้ได้ เราต้องยอมรับว่า เราควบคุมอะไรไม่ได้ทั้งหมด เหมือนเราส่องกระจก ก็พบว่ามีคนอยู่ในกระจก เป็นคนธรรมดา ไม่ใช่เทวดา เราคนธรรมดา เนรมิตไม่ได้ เราต้องคอย คอยให้เป็น เย็นให้พอ เดี๋ยวจะได้
งานที่แท้จริง : ชีวิตของพวกเราทั้งหลายเกิดมาเพื่อที่จะมาทำงานที่แท้จริงที่เราเรียกว่า กรณียกิจ กิจที่แท้จริงที่ควรทำ ก็คืองานทำหยุด ทำนิ่ง งานที่จะเอาชนะกิเลสอาสวะ ขจัดกิเลสอาสวะให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ไม่มีส่วนเหลือของกิเลสอาสวะเลย ก็คือสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนั่นเอง ให้ใจใสสว่าง แล้วความไม่รู้ก็จะหมดไป ความรู้ที่แท้จริง ความสุขที่แท้จริงก็จะบังเกิดขึ้นเมื่อจิตของเราสว่างไสวสว่างโพลง เราเกิดมาเพื่อการนี้นะลูกนะ
คุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ ง่ายที่สุดคือหยุดได้ เล่ม ๑