พฤติกรรมเลียนแบบ

วันที่ 09 ตค. พ.ศ.2566

1Capture.jpg

ในยุคปัจจุบันนี้ ทำไมละครจึงมีอิทธิพลจนเป็นพฤติกรรมเลียนแบบได้?


                ชีวิตจริงของคนเรานั้น จะมีสักกี่คนที่จะสมหวังไปทุกเรื่อง เราจะพบว่าสมหวังก็มี ผิดหวังก็มาก บางคนก็มีความฝันอันเลิศลอย เช่น ผู้หญิงก็ฝันว่า ตัวเองเป็นนางเอก ผู้ชายก็ฝันว่าตัวเองเป็นพระเอก อาจมีปาฏิหาริย์จะได้เจอเจ้าชายหรือเจ้าหญิง อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเป็นจริงเท่าไหร่ ในชีวิตจริงๆ นั้นปัญหาเยอะซึ่งโหดร้ายทั้งนั้นเลย บางคนก็เลยวัยที่จะฝันได้ แต่ก็ยังมีจินตนาการในตอนเป็นวัยรุ่นอยู่


                  ตอนเราดูหนังดูละครมันเหมือนเราหลุดออกจากโลกความเป็นจริง แล้วไปอยู่ในโลกของจินตนาการ ก็เอาใจช่วย โดยสวมหัวใจการเป็นพระเอกนางเอกไปด้วย เหมือนเป็นการแทนตัว เป็นการสร้างความสมหวังเล็กๆ ในใจ นั่นคือจิตวิทยาของคนทั่วไป จึงทำให้คนชอบดูละคร


                 คนไทยในสมัยก่อนก็จะมีลิเก ทางภาคใต้ก็จะมีหนังตะลุง บางทีก็มีโขน ในแต่ละภูมิภาคก็จะมีการละเล่นของตัวเอง แล้วก็พัฒนาขึ้นมาเป็นละครซึ่งเป็นสื่อใหญ่ไปได้กว้างไกลกว่า บางครั้งละครไทยก็ไปดังในประเทศเพื่อนบ้านก็มี


                  การนําเอาชีวิตจริงของใครบางคนมาทําเป็นละครนั้น จะมีข้อดีอย่างไรบ้าง?


                   พอเราดูและรู้ว่ามาจากเรื่องจริง ความรู้สึกยอมรับก็จะมากขึ้นและได้ข้อคิดเยอะ แต่จริงๆ แล้วแม้แต่ละครที่แต่งขึ้นมา ถ้าเราดูแล้วดูเป็น ดูดี ๆ แล้ว รู้จักคิด เราจะได้ประโยชน์


                   เพราะความจริงนั้นคนทั่วไปมักดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดคิด อะไรก็ตามที่ให้หยุดคิดได้เป็นประโยชน์ทั้งนั้น มันจะได้ข้อคิดมาสอนใจตัวเองและปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ตรงนี้จะเป็นประโยชน์ถ้าดูละครเป็น จริงๆ แล้วละครเกือบทุกเรื่องเลย ถ้าดูเป็นจะได้ข้อคิดทั้งนั้น ในแง่มุมต่างๆ กัน


                   การดูละครนั้นก่อให้เกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้ เราจะทำอย่างไรเพื่อก่อให้เกิดการเลียนแบบที่ดีได้?


                   หนังและละครนั้นมีอิทธิพลต่อคนดูมาก ในสมัยก่อนแค่เรื่องราวในหนังสือเช่น วรรณคดีไทยอย่างเรื่องขุนช้างขุนแผน ซึ่งตัวพระเอกในเรื่องเป็นคนเจ้าชู้มีภรรยามาก สังคมถือว่าเก่ง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นไม่ถูกต้อง เราน่าจะเอาตัวอย่างของคนที่รับผิดชอบครอบครัวและสู้งาน ทุ่มเท เอาจริงเอาจัง ขยันขันแข็ง ตั้งใจเรียน รับผิดชอบต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้น ยอมรับความผิด เป็นโมเดลของพระเอกที่ประสบความสําเร็จ ให้เป็นภาพอุดมคติของเยาวชนทั้งชายและหญิง ภาพพระเอกนางเอกจริงๆ ต้องเป็นอย่างนี้

11Capture.jpg


                    ในละครญี่ปุ่นที่นิยมมาก คือ คาบูกิ ถ้าเปรียบกับของไทยคือ ลิเก แต่มีรูปแบบคนละแบบ คือเป็นละครตามประเพณีดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีการแต่งหน้าคล้ายๆ งิ้ว เรื่องที่นิยมมากคือเป็นเรื่องของเจ้าเมืองในสมัยโชกุน


