บทที่ ๓
เชื่อผลของกรรมแล้วให้ทาน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ทักษิณาที่ถวายเป็นสังฆทานมีอานิสงส์นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ “ผู้ใดมีศีล ได้ของมาโดยธรรม มีจิตเลื่อมใสดี เชื่อกรรม และผลของกรรมอันโอฬาร ให้ทานในชนผู้มีศีล เรากล่าวทานของผู้นั้นว่ามีผลไพบูลย์๑ ”
พระภิกษุสามเณรได้เรี่ยวแรงอันเกิดจากภัตตาหารนี้ ไปสร้างบุญกุศลมากมายเพียงใด ท่านทานบดีทั้งหลายก็มีส่วนแห่งบุญนี้ไปด้วย เปรียบเสมือนต้นไม้อาศัยแผ่นดิน ดูดซับอาหารและความชุ่มชื้นมาหล่อเลี้ยงจนผลิดอกออกผล ให้ความชุ่มชื้น ก่อกำเนิดเป็นเมฆฝน สร้างความมีชีวิตชีวาให้แก่โลกใบนี้ ฉันใด
พระภิกษุสามเณรดำรงชีพอยู่ได้ เพราะอาศัยภัตตาหารจากท่านทานบดีมาหล่อเลี้ยงร่างกาย ให้มีกําลังในการศึกษาประพฤติปฏิบัติธรรม สืบทอดอายุพระศาสนา ยังฝนคือบุญให้เกิดขึ้น ไหลรินเป็นสายธารแห่งบุญ จรดลงสู่ศูนย์กลางกายของท่านทานบดีทั้งหลาย และยังฝนคือธรรมธารา ไหลรินสู่ดวงใจชาวโลก สร้างความชุ่มเย็น นำสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ ไปสู่พระนิพพาน ฉันนั้น
๑ทักขิณาวิภังคสูตร มก. ๒๓/๓๙๓, มจ. ๑๔/๔๓๐