คนสุข...คนไม่แคร์โลก

วันที่ 21 กพ. พ.ศ.2566

คนสุข...คนไม่แคร์โลก
0100.jpg

                   ยิ่งโลกเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าความสุขของผู้คนจะลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มักจะทำตามกระแสสังคม ยกเว้นคนไม่แคร์โลก ที่ยังมีความสุขตามอัตภาพของตนเองเสมอ ไม่ว่าโลกจะหมุนไปเร็วเท่าไรก็ตาม ซึ่ง "คนไม่แคร์โลก" มักจะมีความสุข แตกต่างจาก “คนไม่เอาใคร”
 

                   “คนไม่แคร์โลก” ไม่ใช่คนที่ไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้างเลย แต่เขามักจะโฟกัสที่คุณค่าตนเอง แคร์ความรู้สึกของตนเอง และพยายามทำสิ่งที่ตนเองต้องการ ตราบใดที่ไม่เดือดร้อนผู้อื่น และมักจะไม่สนใจคําตำหนิของใคร ไม่เอากระแสความคิดของคนอื่นมาขับเคลื่อนตนเอง แต่ “คนที่ไม่เอาใคร" มักจะมีนิสัยชอบแยกตัวออกจากผู้อื่น มีเพื่อนน้อย ไม่มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นเท่าที่ควร ไม่ชอบดูแลเอาใจใส่ใครและมักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
 

ความสุขจากการเป็นคนไม่แคร์โลก
 

                    การที่เราไม่วิ่งไล่ตามโลก ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของคนทั้งโลกมากเกินไป ก็จะทำให้เราเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีอิสระทางความคิดมากขึ้น ได้ทํากิจกรรมต่าง ๆ ตามที่ตนเองต้องการ ทำให้มีความสุขมากขึ้น
 

คนไม่แคร์โลก...มักจะไม่แคร์ความหรูหรา
 

                    คนไม่แคร์โลกมักจะไม่พยายามไขว่คว้าหาซื้อข้าวของราคาแพงตามกระแสนิยม สนใจแต่สิ่งของจำเป็น เช่น ซื้อรถก็พิจารณาที่ความเหมาะสม ไม่นิยมรถยี่ห้อหรูหราราคาแพง ต้องการเพียงรถที่สามารถนำพาตนเองไปสู่ที่หมายได้ และต้องการแค่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อตนเองในแง่ความสะดวกสบายเท่านั้น
 

                    คนไม่แคร์โลกมักจะโฟกัสที่คุณค่าของสิ่งที่ตอบสนองความต้องการได้มากกว่า แม้ว่าของนั้นอาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากมายนัก ไม่ได้ทำให้ดูดีมีระดับก็สามารถใช้ได้ เขารู้ความต้องการของตนเองดี จึงไม่ผูกความต้องการไว้กับกระแสนิยมของสังคม
 

0200.jpg

คนไม่แคร์โลก....มักจะไม่แคร์คำนิยมชมชอบ
 

                    คนไม่แคร์โลก มักจะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริง ๆ เท่านั้น เพราะรู้ว่ามีประโยชน์ต่อตนเอง โดยไม่แคร์ว่าคนอื่นจะยกย่องยินดีหรือไม่ เขาก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ คนแบบนี้มักจะทำอะไรแบบ "ปิดทองหลังพระ” เพราะเขามักจะคิดว่า ความสุขอยู่ที่การลงมือทำ ไม่ใช่การได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากผู้อื่น คนไม่แคร์โลกประเภทนี้น่าคบหา
 

คนไม่แคร์โลก...ถ้าเขามั่นใจในความถูกต้องแล้ว มักจะไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น
 

                     คนไม่แคร์โลกมักจะคิดว่า ถ้าตนเองทำสิ่งที่ถูกต้อง ดี มีประโยชน์ และเหมาะสมแล้ว เขามักจะไม่แคร์ว่าคนอื่นจะคิดเห็นกับตนเองอย่างไร เข้าใจในความคิดที่แตกต่างของคนอื่น และไม่สนคำตำหนิของใคร
 

                     ถ้าเรามัวแต่ฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากเกินไป บางครั้งก็จะทำให้เราไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย คนไม่แคร์โลกจึงมักจะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นที่เป็นประโยชน์เท่านั้น และไม่เก็บมาใส่ใจมากจนเกินไป แต่ก็ต้องมั่นใจแล้วว่าตนเองทำดีแล้ว ถึงจะไม่แคร์คนอื่นได้ ไม่ใช่ทำผิดแล้วไม่แคร์คนอื่น อย่างนี้ไม่เหมาะสม ซึ่งการไม่แคร์ในที่นี้หมายถึง ถ้าเรามั่นใจในการกระทําของตนเองว่าถูกต้องดีงามแล้ว เราก็ไม่จําเป็นต้องสนใจค่าครหานินทารอบข้างเลย
 