                      ระบบญี่ปุ่นคือโชกุนเป็นใหญ่ แล้วแบ่งเขตการปกครองออกเป็นเมืองต่างๆ ร้อยกว่าเมือง เจ้าเมืองเรียกว่าไดเมียว แล้วโชกุนก็ออกกติกาว่า เจ้าเมืองทุกเมืองจะต้องมาอยู่ที่เอโด๊ะ ก็คือ โตเกียวในปัจจุบัน ปีเว้นปี ให้มาอยู่กับโชกุนเพื่อป้องกันการคิดกบฏ แต่มีเจ้าเมืองไดเมียวเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง เมื่อมาถึงเอโด๊ะ ก็มีอำมาตย์ที่ชอบรับสินบนเรียกรับสินบน เจ้าเมืองนี้ไม่ให้ก็เลยโดนแกล้ง โดยอำมาตย์ไปฟ้องเบื้องสูงแล้วสั่งฆ่าไดเมียวคนนี้ทิ้งเลย


                       แล้วก็ยึดเมืองทั้งหมดของไดเมียวคนนี้ด้วย และส่งคนอื่นไปครองเมืองแทน และซามูไรในสังกัดนั้นจะถือคติที่ว่ามีเจ้านายเดียวตลอดชีวิต ถ้าเจ้านายตายจะกลายเป็นซามูไรพเนจร เรียกว่า โรนิน ซึ่งอำมาตย์ก็กลัวเหมือนกันว่าซามูไรของไดเมียวเก่าจะมาแก้แค้น ก็ส่งสายสืบไปสืบดูก็พบว่า ซามูไรในสังกัดเดิมนั้นมีอยู่ไม่กี่ร้อยคน เพราะเป็นแค่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง


                      พอประชุมลับกันเสร็จแล้วก็สลายตัวแยกย้ายกันไปเพราะไม่มีเจ้านายแล้ว ต่างคนต่างไปค้าขาย ทำไร่ทำนา ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เสียเกียรติมาก เพราะในสมัยนั้นซามูไรจะต้องฝึกการรบเท่านั้น


                      หลายปีผ่านไป จนอำมาตย์ตายใจแล้วว่าซามูไรเหล่านั้นคงถอดใจแล้ว เพราะต่างคนต่างไปหาอาชีพที่ต่ำต้อย คงไม่มีอะไรแล้ว ก็หมดระแวงระวังในวันครบรอบวันตายของเจ้าเมืองนั่นเอง ซามูไรในสังกัด 40 กว่าคน ที่กลั่นมาแล้วที่อยากล้างแค้นให้เจ้านาย และยินดีทำทุกอย่างพร้อมจะตายเพื่อเจ้านายได้ ตกลงกันแล้วก็แยกย้ายกันไปทํางานที่ไร้เกียรติกระจัดกระจายไม่รวมกลุ่มกันเลย เพื่อให้อีกฝ่ายหมดระแวง พอครบวันนัดทุกคนก็กลับมารวมกันเตรียมจู่โจมบ้านพักของอำมาตย์คนนั้น แล้วฆ่าอำมาตย์คนนั้นตายเลย


                       เมื่อฆ่าล้างแค้นให้เจ้านายได้แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าไม่สามารถสู้โชกุนได้ ก็เลยทำการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้องตัวเองตายหมด เป็นการพลีชีพเพื่อเจ้านาย ต้องบอกว่าคนญี่ปุ่นเกือบทั้งประเทศเลยที่เคยดู คาบูกิ เรื่องนี้ เรียกว่า ปลื้มและประทับใจมากถึงความจงรักภักดีต่อเจ้านาย


                        เพราะสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วความจงรักภักดีนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ก็จะตอกย้ำาโดยผ่านละครอะไรต่างๆ กันมาตลอดเป็นการปลูกฝังคนญี่ปุ่นให้รู้ว่า คนไหนที่ทรยศเจ้านายนั้นเป็นคนที่เลวมาก ใช้ไม่ได้เลย คนดีต้องจงรักภักดีเท่านั้น มันก็เป็นแนวโน้มที่นำสังคมไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปทางไหน

111Capture.jpg


                       ฉะนั้น ถ้าเราต้องการสร้างบุคลิกของคนในชาติให้เป็นอย่างไร วรรณกรรมละคร นั้นมีผลมาก ตรงนี้ดูเบาไม่ได้เลย ฉะนั้นใครที่ทำหน้าที่เป็นผู้สร้างละคร ก็ขอให้ทุ่มเทศักยภาพของเราให้มาก เอาละครไทยไปสู่ระดับโลกเลย ให้คนทั่วโลกยอมรับให้ได้ และรัฐบาลก็ต้องให้การสนับสนุนด้วย จะทําให้เกิดผลดีหลายต่อ เช่น ทําให้คนไทยมีแบบอย่างที่ดี

                         และเมื่อโกอินเตอร์ได้เราก็จะได้เงินตราต่างประเทศมาด้วย ก็จะส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศของเรามากขึ้นด้วย เพราะเขาอยากเห็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพว่าทำกันอย่างไร ซึ่งสอดคล้องกับทรัพยากรในประเทศของเราคือมีแหล่งท่องเที่ยวมาก และถ้าหาได้อย่างนี้ประเทศเราก็สามารถติดลมบนไดไม่แพ้ประเทศอื่นเลย


                         ควรมีหลักการข้อคิดใดๆ เพื่อให้ผู้ผลิตได้ผลิตรายการที่ดีมีคุณภาพเพื่อให้เกิดกระแสที่ดีขึ้นในสังคมได?


                        คนที่หยิบเค้าโครงเรื่อง(plot) ที่น่าสนใจ แล้วเป็น plot เรื่องในทางบวกมานําเสนอได้นั้น ถ้าตั้งใจทําด้วยความประณีตจริงๆ ต้องบอกว่าเป็นคนที่มีฝีมือมากเลย ถ้าทำถึงจุดจริงๆ เลยจะได้รับความนิยม และได้หลายต่อ เพราะมันจะพิสูจน์ให้เห็นถึงฝีมือว่ามันทำได้ยากกว่าเรื่องทั่วๆ ไป เมื่อทำสําเร็จคนก็จะเห็นว่าฝีมือสุดยอด ถ้าทุ่มเทจริงๆ นั้นเราสามารถทำได้


                         เราจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้รังสรรค์วรรณกรรมในรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นละครหนัง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่น่าสังคมได้นำโลกได้ ให้คุณกับโลกได้ แต่มันก็ต้องหลายๆ ฝ่ายช่วยกัน โดยเฉพาะรัฐบาลต้องช่วยสนับสนุน อย่างนี้โอกาสแจ้งเกิดก็จะสูงมากขึ้น เพราะคนที่อยากทำเรื่องดีๆ นั้นก็มี แต่ก็ต้องทําให้เขารู้สึกว่าเขาไม่เสี่ยงจนเกินไป อย่างนี้ก็จะพอสู้กันได้


                         มีข้อคิดอย่างไรในการเลือกดูละคร เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการใช้ชีวิตประจําวัน?


                         คือละครนั้นเราดูจากทีวีก็ได้ อ่านจากหนังสือก็ได้ คนไทยชอบดูละครทีวี ทางวิทยุในสมัยก่อนก็มีคนก็ชอบฟัง แต่หนังสือนั้นคนยังอ่านน้อยเพราะขึ้เกียจอ่านหนังสือ อยากจะบอกว่าขอให้ขยันอ่านเพิ่มขึ้น จะอ่านละครหรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้ได้อ่าน เมื่ออ่านจนเคยเดี๋ยวมันจะค่อยๆ ขยายไปอ่านอย่างอื่นเอง เพราะจุดต่างคือ ถ้าเราเองดูจากทีวีบางทีเราเป็นผู้รับสารเราจะไม่ค่อยมีเวลาหยุดคิดมากเท่าไรนัก


                          เพราะการแสดงเนื้อเรื่องมันดำเนินไปได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นการอ่านพอถึงตอนที่เราจะคิดอะไรเราก็สามารถหยุดอ่าน แล้วคิดตามได้โดยไม่ขาดตอน ดังนั้นจะให้ได้แง่คิดหรือหยุดคิดได้จริงๆ ก็ต้องฝึกนิสัยรักการอ่านด้วย ถ้ามีลูกหลานก็ให้ปลูกฝังเรื่องการอ่านให้มาก จะทำให้ลูกหลานฉลาด เป็นคนมีข้อมูล รู้จักคิด ไตร่ตรองเรื่องต่างๆ ได้ลึกซึ้งมากกว่าคนทั่วไป


เจริญพร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0086416999499003 Mins