                     การที่เราเอาแต่สนใจของคนรอบตัวที่ต่างออกไปจากเรามาก ๆ จะทําให้เรารู้สีกหงุดหงิดใจ ทุกข์ใจโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น บางเรื่องที่แตกต่างแต่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสีย ก็ไม่ควรใส่ใจมากนัก
 

                       แต่นิสัยไม่แคร์คนรอบข้างก็มีระดับเช่นกัน เช่น ทุกครั้งที่เราอยู่กับคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ทุกคนต่างก็มีนิสัยไม่เหมือนกัน เรามีความเป็นตัวเองสูง แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ เพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขตลอดไป แต่ถ้าเป็นความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง บางคนที่นิสัยเข้ากันกับเราไม่ได้จริง ๆ อาจจะดีกว่าถ้าเราจะยุติความสัมพันธ์กับเขาลง เพื่อความสบายใจด้วยกันของทั้งสอง
ฝ่าย

 

0300.jpg

คนไม่แคร์โลก...มักจะเว้นระยะห่างให้โอกาสความสุขได้เข้ามา
 

                       คนไม่แคร์โลกมักจะอ่อนข้อได้บ้างในบางครั้ง เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในครอบครัวที่หลีกเลี่ยงกันไม่ได้ เราต้องยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็น อะไรที่รับไม่ได้จริง ๆ ก็เลือกที่จะเว้นระยะห่าง มากกว่าก่อความรุนแรงจนเกิดการแตกหัก
 

                       ส่วนคนภายนอกที่ชักนำเราไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ไม่ใช่กัลยาณมิตร มักจะทำให้จิตใจเราขุ่นมัวอยู่เสมอ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัมพันธภาพระหว่างกันเอาไว้ การหลีกเลี่ยงที่จะคบหาคบพาล ย่อมไม่ใช่เรื่องผิด
 

คนไม่แคร์โลก....มักจะไม่สนใจจับผิดผู้อื่น
 

                      คนไม่แคร์โลกส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจอุปนิสัยของคนอื่นมากนัก เขาจะไม่ใส่ใจ คอยบ่นว่า หรือจู้จี้คนรอบข้างให้รู้สึกรำคาญใจ
 

                      คนไม่แคร์โลกไม่ชอบคอยจับผิดใคร หากคนรอบตัวทำผิดพลาด เขามักจะเลือกปล่อยผ่านมากกว่าพร่ำบ่น หรือถามหาว่าเป็นความผิดของใคร เขามักจะมองวิธีการแก้ไขปัญหา มากกว่าที่จะหาข้อบกพร่อง หรือหาคนมารับผิด
 

                      สังเกตว่า คนขี้บ่นมักจะไม่มีความสุข เพราะบ่นไปก็ทุกข์ใจไป คิดร้ายไปต่าง ๆ นานา ว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมไม่ได้ดั่งใจเลย แต่ถ้าเราตัดบทเสียตั้งแต่แรก คือ ไม่ขุดคุ้ยเชื้อเพลิง ไฟก็ไม่ไหม้ใจ ไม่เกิดความทุกข์ขึ้นในใจ
 

คนไม่แคร์โลก...มักจะไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว
 

                       คนไม่แคร์โลกส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจเรื่องของสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากจนเกินไปนัก เช่น สถานการณ์รถติด เป็นต้น ปัจจุบันเมื่อต้องเดินทางสถานการณ์รถติดมักจะทําให้ใครหลายคนรู้สึกกดดันอยู่เสมอ แต่ถ้าเราไม่แคร์ รถจะติดนานแค่ไหนใจก็ไม่ขุ่นมัว
 

                     เพราะฉะนั้น การเผื่อเวลาในการเดินทางนั้นสําคัญ แต่บางครั้งที่เกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ที่ทำให้รถติดเป็นพิเศษและเราไม่สามารถแก้ไขได้ คนไม่แคร์โลกก็มักจะปล่อยวางได้ดีกว่า
 

                      บางสถานการณ์เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เอง ถ้าเรามัวแต่ไปแคร์ ก็ยิ่งทําให้เราทุกข์ใจ หาความสุขไม่ได้ แต่ถ้าเราไม่สนใจ ทำใจให้สบาย ๆ เราก็ไม่ต้องนั่งทุกข์ใจ
 

0400.jpg

                      สรุปง่าย ๆ ก็คือ คนไม่แคร์โลก ไม่ใช่เขาไม่ใส่ใจโลก หรือเป็นคนขวางโลก เพียงแต่เขารู้ว่าตนเองต้องการอะไร และให้ค่าในตนเอง มีความเป็นตัวของตัวเอง แล้วมีความสุขอยู่กับความเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น ซึ่งคนที่จะเป็นแบบนี้ได้จะต้องเป็นคนที่มีมุมมองเชิงบวก ยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นไป จึงจะมีความสุขได้ เพียงเราต้องรู้ว่าสิ่งใดควรแคร์ และสิ่งใดไม่ควรใส่ใจ
 

เจริญพร

พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.067989834149679 Mins